ความเข้าใจผิดในเรื่องแก้กรรม กรณีแก้ได้ก็มี แต่จะพูดว่าแก้ไม่ได้เลย อันนี้ไม่ถูก
- พระพุทธเจ้าให้พระสารีบุตรอดโทษให้พระรูปหนึ่งที่กล่าวตู่ท่าน มิฉะนั้น ศีรษะของภิกษุนั้นจะแตก 7 เสี่ยง ก็ขอขมา ศีรษะก็ไม่แตกไง อันนี้ก็เรียกว่าแก้ไข
- ประกันไม่ให้ไปนรกเลยก็มี ตัวอย่างเรื่อง นายตัมพทาฐิกะ ฆ่าโจรอยู่ 55 ปี แต่ได้ถวายข้าวยาคูแด่พระสารีบุตร ซึ่งออกจากสมาบัติ พระเถระกล่าวอนุโมทนา และลวงเขาว่าอกุศลไม่ได้เกิดกับเขาซึ่งทำตามคำสั่งพระราชาแล้วแสดงธรรม เขาฟังธรรมแล้วได้บรรลุโสดาบัน ขณะกลับจากตามส่งพระเถระแล้วเขาถูกนางยักษิณีมาด้วยเพศแม่โคนมขวิดตาย ไปเกิดอยู่ภพดุสิต อันนี้ก็เรียกว่าแก้ไข เพราะเมื่อเป็นพระโสดาบันมีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา
- ประกันไม่ให้ไปนรกเลยมีอีกเรื่อง คือ เรื่องสุพรหมเทวบุตร มีนางเทพอัปสรพันหนึ่งเป็นบริวาร เทพอัปสร 500 นางเกิดความประมาท ไปเกิดในนรก แล้วก็รู้ว่าตนเองก็จะได้ไปเหมือนกัน จึงกลัวเลยไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์แสดงธรรมให้ฟัง ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน พร้อมด้วยนางเทพอัปสรอีก 500 อันนี้ก็เรียกว่าแก้ไข เพราะเมื่อเป็นพระโสดาบันมีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา
- และในกรณีเรื่อง องคุลิมาล แก้ไขไม่ให้หมกไหม้อยู่ในนรกจากผลกรรมที่ไปฆ่าคน เสวยแต่ทุกข์ในชาติปัจจุบันนี้เท่านั้น เพราะหลุดพ้นแล้ว พระศาสดาคํานวณดูแล้วว่าไปเอาองคุลิมาลได้ จะได้แก้ไข อันนี้ก็เรียกว่าแก้ไข
- กรณีหญิงมีครรภ์คนหนึ่ง ตายแล้วจะได้ไปนรก แต่ไม่ได้ไป พระศาสดาคํานวณดูแล้วไปเอาได้ จะได้แก้ไขไม่ไปนรก อันนี้ก็เรียกว่าแก้ไข
- แต่ไม่ยอมแก้ก็มีทั้งที่แก้ได้ เช่น เรื่อง พระโกกาลิกะตำหนิพระอัครสาวก ว่ามีความปรารถนาลามก พระพุทธองค์ทรงห้ามถึง 3 ครั้ง ก็ไม่ฟังครั้นกลับไปแล้ว ก็ป่วยมีตุ่มขึ้นเต็มตัว ตายไปตกปทุมนรก แต่ถ้าแก้ไข จะไม่ได้รับโทษหนักแบบนี้
- แต่ถ้าบาปหนักแม้ขอขมาก็ไม่พ้นนรกเหมือนกันเช่นเรื่องนี้ แต่ผู้นั้นก็ได้รับโทษน้อยกว่าที่ไม่สำนึกผิด หรืออนันตริยกรรม แต่พระเทวทัตทำสองอย่าง ก่อนตายได้แก้ไขด้วยการขอขมา โทษก็ลดลง ตกแค่กัปเดียว อันนี้ก็ถือว่าได้แก้ไข
- ธิดาเศรษฐีได้ทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วทำให้บาปซึ่งกำลังให้ผลกับนางอยู่ ถึงความระงับไป อันนี้ก็เรียกว่าแก้ไข
กรณีแก้ไขได้ก็มี แก้ไขจนได้เป็นโสดาบันไม่ไปอบายอันนี้ก็เรียกว่าแก้ไข แม้จะแก้ให้เบาบางลงก็เรียกว่าแก้เหมือนกัน ฉะนั้น อย่าไปสอนคนว่าแก้ไม่ได้เลย เพราะมันจะทำให้คนไม่รู้และพลาดโอกาสในการแก้ไขตนเองไปสู่ทางที่ดีขึ้น
เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการรู้แล้วไปบอกผู้อื่น (ดังเช่นพระศาสดา) ด้วยการขอขมา ด้วยการอุทิศบุญให้นายเวรที่ก่อกวน ด้วยการไม่ทำบาป ให้ทำบุญให้มาก เพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า บาปกรรมที่ทำไว้แล้ว อันผู้ใดย่อมปิดกั้นไว้ด้วยกุศล ไม่ใช่ว่าแก้ไขไม่ได้เลย แล้วก็ไม่สร้างกุศลอะไร
ที่จริงถ้าจะพูดแล้ว ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้ ที่แก้ไขไม่ได้ คือ ไม่แก้ไข เพราะตราบใดที่ความดับทุกข์มี หนทางดับทุกข์ก็มี แม้ผู้นั้นจะทำอนันตริยกรรมก็ตาม แต่ถ้าแก้ไข ยังไงก็ดับทุกข์ได้ ผู้ที่อยู่กับสังสารวัฏตลอดไปไม่แก้ไขเลย จึงจะเรียกว่าแก้ไขไม่ได้