ที่พระชนนีมีอุปการะแก่ข้าพเจ้า แต่คุณของข้าพเจ้านี่แหละมีมากกว่านั้น เมื่อ
จะทรงพรรณนาโทษของพระมารดา จึงตรัสคาถา ๒ คาถาว่า
พระมารดาทรงชราแล้วก็ทำเป็นสาว ทรง
เครื่องประดับซึ่งไม่ควรประดับ ตรัสซิกซี้สรวลเส
เฮฮากะพวกรักษาประตูและพวกฝึกหัดม้าจนเกินเวลา
ยิ่งกว่านั้นพระมารดายังสั่งทูตถึงพวกเจ้าผู้ครองนคร
เสียเอง ข้าพเจ้าจึงให้พระชนนี แก่ผีเสื้อน้ำด้วยโทษ
นั้น.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทหรา วิย ความว่า แม้ทรงชราแล้ว
ก็ยังทรงเครื่องประดับ คือแต่งพระองค์เหมือนคนสาว. บทว่า อปิลนฺธนํ
ได้แก่ ไม่ควรประดับ ได้ยินว่า พระนางสลากเทวีนั้นทรงประดับสายรัดเอว
ทองเต็มไปด้วยเพชร ทรงดำเนินไป ๆ มา ๆ ในเวลาที่พระราชาประทับ ณ
มหาปราสาทกับเหล่าอมาตย์ ทั่วพระราชนิเวศน์ได้ดังก้องเป็นอันเดี่ยวกันด้วย
เสียงของสายรัดเอว. บทว่า ปชคฺฆติ ความว่า ทรงเรียกพวกคนเฝ้าประตู
และพวกฝึกช้างฝึกม้าเป็นต้น ซึ่งเป็นผู้ไม่สมควรจะบริโภคแม้อาหารอันเป็น
เดนของพระนางมาสรวลเสเฮฮากับพวกเหล่นั้นจนเกินเวลา. บทว่า ปฏิรา-
ชานํ ได้แก่ พวกเจ้าครองนคร. บทว่า สยํ ทูตานิ สาสติ ความว่า
ทรงพระอักษรเองว่าเป็นคำของข้าพเจ้าแล้วส่งทูตไปว่า พระชนนีของเราตั้ง
อยู่ในวัยที่บุคคลควรใคร่ เจ้านั้น ๆ จงมานำพระชนนีไป พวกเจ้าครองนคร
เหล่านั้นส่งราชสาสน์ตอบมาว่า พวกข้าพระองค์เป็นอุปัฏฐากของพระองค์
เหตุไรพระองค์จึงตรัสแก่พวกข้าพระองค์อย่างนี้ เมื่อเขาอ่านราชสาสน์นั้น ๆ
ในท่านกลางที่ประชุม ได้เป็นเหมือนเวลาที่ตัดเศียรของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจัก
ให้พระชนนีนั้นแก่ผีเสื้อน้ำด้วยโทษนั้น.