No Favorites




หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ – หน้าที่ 19 (เล่ม 9)

พระผู้มีพระภาคเจ้า . . . ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ใช้
ท่อนผ้ารอง ท่อนผ้าถูกปลวกกัด ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี
พระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า . . . ตรัสว่า ดูก่อนทั้งหลาย เราอนุญาตแท่นเก็บ
บาตร บาตรตกจากแท่นเก็บ บาตรแตก ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่
พระผู้มีพระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ใช้
หม้อเก็บบาตร บาตรครูดสีกับหม้อเก็บบาตร ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้น
แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้า.. .ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้
ใช้ถุงบาตร สายโยกไม่มี ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระมีพระภาคเจ้า . . .ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตสาย
โยกเป็นด้ายถัก.
[๔๕] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายแขวนบาตรไว้ที่ไม้เดือยข้างฝาบ้าง
ที่ไม้นาคทนต์บ้าง บาตรพลัดตกแตก ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระมีผู้
พระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า. . .ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงแขวน
บาตรไว้ รูปใดแขวนไว้ ต้องอาบัติทุกกฏ.
[๔๖] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายเก็บบาตรไว้บนเตียง เผลอสตินั่งทับ
บาตรแตก ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า.. .ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเก็บ
บาตรไว้บนเตียง รูปใดเก็บ ต้องอาบัติทุกกฏ.

19
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ – หน้าที่ 20 (เล่ม 9)

[๔๗] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายเก็บบาตรไว้บนตั่ง เผลอสตินั่งทับ
บาตรแตก ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า. ..ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเก็บ
บาตรไว้บนตั่ง รูปใดเก็บ ต้องอาบัติทุกกฏ.
[๔๘] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายวางบาตรไว้บนตัก เผลอสติลุกขึ้น
บาตรตกแตก ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า...ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงวาง
บาตรไว้บนตัก รูปใดวาง ต้องอาบัติทุกกฏ.
[๔๙] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายเก็บบาตรไว้บนกลด กลดถูกลมหัว
ด้วนพัด บาตรตกแตก ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า ...ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเก็บ
บาตรไว้บนกลด รูปใดเก็บไว้ ต้องอาบัติทุกกฏ.
[๕๐] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายถือบาตรอยู่ ผลักบานประตูเข้าไป
บาตรกระทบบานประตูแตก ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี.
พระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า .. .ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุถือบาตร
อยู่ ไม่พึงผลักบานประตูเข้าไป รูปใดผลัก ต้องอาบัติทุกกฏ.
[๕๑] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายใช้กะโหลกน้ำเต้าเที่ยวบิณฑบาต
ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า . . . เหมือนพวกเดียรถีย์ ภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า . . .ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงใช้
กะโหลกน้ำเต้าเที่ยวบิณฑบาต รูปใดใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ

20
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ – หน้าที่ 21 (เล่ม 9)

[๕๒] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายใช้กระเบื้องหม้อเที่ยวบิณฑบาตชาว
บ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า. . .เหมือนพวกเดียรถีย์ ภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า...ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงใช้
กระเบื้องหม้อเที่ยวบิณฑบาต รูปใดใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ.
[๕๓] สมัยต่อมา ภิกษุรูปหนึ่งใช้ของบังสกุลทุกอย่าง เธอใช้บาตร
กะโหลกผี สตรีผู้หนึ่งเห็นเข้า กลัว ได้ร้องเสียงวีดแสดงความหวาดเสียวว่า
นี้ปีศาจแน่ ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเชื้อสาย
พระศากยบุตรจึงใช้บาตรกะโหลกผีเหมือนพวกปีศาจ ภิกษุทั้งหลายกราบทูล
เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงใช้บาตร
กะโหลกผี รูปใดใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ อนึ่ง ภิกษุไม่พึงใช้ของบังสุกุลทุกอย่าง
รูปใดใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ.
[๕๔] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายใช้บาตรรับเศษอาหารบ้าง ก้างบ้าง
น้ำบ้วนปากบ้าง ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะ
เชื้อสายพระศากยบุตรเหล่านี้จึงใช้บาตรต่างกระโถน ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่อง
นั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า.. .ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงใช้
บาตรรับเศษอาหาร ก้าง หรือน้ำบ้วนปาก รูปใดใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ เรา
อนุญาตให้ใช้กระโถน.
เรื่องจีวร
[๕๕] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายใช้มือฉีกผ้าแล้ว เย็บเป็นจีวร จีวร
มีแนวไม่เสมอกัน ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

21
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ – หน้าที่ 22 (เล่ม 9)

พระผู้มีพระภาคเจ้า . ..ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้
ใช้มีดมีผ้าพัน.
[๕๖] สมัยต่อมา มีดมีด้ามบังเกิดแก่สงฆ์ ภิกษุทั้งหลายกราบทูล
เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ใช้มีด
มีด้าม.
[๕๗] สมัยต่อมา พระฉัพพัคคีย์ใช้ด้ามมีดต่างๆ ทำด้วยทอง ทำด้วย
เงิน ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า . . .เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภค
กาม ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า . . .ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงใช้
ด้ามมีดต่าง ๆ รูปใดใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ใช้ด้ามมีดที่ทำด้วยกระดูก งา เขา
ไม้อ้อ ไม้ไผ่ ไม้ธรรมดา ครั่ง เมล็ดผลไม้ โลหะ และกระดองสังข์.
[๕๘] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายใช้ขนไก่บ้าง ไม้กลัดบ้าง เย็บจีวร
จีวรเย็บแล้วไม่ดี ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า . . .ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้
ใช้เข็ม เข็มขึ้นสนิม . . .ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ใช้กล่อง
เข็ม แม้ในกล่องเข็มก็ยังขึ้นสนิม . . . ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต
ให้โรยด้วยแป้งข้าวหมาก แม้ในแป้งข้าวหมาก เข็มก็ยังขึ้นสนิม . . . ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้โรยด้วยแป้งเจือขมิ้นผง แม้ในแป้งเจือขมิ้น
ผงเข็มก็ยังขึ้นสนิมได้ . . . ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ใช้ฝุ่น
หิน แม้ในฝุ่นหินเข็มก็ยังขึ้นสนิม... ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต

22
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ – หน้าที่ 23 (เล่ม 9)

ให้ทาด้วยขี้ผึ้ง ฝุ่นหินแตก . ..ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้
ใช้ผ้ามัดขี้ผึ้งพอกฝุ่นหิน.
เรื่องไม้สะดึง
[๕๙] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายตอกหลักลงในที่นั้น ๆ ผูกขึงเย็บจีวร
จีวรเสียมุม ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า...ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตไม้
สะดึง เชือกผูกไม้สะดึง ให้ผูกลงในที่นั้น ๆ เย็บจีวรได้ ภิกษุทั้งหลายขึงไม้
สะดึงในที่ไม่เรียบ ไม่สะดึงหัก . . .พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย ภิกษุไม่พึงขึงไม้สะดึงในที่ไม่เสมอ รูปใดขึง ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุทั้งหลายขึงไม้สะดึงบนพื้นดิน ไม้สะดึงเปื้อนฝุ่น...ตรัสว่า ดู
ก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ใช้หญ้ารอง ขอบไม้สะดึงชำรุด ...ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุหลาย เราอนุญาตให้ดามขอบเหมือนผ้าอนุวาต ไม้สะดึงไม่พอ...
ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตไม้สะดึงเล็ก ไม้ประกับ ซี่ไม้สำหรับ
สอดเข้าในระหว่างจีวรสองชั้น เชือกรัดสะดึงในกับสะดึงนอก ด้วยผูกจีวรลง
กับสะดึงใน ครั้นขึงแล้วจึงเย็บจีวร ด้วยเกษียนภายในไม่เสมอ ...ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ทำหมาย เส้นด้ายคด...ตรัสว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตเส้นด้ายตีบรรทัด.
[๖๐] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายมีเท้าเปื้อนเหยียบไม้สะดึง ไม้สะดึงเสีย
หาย ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า ...ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุมีเท้าเปื้อน
ไม่พึงเหยียบไม้สะดึง รูปใดเหยียบ ต้องอาบัติทุกกฏ.

23
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ – หน้าที่ 24 (เล่ม 9)

[๖๑] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายมีเท้าเปียกเหยียบไม้สะดึง ไม้สะดึง
เสียหาย ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า...ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุมีเท้าเปียก
ไม่พึงเหยียบไม้สะดึง รูปใดเหยียบ ต้องอาบัติทุกกฏ.
[๖๒] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายสวมรองเท้าเหยียบไม้สะดึง ไม้สะดึง
เสียหาย ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า.. . . ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุสวมรองเท้า
ไม่พึงเหยียบไม้สะดึง รูปใดเหยียบ ต้องอาบัติทุกกฏ.
[๖๓] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายเย็บจีวร รับเข็มด้วยนิ้วมือ นิ้วมือ
ก็เจ็บ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า . . . ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้
ใช้ปลอกสวมนิ้วมือ.
[๖๔] สมัยต่อมา พระฉัพพัคคีย์ใช้ปลอกสวมนิ้วมือต่าง ๆ คือ ทำ
ด้วยทอง ทำด้วยเงิน ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า . . . เหมือน
พวกคฤหัสถ์ ผู้บริโภคกาม ภิกษุ ทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า . .. ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึง
ใช้ปลอกสวมนิ้วมือต่าง ๆ รูปใดใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ใช้ปลอกสวมนิ้วมือที่ทำด้วย
กระดูก. . . ทำด้วยกระดองสังข์.
[๖๕] สมัยต่อมา เข็มบ้าง มีดบ้าง ปลอกสวมนิ้วบ้าง มือหายไป
ภิกษุทั้ง หลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.

24
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ – หน้าที่ 25 (เล่ม 9)

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตกล่องเก็บ
เครื่องเย็บผ้า ภิกษุทั้งหลายมัวพะวงอยู่แต่ในกล่องเก็บเครื่องเย็บผ้า ภิกษุ
ทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตถุงเก็บ
ปลอกนิ้วมือ สายโยกไม่มี .... ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตสาย
โยกเป็นด้ายถัก.
เรื่องโรงสะดึง
[๖๖] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายเย็บจีวรอยู่ในที่แจ้ง ลำบากด้วยความ
หนาวบ้าง ร้อนบ้าง จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตโรงสะดึง
ปะรำสะดึง โรงสะดึงมีพื้นที่ต่ำ น้ำท่วม.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสว่า ดู
ก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ถมพื้นที่ให้สูง อินที่ถมพังทะลาย พระผู้มี
พระภาคเจ้าทรงอนุญาตว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ก่อมูลดินที่ถม
๓ อย่างคือ ก่อด้วยอิฐ ๑ ก่อด้วยศิลา ๑ ก่อด้วยไม้ ๑ ภิกษุทั้งหลายขึ้นลง
ลำบาก . . . ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตบันได ๓ อย่าง คือ บัน-
ไดอิฐ ๑ บันไดหิน ๑ บันไดไม้ ๑
ภิกษุทั้งหลายขึ้นลงพลัดตก .. . ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรา
อนุญาตราวสำหรับยึด.
[๖๗] สมัยต่อมา ผงหญ้าที่มุงร่วงลงในโรงสะดึง . . . ตรัสว่า ดู
ก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้รื้อลงแล้วฉาบด้วยดินทั้งข้างนอกข้างใน ให้

25
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ – หน้าที่ 26 (เล่ม 9)

มีสีขาว สีดำ สีเหลือง จำหลักเป็นพวงดอกไม้ เครือไม้ ฟันมังกร ดอก
จอกห้ากลีบ ราวจีวร สายระเดียงจีวรได้.
[๖๘] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายเย็บจีวรเสร็จแล้ว ละทิ้งไม้สะดึงไว้ใน
ที่นั้นเองแล้วหลีกไป หนูบ้าง ปลวกบ้าง กัดกิน ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่อง
นั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้ม้วนไม้สะดึงเก็บไว้ ไม้สะดึงหัก. ..ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้สอดท่อนไม้ม้วนไม้สะดึงเข้าไป ไม้สะดึงคลี่ออก . . . ตรัสว่า ดู
ก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตเชือกผูก.
[๖๙] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายยกไม้สะดึงเก็บไว้ที่ฝาบ้าง ที่เสาบ้าง
แล้วหลีกไป ไม้สะดึงพลัดตกเสียหาย ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต
ให้แขวนไว้ที่เดือยข้างฝา หรือที่ไม้นาคทนต์.
[๗๐] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระนครราชคฤห์
ตามพุทธาภิรมย์ แล้วเสด็จจาริกทางพระนครเวสาลี ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลาย
ใช้บาตรบรรจุ เข็มบ้าง มีดบ้าง เครื่องยาบ้าง เดินทางไป ภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตถุงเก็บเครื่องยา สายโยกไม่มี ...ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย เราอนุญาตสายโยกเป็นด้ายถัก.
[๗๑] สมัยต่อมา ภิกษุรูปหนึ่งใช้ประคดเอวผูกรองเท้าเข้าไปบิณ-
ฑบาตในบ้าน อุบาสกผู้หนึ่งกราบภิกษุรูปนั้น ศีรษะกระทบรองเท้า ภิกษุนั้น
ขวยใจ ครั้นเธอกลับไปถึงวัดแล้ว แจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อน

26
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ – หน้าที่ 27 (เล่ม 9)

ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตถุงเก็บรองเท้า สายโยกไม่มี . . .ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย เราอนุญาตสายโยกเป็นด้ายถัก.
เรื่องผ้ากรองน้ำ
[๗๒] สมัยต่อมา น้ำในระหว่างทาง เป็นอกัปปิยะ ผ้าสำหรับกรอง
น้ำไม่มี ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้ากรองน้ำ ท่อนผ้าไม่พอ . . .
ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้ากรองทำรูปคล้ายช้อน ผู้ไม่พอ
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ใช้กระบอกกรองน้ำ.
[๗๓] สมัยต่อมา ภิกษุ ๒ รูปเดินทางไปในโกศลชนบท ภิกษุรูป
หนึ่งประพฤติอนาจาร ภิกษุเพื่อนเตือนภิกษุรูปนั้นว่า คุณอย่าทำอย่างนี้ซิ
ขอรับ การท่านนี้ไม่ควร ภิกษุนั้นผูกโกรธภิกษุเพื่อน ครั้นภิกษุเพื่อนกระหาย
น้ำ พูดอ้อนวอนภิกษุรูปที่ผูกโกรธว่า โปรดให้ผ้ากรองน้ำแก่ผม ผมจักดื่มน้ำ
ภิกษุรูปที่ผูกโกรธไม่ยอมให้ ภิกษุเพื่อนกระหายน้ำถึงมรณภาพ ครั้นภิกษุรูปที่
ผูกโกรธไปถึงวัดแล้ว เล่าความนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายถามว่า ท่าน
ถูกเพื่อนอ้อนวอนขอผ้ากรองน้ำ ก็ไม่ให้เทียวหรือ เธอรับว่า อย่างนั้น ขอ
รับ บรรดาภิกษุเป็นผู้มักน้อย . . .ต่างก็ เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
ไฉนภิกษุเมื่อถูกขอผ้ากรองน้ำจึงไม่ให้กัน แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี
พระภาคเจ้า.
ประชุมสงฆ์สอบถาม
[๗๔] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ใน
เพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามภิกษุนั้น

27
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ – หน้าที่ 28 (เล่ม 9)

ว่า ดูก่อนภิกษุ ข่าวว่า เธอถูกอ้อนวอนขอผ้ากรองน้ำ ก็ไม่ยอมให้ จริง
หรือ.
ภิกษุนั้นทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียน
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระทำ
ของเธอนั่นไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควร
ทำ ไฉนเนื่องเธอถูกเขาอ้อนวอนขอผ้ากรองน้ำจึงไม่ยอมให้ การกระทำของเธอ
นั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส . . . ครั้นแล้วทรงทำ
ธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เดินทางเมื่อถูก
เขาอ้อนวอนขอผ้ากรองน้ำจะไม่พึงให้ ไม่ควร รูปใดไม่ให้ ต้องอาบัติทุกกฏ .
อนึ่ง ภิกษุไม่มีผ้ากรองน้ำ อย่าเดินทางไกล รูปใดเดินทาง ต้อง
อาบัติทุกกฏ.
ถ้าผ้ากรองน้ำ หรือกระบอกกรองน้ำไม่มี แม้มุมผ้าสังฆาฏิ ก็พึง
อธิษฐานว่า เราจักกรองน้ำด้วยมุมผ้าสังฆาฏินี้ดื่ม ดังนี้ .
[๗๕] ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาริกโดยลำดับ ถึงพระนคร-
เวสาลีแล้วทราบว่า พระองค์ประทับอยู่ ณ กูฏาคารสาลา ป่ามหาวัน เขต-
พระนครเวสาลีนั้น.
[๗๖] สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายทำนวกรรมอยู่ ผ้ากรองน้ำไม่พอกัน
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย เราอนุญาตผ้ากรองน้ำมีขอบ ผ้ากรองน้ำมีขอบไม่พอใช้ ภิกษุ
ทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้พระภาคเจ้าตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ลาดผ้าลงบนน้ำ.

28