อวิกฺเขปํ กโรนฺโต คือ ผู้ไม่ทำความฟุ้งซ่านด้วยอำนาจแห่งสมาธิ. บทว่า
ปชานนฺโต ผู้รู้ทั่ว คือรู้ชัดด้วยปัญญารู้อริยสัจ ๔. บทว่า วิชานนฺโต
ผู้รู้แจ้ง คือรู้แจ้งอารมณ์ด้วยวิญญาณ คืออาวัชชนจิตอันถึงก่อน (เกิด
ก่อน) ชวนะที่สัมปยุตด้วยอินทรีย์. บทว่า วิญฺญาณจริยาย ประพฤติ
ด้วยวิญญาณ คือด้วยอำนาจแห่งวิญญาณคืออาวัชชนจิต. บทว่า เอวํ
ปฏิปนฺนสฺส ผู้ปฏิบัติอย่างนี้ คือปฏิบัติด้วยอินทรียจริยาพร้อมกับ
อาวัชชนะ. บทว่า กุสลา ธมฺมา อายาเปนฺติ กุศลธรรมทั้งหลายย่อม
ดำเนินไป ความว่า กุศลธรรมทั้งหลายเป็นไปแล้วด้วยอำนาจแห่งสมถะและ
วิปัสสนา ยังความวิเศษให้เป็นไป. บทว่า อายตนจริยาย ภูสะความมั่นคง
ท่านกล่าวว่า ความมั่นคงของกุศลธรรมทั้งหลาย ด้วยอายตนจริยา คือ
ด้วยความประพฤติเป็นไป. บทว่า วิเสสมธิคจฺฉติ คือ ย่อมบรรลุคุณ
วิเศษด้วยอำนาจแห่งวิกขัมภนปหาน ตทังคปหาน สมุจเฉทปหาน และ
ปฏิปัสสัทธิปหาน.
พึงทราบวินิจฉัยในบทมีอาทิว่า ทสฺสนจริยา จ สมฺมาทิฏฺฐิยา
การประพฤติสัมมาทิฏฐิ ชื่อว่า ทัสสนจริยา ดังต่อไปนี้.
ชื่อว่า สัมมาทิฏฐิ เพราะเห็นชอบ หรือเป็นเหตุเห็นชอบ หรือ
มีทิฏฐิงามน่าสรรเสริญ. แห่งสัมมาทิฏฐินั้น.
ชื่อว่า ทัสสนจริยา เพราะประพฤติด้วยการทำนิพพานให้ประจักษ์.
ชื่อว่า สัมมาสังกัปปะ เพราะดำริชอบ หรือเป็นเหตุดำริชอบ
หรือดำริดีน่าสรรเสริญ.
ชื่อว่า อภินิโรปนจริยา เพราะพระพฤติปลูกฝังจิตไว้ในอารมณ์นั้น.
ชื่อว่า สัมมาวาจา เพราะเจรจาชอบ หรือเป็นเหตุเจรจาชอบ