No Favorites

ขายหนังสือธรรมะบาปไหม ?

บางคนยกเอาอาชีพ 5 อย่าง มาอ้างว่า ไม่มีว่าห้ามขายหนังสือธรรมะ เลยไม่เป็นบาป แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า ไม่ใช่มีแต่อาชีพ 5 อย่างนี้เท่านั้นที่ทำแล้วเป็นบาป ยังมีมิจฉาอาชีวะอีกเยอะที่ทำแล้วเป็นบาป เช่น อาชีพนักเต้นรำ (สายบันเทิง) แม้ไม่มีตรัสไว้ในอาชีพ 5 อย่าง แต่ก็มีตรัสไว้ในพระสูตรอื่นว่าเป็นบาป ไปปหาสะนรก

พระพุทธเจ้าเป็นผู้จำแนกธรรม ที่ตรัสอาชีพ 5 อย่างนั้น ไม่ได้หมายความว่า ต้องจำกัดมิจฉาอาชีวะอยู่ที่อาชีพ 5 อย่างนี้เท่านั้น สอดคล้องกับมหาประเทศ 4 ดังนั้น การขายหนังสือธรรมะ แม้ไม่มีตรัสไว้ในอาชีพ 5 อย่างก็ตาม แต่ก็มีตรัสไว้ในพระสูตรอื่น เช่น

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "เราแสดงธรรมมีอุปมาด้วยทุ่นเพื่อต้องการสลัดออก ไม่ใช่เพื่อต้องการยึดถือ" ที่ควรให้ฟรี แต่กลับไปขาย ก็แสดงว่า ยังยึดเอาเงินในสิ่งที่ไม่ควรยึด ซึ่งขัดกับหลักธรรมข้อนี้ที่ให้สลัดออก ในพระธรรมวินัยนี้คิดให้ มันจึงถูก ไม่ใช่คิดเอา

...ภิกษุทั้งหลาย เราแสดงธรรมมีอุปมาด้วยทุ่นเพื่อต้องการสลัดออก ไม่ใช่เพื่อต้องการยึดถือฉันนั้นแล เธอทั้งหลายรู้ถึงธรรมมีอุปมาด้วยทุ่นที่เราแสดงแล้วแก่ท่านทั้งหลาย พึงละแม้ซึ่งธรรมทั้งหลายจะป่วยการกล่าวไปไยถึงอธรรมเล่า...

เอาธรรมแลกเงิน พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้

...ภิกษุทั้งหลายอีกบางพวก จักพากันนั่งในที่ต่าง ๆ มีท้องถนน สี่แยก และประตูวังเป็นต้น แล้วแสดงธรรมแลกรูปิยะ มีเหรียญกษาปณ์ครึ่งกษาปณ์ เหรียญบาท เหรียญมาสก เป็นต้น โดยประการฉะนี้ ก็เป็นเอาธรรมที่ตถาคตแสดงไว้ มีมูลค่าควรแก่พระนิพพานไปแสดงแลกปัจจัย ๔ และรูปิยะมีเหรียญกษาปณ์และเหรียญครึ่งกษาปณ์เป็นต้น จักเป็นเหมือนฝูงคนเอาแก่นจันทน์มีราคาตั้งแสน ไปขายแลกเปรียงเน่าฉะนั้น...

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ไม่ควรแสดงธรรม เพื่อประโยชน์แต่ทรัพย์ แน่นอน เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสห้ามสิ่งไหน หรือตรัสว่าสิ่งไหนไม่ควร สิ่งนั้นทำแล้วย่อมเป็นบาป

...พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า บรรพชิตไม่ควรพยายามในบาปกรรมทั่วไป ไม่ควรเป็นคนใช้ของผู้อื่น ไม่ควรอาศัยผู้อื่นเป็นอยู่ ไม่ควรแสดงธรรม เพื่อประโยชน์แต่ทรัพย์...

......ความว่า ไม่พึงกล่าวธรรมเพื่อต้องการทรัพย์ เพราะผู้แสดงแก่ชนเหล่าอื่น ด้วยเหตุแห่งทรัพย์เป็นต้น ย่อมชื่อว่านำธรรมไปทำการค้า อย่าเที่ยวเอาธรรมไปทำการค้าอย่างนั้น...

ตัวอย่างผู้ที่จัดทำสื่อธรรมะแจกฟรี และให้โดยเคารพ ก็มีปรากฏในพระไตรปิฎก ดังเรื่องที่ พระเจ้าพาราณสีได้ส่งข่าวว่า พระรัตนตรัยเกิดขึ้นแล้วและให้จารึกการปฏิบัติของภิกษุรูปหนึ่งจนถึงพระอรหันต์ลงบนแผ่นทอง ส่งไปให้พระเจ้ากัฏฐวาหนะ

...ให้จารึกการปฏิบัติของภิกษุรูปหนึ่งตราบเท่าถึงพระอรหัตด้วยชาดสีแดงลงบนแผ่นทอง ใส่ลงในสมุกทำด้วยแก้ว ๗ ประการ ใส่สมุกนั้นลงในสมุกทำด้วยแก้วมณี ใส่สมุกทำด้วยแก้วมณีลงในสมุกแล้วตาแมว ใส่สุกแก้วตาแมว ลงในสมุกทับทิม ใส่สมุกทับทิมลงในสมุกทองคำ ใส่สมุกทองคำลงในสมุกเงิน ใส่สมุกเงินลงในสมุกงาช้าง ใส่สมุกงาช้างในสมุกไม้แก่น ใส่สมุกไม้แก่นลงในหีบ เอาผ้าพันหีบประทับตรา ทรงให้นำช้างเมามันตัวประเสริฐมีธงทองคำประดับด้วยทองคำ คลุมด้วยตาข่ายทองให้ตกแต่งบัลลังก์บนช้างนั้นแล้วยกหีบวางไว้บนบัลลังก์ กั้นเศวตฉัตร บูชาด้วยของหอมและดอกไม้ทุกชนิดขับเพลงสรรเสริญหนึ่งร้อย ด้วยกังสดาลทุกชนิดเคลื่อนไป ให้ตกแต่งทางจนถึงเขตรัชสีมาของพระองค์ แล้วทรงนำไปด้วยพระองค์เอง...

นอกจากนี้ ยังมีหลักธรรมข้ออื่นอีก เช่น บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรมในบุญญกิริยาวัตถุ 10 ธรรมทานเป็นเลิศ ธรรมทานย่อมชนะทานทั้งปวง เมื่อพิจารณาหลักธรรมเหล่านี้ มันไม่มีเป็นอื่นได้เลยนอกจากทำแจกฟรีและได้บุญด้วย

พระธรรมไม่ใช่ของเรา แต่เป็นของพระพุทธเจ้า เจ้าของธรรมก็ไม่ได้ขายธรรม แถมยังบอกว่าห้ามนำเอาธรรมไปทำการค้า แต่ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของธรรมกลับนำธรรมไปทำการค้าขายเฉยเลย ถ้าใครไม่สามารถหรือไม่มีศรัทธาเพียงพอที่จะจัดทำแจกฟรีได้ ก็ควรจะแนะนำให้คนอ่านเว็บพระไตรปิฎกออนไลน์ที่เขาจัดทำให้อ่านฟรีมีอยู่เยอะ ถอดออกมาจากนี้เหมือนเดิม

กระทู้เกี่ยวข้อง :  #เรื่องสัมมาอาชีพที่คนเข้าใจผิด อย่าด่วนไปพูดว่าตนเองสัมมาอาชีพเลยทั้งที่ผิดอยู่  #แสดงธรรมแล้วเอาของมาวางขายไปด้วยไม่ถูก