อ้างว่ากราบรูปปั้นแล้วระลึกถึงพระพุทธเจ้า
พระธรรมเป็นทางตรง ก็ควรจะระลึกตรง ไม่ใช่เอาวัตถุมาบัง
...พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่าทางนั้นชื่อว่าเป็นทางตรง ทิศนั้นชื่อว่าไม่มีภัย รถชื่อว่าไม่มีเสียงดัง ประกอบด้วยล้อคือธรรม หิริเป็นฝาของรถนั้นสติเป็นเกราะกั้นของรถนั้น เรากล่าวธรรมมีสัมมาทิฏฐินำหน้าว่าเป็นสารถี
ไม่ควรเอาวัตถุมาบัง เพราะจิตเป็นธรรมชาติกลับกลอกเร็ว การบ่มตนเองให้ยึดติด ถือนิมิตในวัตถุ ตายไปวิญญาณก็จะเข้าถึงบาป
ยึดติดในรูป มีคติที่ไป 2 อย่างคือ นรก หรือ กำเนิดสัตว์เดียรฉาน อย่างใดอย่างหนึ่ง
... ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลแทงจักขุนทรีย์ด้วยหลาวเหล็กอันร้อนไฟติดลุกโพลงแล้ว ยังดีกว่า การถือนิมิตโดยอนุพยัญชนะในรูป อันจักขุวิญญาณพึงรู้แจ้ง จะดีอะไร วิญญาณอันตะกรามด้วยความยินดีในนิมิต หรือตะกรามด้วยความยินดีในอนุพยัญชนะ เมื่อตั้งอยู่ก็พึงตั้งอยู่ได้ ถ้าบุคคลพึงทำกาลกิริยาเสียในสมัยนั้นไซร้ ข้อที่บุคคลจะพึงเข้าถึงคติ ๒ อย่าง คือ นรกหรือกำเนิดสัตว์เดียรฉานอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเราเห็นโทษอันนี้ จึงกล่าวอย่างนี้
มีหลายเรื่อง พูดถึงเรื่องการตายคาความอาลัยในสิ่งใด ก็จะได้ไปเกิดอยู่กับสิ่งนั้น เช่น เรื่องนี้
แถมในปัจจุบันนี้ รูปปั้นกลายเป็นธุรกิจพระเครื่องไปเลย