พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ผล แก่อาวัชชนะ
ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.
พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่ภาวนายปหาตัพพ-
เหตุกธรรม ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ
บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯ ฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่
ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และโมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ
ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่ไม่ใช่
ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ
โทมนัสที่ไม่ใช่ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.
เห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ
แก่โมหะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.
๕. ธรรมที่ไม่ใช่ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย
คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ ฌาน ฯลฯ
บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อม
เพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และโมหะ
เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อม
เกิดขึ้น อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัสที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.
๖. ธรรมที่ไม่ใช่ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ภาวนาย-
ปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย