No Favorites

คนโง่มาค้านว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามปั้นรูปพระองค์

พูดถึงเรื่อง อปฺปฎิโม คนโง่ก็มาค้านว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามปั้น

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า สัตว์ที่เขลา โง่เง่า เงอะงะไม่สามารถที่จะรู้อรรถแห่งคำเป็นสุภาษิต … มีมากกว่า สัตว์ที่มีปัญญา ไม่โง่เง่า มีเป็นส่วนน้อย ดังนั้น คนที่โง่เง่า ไม่เข้าใจ ไม่รู้อรรถแห่งคำเป็นสุภาษิต ก็จะไม่รู้ว่าพระองค์ตรัสห้ามไว้ แน่นอน

...สัตว์ที่เกิดในปัจจันตชนบทในพวกชาวมิลักขะที่โง่เขลา มากกว่าโดยแท้ สัตว์ที่มีปัญญา ไม่โง่เง่าไม่เงอะงะ สามารถที่จะรู้อรรถแห่งคำ เป็นสุภาษิตและคำเป็นทุพภาษิตได้ มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่เขลา โง่เง่า เงอะงะ ไม่สามารถที่จะรู้อรรถแห่งคำเป็นสุภาษิต และคำเป็นทุพภาษิตได้ มากกว่าโดยแท้ สัตว์ที่ประกอบด้วยปัญญาจักษุอย่างประเสริฐ มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่ตกอยู่ในอวิชชา หลงใหล มากกว่าโดยแท้ สัตว์ที่ได้เห็นพระตถาคต มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่ไม่ได้เห็นพระตถาคต มากกว่าโดยแท้ สัตว์ที่ได้ฟังธรรมวินัยที่ พระตถาคตประกาศไว้ มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่ไม่ได้ฟังธรรมวินัยที่พระ ตถาคตประกาศไว้ มากกว่าโดยแท้ ...

เขาคงเข้าใจว่า ไม่มีคำว่า "ห้าม" ก็เลยเข้าใจว่า ไม่ได้ห้าม เพราะไม่มีคำว่าห้าม งั้น คำที่มารดาบอกว่า "อย่าเสพยานะลูก" แม้ไม่มีคำว่า "ห้าม" ไม่เรียกว่า ห้ามในสิ่งที่ไม่ควรหรือ ? ในมาตราของกฎหมาย ไม่มีคำว่า "ห้าม" ถ้าไปละเมิด ไม่เรียกว่าผิดกฎหมายหรือ ?

หลักธรรมนี้ให้ใช้ปัญญาพิจารณาเนื้อความแห่งอรรถ ไม่ยึดดูตามตัวพยัญชนะ และมันไม่มีหรอกที่พระพุทธเจ้าจะตรัสคำว่า "ห้าม" กำกับไว้ ทุกๆคำที่ตรัส

...ไม่พึงยึดพยัญชนะจนเกินไป ดำรงอยู่ในข้อแนะนำของอาจารย์ทั้งหลาย พิจารณาถึงเนื้อความด้วยประการฉะนี้ ด้วยว่า เนื้อความเป็นที่พึ่งได้ พยัญชนะไม่ได้...

ปฺปฎิโม (ปฏิมากรรม) คือ การปั้น หรือ การสร้างรูปทรง อปฺปฎิโม คือสิ่งที่ตรงกันข้าม คือ ปั้นไม่ได้ เมื่อเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม มันก็ไม่ใช่ธรรมของพระพุทธเจ้า เมื่อไม่ใช่ธรรมของพระพุทธเจ้า พระองค์ให้กระทำ หรือ ให้เว้นกระทำ ? ก็ต้องเว้นกระทำใช่หรือไม่ ? แล้วคำว่า ให้เว้นกระทำ มีความหมายว่า "ห้าม" (ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔) แล้วธรรมที่พระพุทธเจ้าให้เว้น ก็คือ ธรรมที่เป็นไปในทาง "กรรมดำมีวิบากดำ"

...[๘๘] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูก่อนปุณณะกรรม ๔ ประการนี้ เราทำให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม ๔ ประการนั้นเป็นไฉน ดูก่อนปุณณะ กรรมดำมีวิบากดำมีอยู่ กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาวมีอยู่ กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรมมีอยู่...

และในในมหาประเทศ 4 พูดถึงสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสห้ามไว้ เพราะสิ่งที่ตรัสห้ามไว้นั้นมีอยู่แล้ว เรื่องรูปปั้นก็ตรัสห้ามไว้แล้วใน อปฺปฎิโม

[๙๒] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายเกิดความรังเกียจในพระบัญญัติบางสิ่งบางอย่างว่า สิ่งใดหนอ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้ สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาต จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระมีพระภาคเจ้าวัตถุเป็นกัปปิยะและอกัปปิยะพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสประทานสำหรับอ้าง ๘ ข้อ ดังต่อไปนี้

๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควร หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้น ไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย

๒. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควรหากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย

๓. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า สิ่งนี้ควรหากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย

๔. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า สิ่งนี้ควรหากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย

พระตถาคต จะตรัสออะไรย่อมมีเหตุอันควร ไม่มีเหตย่อมไม่มี อยู่ดีๆพระองค์จะตรัสว่า "ไม่มีใครเปรียบ ไม่มีใครเปรียบเสมอ ไม่มีส่วนเปรียบ ไม่มีบุคคลเปรียบ ไม่มีใครเสมอ เสมอด้วยพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอ..." แล้วให้คนไปสร้างรูปเปรียบพระองค์ ให้คนยึดติดในรูป ทั้งทั้งที่ พระองค์ไม่ได้สอนให้ยึดติดในรูป มันเป็นไปไม่ได้หรอก

ยกตัวอย่าง เช่น พระองค์ตรัสว่า "เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์" จุดประสงค์ของพระองค์ก็คือ ไม่ให้ทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำว่า "เว้นขาด" คือ "ไปฆ่าสัตว์" แล้วทีนี้ที่ตรัสว่า "อปฺปฎิโม" ก็คือไม่ให้ทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับ "อปฺปฎิโม" ก็คือ "ปั้นได้"

ดังนั้น ประเด็นมันจึงอยู่ที่ว่า ท่านห้ามปั้น มันจบที่ตรงนี้ มันไม่ใช่อยู่ที่ว่า เราไปคิดเอาเองว่าสร้างขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์เพื่อให้ระลึกถึง

กระทู้เกี่ยวข้อง :  #พระพุทธเจ้าห้ามปั้นรูปพระองค์ ละเมิดสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ย่อมประสบบาปเป็นอันมาก  #หลักธรรมข้อนี้คนส่วนมากเข้าใจได้ยากมาก (เอกปุคคลวรรคที่ ๑๓)