ฉะนี้แล ความจริงแท้แน่นอน ไม่เป็นอย่างอื่น
ชื่อว่า ความที่สิ่งนี้เป็นปัจจัยของสิ่งนี้. ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลายนี้ ชื่อว่า ปฏิจจสมุปบาท.
พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงแสดงปฏิจจสมุปบาทอย่างนี้ จึง
ตรัสว่า ธรรมเป็นปัจจัยนั่นแล ชื่อว่า ปฏิจจสมุปบาท โดยไวพจน์
มีคำว่า ตถาคตความเป็นของจริงแท้เป็นต้น. เพราะฉะนั้น ปฏิจจ-
สมุปบาท๑ จึงมีการเป็นปัจจัยแก่ธรรมทั้งหลายมีชราและมรณะเป็นต้น
เป็นลักษณะ, มีการผูกพันอยู่กับทุกข์เป็นรส, มีการเห็นผิดทางเป็นต้น
อาการปรากฏ, มีปัจจัยพิเศษของตนเป็นปทัฏฐาน เพราะแม้ตนเองก็มี
ปัจจัย.
บทว่า อุปฺปาทา วา อนุปฺปาทา วา ได้แก่ เมื่ออุบัติก็ตาม
เมื่อไม่อุบัติก็ตาม อธิบายว่า เมื่อพระตถาคต แม้อุบัติแล้ว แม้ยังไม่
อุบัติแล้ว ดังนี้.
๑. มีลักขณาทิตจุตกะ ดังนี้.
๑. ชรามรณาทีนํ ปจฺจยลกฺขโณ
๒. ทุกฺขานุพนฺธนรโส
๓. กุมฺมคฺคปจฺจุปฏฺฐาโน
๔. สยมฺปิ สปจฺจยตฺตา อตฺตโน วิเสสปฺปจฺจยปาฏฺฐาโน.