No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิเทส เล่ม ๖ – หน้าที่ 739 (เล่ม 67)

นิคมคาถา
คัมภีร์มหานิทเทสนั้นใด อันพระเถระ๑ผู้เป็นใหญ่แห่งบุตรของพระ
สุคตเจ้า ผู้ยินดียิ่งในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ผู้มีคุณมั่นคง จำแนกไว้ดีแล้ว
อรรถกถาใดแห่งคัมภีร์มหานิทเทสนั้น ที่ข้าพเจ้า (ผู้แต่ง) อาศัยนัยของ
อรรถกถาก่อน ๆ ปรารภแล้วตามความสามารถ อรรถกถานั้นเข้าถึง
ความสำเร็จแล้ว.
มหาวิหารใด ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองอนุราธบุรีอัน
ประเสริฐ พระมหาสถูปใดซึ่งเป็นยอดแห่งมหาวิหารนั้น
ก่อด้วยศิลาสวยงาม ประดับด้วยแก้วผลึก ตั้งอยู่ทาง
ทิศตะวันตกของเมืองอนุราธบุรีนั้น.
พระราชาทรงพระนามว่า กิตติเสน เป็นนักเขียน
ทรงมีพระจริยาวัตรงดงาม สมบูรณ์ด้วยความประพฤติ
สะอาด ทรงประกอบในกุศลธรรม ทรงให้สร้างบริเวณ
มีต้นไม้ที่มีเงาร่มเย็น พรั่งพร้อมด้วยธารน้ำ ล้อมด้วย
รั้วไม้.
พระมหาเถระชื่อว่า อุปเสน ผู้อยู่ในบริเวณกว้าง เป็น
นักเขียน ประกอบด้วยกุศลธรรม พระกิตติเสนราชาทรง
ถวายบริเวณแก่พระอุปเสนมหาเถระนั้น พระอุปเสนเถระ
ผู้มีศีลมั่นคง เป็นครู อยู่ในบริเวณนั้น ได้รวบรวมคัมภีร์-
สัทธัมมปัชโชติกานี้ไว้.
อรรถกานิทเทสสำเร็จลงในปีที่ ๒๖ แห่งพระเจ้า
๑. พระสารีบุตรเถระ

739
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิเทส เล่ม ๖ – หน้าที่ 740 (เล่ม 67)

สิริสังฆโพธิ ผู้ประทับอยู่ในนิเวศอันเป็นสิริ อรรถกถานี้
แสดงเถรวาทะของพระเถระทั้งหลาย อนุโลมตามสมัย
ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ชาวโลก จบลงแล้ว ฉันใด ขอ
มโนรถของสัตว์ทั้งปวง ซึ่งอนุโลมตามพระสัทธรรม จง
ยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นให้สำเร็จ ถึงความ
สำเร็จ ฉันนั้น.
ก็ภาณวารทั้งหลายมากกว่า ๔๐ ภาณวาร ประกอบด้วยธรรมะที่ควร
ทราบในอรรถกถาชื่อว่า สัทธัมมปัชโชติกา อันท่านกำหนดแล้วด้วยกุศล
ธรรมที่ท่านกำหนดไว้ในอรรถกถานี้ ก็ฉันท์ทั้งหลายแห่งอรรถกถานั้น
ท่านกำหนดด้วยการประพันธ์ นับได้กว่าหมื่นคาถา พึงทราบว่าเป็นคาถา
บุญนี้ใด มิใช่น้อย ไพบูลย์ อันข้าพเจ้ารจนาอยู่ซึ่งอรรถกถานี้ด้วยความ
เอื้อเฟื้อ เพื่อความดำรงมั่นแห่งพระศาสนา และเพื่อเกื้อกูลแก่ชาวโลก
ได้ประสบบุญนั้นแล้ว ขอชาวโลกจงได้ลิ้มรสแห่งพระสัทธรรมของพระ-
ทศพลเจ้า จงบรรลุถึงความสุขที่ไม่มีมลทิน ด้วยความสะดวกนั้นเที่ยว.
จบอรรถกถามหานิทเทส ชื่อสัทธัมมปัชโชติกา
คำปรารถนาของผู้รจนา
ด้วยบุญที่เกิดจากการรจนาคัมภีร์นี้
ขออย่าให้ข้าพเจ้าต้องสมาคมกับคนพาล
ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎก
ในสำนักของพระศรีอริยเมตไตรยพระองค์นั้น เทอญ.

740
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ – หน้าที่ 1 (เล่ม 68)

พระสุตตันตปิฎก
ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค
เล่มที่ ๗ ภาคที่ ๑
ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น
มาติกา
ว่าด้วย ปัญญาญาณ ๗๓
๑. ปัญญาในการทรงจำธรรมที่ได้ฟังมาแล้ว เป็นสุตมย-
ญาณ,
๒. ปัญญาในการฟังธรรมแล้วสังวรไว้ เป็นสีลมยญาณ,
๓. ปัญญาในการสำรวมแล้วตั้งไว้ดี เป็นภาวนามยญาณ,
๔. ปัญญาในการกำหนดปัจจัย เป็นธรรมฐิติญาณ,
๕. ปัญญาในการย่อธรรมทั้งหลาย ทั้งอดีต, อนาคต
และปัจจุบันแล้วกำหนดไว้ เป็นสัมมสนญาณ,

1
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ – หน้าที่ 2 (เล่ม 68)

๖. ปัญญาในการพิจารณาเห็นความแปรปรวนแห่งธรรม
ส่วนปัจจุบัน เป็นอุทยัพพยญาณ,
๗. ปัญญาในการพิจารณาอารมณ์แล้วพิจารณาเห็นความ
แตกไป เป็นวิปัสสนาญาณ,
๘. ปัญญาในการปรากฏโดยความเป็นภัย เป็นอาทีนว-
ญาณ,
๙. ปัญญาในความปรารถนาจะพ้นไปทั้งพิจารณา และ
วางเฉยอยู่ เป็นสังขารุเปกขาญาณ,
๑๐. ปัญญาในการออกและหลีกไปจากสังขารนิมิตภาย
นอก เป็นโคตรภูญาณ,
๑๑. ปัญญาในการออกและหลีกไปจากกิเลส ขันธ์ และ
สังขารนิมิตภายนอกทั้งสอง เป็นมรรคญาณ,
๑๒. ปัญญาในการระงับปโยคะ เป็นผลญาณ,
๑๓. ปัญญาในการพิจารณาเห็นอุปกิเลสนั้น ๆ อันอริย-
มรรคนั้น ๆ ตัดเสียแล้ว เป็นวิมุตติญาณ,
๑๔. ปัญญาในการพิจารณาเห็นธรรมที่เข้ามาประชุมใน
ขณะนั้น เป็นปัจจเวกขณญาณ,
๑๕. ปัญญาในการกำหนดธรรมภายใน เป็นวัตถุนานัตต-
ญาณ,

2
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ – หน้าที่ 3 (เล่ม 68)

๑๖. ปัญญาในการกำหนดธรรมภายนอก เป็นโคจรนา-
นัตตญาณ,
๑๗. ปัญญาในการกำหนดจริยา เป็นจริยานานัตตญาณ,
๑๘. ปัญญาในการกำหนดธรรม ๔ เป็นภูมินานัตตญาณ,
๑๙. ปัญญาในการกำหนดธรรม ๙ เป็นธรรมนานัตตญาณ,
๒๐. ปัญญาที่รู้ยิ่ง เป็นญาตัฏฐญาณ,
๒๑. ปัญญาเครื่องกำหนดรู้ เป็นตีรณัฏฐญาณ,
๒๒. ปัญญาในการละ เป็นปริจจาคัฏฐญาณ,
๒๓. ปัญญาเครื่องเจริญ เป็นเอกรสัฏฐญาณ,
๒๔. ปัญญาเครื่องทำให้แจ้ง เป็นผัสสนัฏฐญาณ,
๒๕. ปัญญาในความต่างแห่งอรรถ เป็นอรรถปฏิสัมภิทา-
ญาณ,
๒๖. ปัญญาในความต่างแห่งธรรม เป็นธรรมปฏิสัมภิทา-
ญาณ,
๒๗. ปัญญาในความต่างแห่งนิรุตติ เป็นนิรุตติปฏิสัม-
ภิทาญาณ,
๒๘. ปัญญาในความต่างแห่งปฏิภาณ เป็นปฏิภาณปฏิ-
สัมภิทาญาณ,
๒๙. ปัญญาในความต่างแห่งวิหารธรรม เป็นวิหารรัฏฐ-
ญาณ,

3
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ – หน้าที่ 4 (เล่ม 68)

๓๐. ปัญญาในความต่างแห่งสมาบัติ เป็นสมาปัตตัฏฐ-
ญาณ,
๓๑. ปัญญาในความต่างแห่งวิหารสมาบัติ เป็นวิหารสมา-
ปัตตัฏฐญาณ,
๓๒. ปัญญาในการตัดอาสวะขาดเพราะความบริสุทธิ์แห่ง
สมาธิอันเป็นเหตุให้ไม่ฟุ้งซ่าน เป็นอานันตริกสมาธิ-
ญาณ,
๓๓. ทัสนาธีปไตย ทัสนะมีความเป็นอธิบดี วิหาราธิคม
คุณเครื่องบรรลุคือวิหารธรรมอันสงบ และปัญญาใน
ความที่จิตเป็นธรรมชาติน้อมไปในสมาบัติอันประ-
ณีต เป็นอรณวิหารญาณ,
๓๔. ปัญญาในความเป็นผู้มีความชำนาญด้วยความเป็นผู้
ประกอบด้วยพละ ๒ ด้วยความระงับสังขาร ๓ ด้วย
ญาณจริยา ๑๖ และด้วยสมาธิจริยา ๙ เป็นนิโรธ
สมาปัตติญาณ,
๓๕. ปัญญาในความสิ้นไปแห่งความเป็นไปแห่งกิเลส
และขันธ์ของบุคคลผู้รู้สึกตัว เป็นปรินิพพานญาณ,
๓๖. ปัญญาในความไม่ปรากฏแห่งธรรมทั้งปวง ในการ
ตัดขาดโดยชอบและในนิโรธ เป็นสมสีสัฏฐญาณ,

4
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ – หน้าที่ 5 (เล่ม 68)

๓๗. ปัญญาในความสิ้นไปแห่งกิเลสอันหนาสภาพต่าง ๆ
และเดช เป็นสัลเลขัฏฐญาณ,
๓๘. ปัญญาในความประคองไว้ซึ่งจิตอันไม่หดหู่และจิตที่
ส่งไป เป็นวิริยารัมภญาณ,
๓๙. ปัญญาในการประกาศธรรมต่าง ๆ เป็นอรรถสัน-
ทัสสนญาณ,
๔๐. ปัญญาในการสงเคราะห์ธรรมทั้งปวงเป็นหมวดเดียว
กันในการแทงตลอดธรรมต่างกันและธรรมเป็นอัน
เดียวกัน เป็นทัสสนวิสสุทธิญาณ,
๔๑. ปัญญาในความที่ธรรมปรากฏโดยความเป็นของไม่
เที่ยงเป็นต้น เป็นขันติญาณ,
๔๒. ปัญญาในความถูกต้องธรรม เป็นปริโยคาหนญาณ,
๔๓. ปัญญาในการรวมธรรม เป็นปเทสวิหารญาณ,
๔๔. ปัญญาในความมีกุศลธรรมเป็นอธิบดี เป็นสัญญา-
วิวัฏฏญาณ,
๔๕. ปัญญาในธรรมเป็นเหตุละความเป็นต่าง ๆ เป็นเจโต-
วิวัฏฏญาณ,
๔๖. ปัญญาในการอธิษฐาน เป็นจิตตวิวัฏฏญาณ,
๔๗. ปัญญาในธรรมอันว่างเปล่า เป็นญาณวิวัฏฏญาณ,
๔๘. ปัญญาในความสลัดออก เป็นวิโมกขวิวัฏฏญาณ,

5
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ – หน้าที่ 6 (เล่ม 68)

๔๙. ปัญญาในความว่าธรรมจริง เป็นสัจจวิวัฏฏญาณ,
๕๐. ปัญญาในความสำเร็จด้วยการกำหนดกายและจิตเข้า
ด้วยกัน และด้วยสามารถแห่งความตั้งไว้ซึ่งสุข
สัญญาและลหุสัญญา เป็นอิทธิวิธญาณ,
๕๑. ปัญญาในการกำหนดเสียงเป็นนิมิตหลายอย่างหรือ
อย่างเดียวด้วยสามารถการแผ่วิตกไป เป็นโสตธาตุ
วิสุทธิญาณ,
๕๒. ปัญญาในการกำหนดจริยาคือวิญญาณหลายอย่างหรือ
อย่างเดียว ด้วยความแผ่ไปแห่งจิต ๓ ประเภท
อย่างเดียวสามารถแห่งความผ่องในแห่งอินทรีย์ทั้ง-
หลาย เป็นเจโตปริยญาณ,
๕๓. ปัญญาในการกำหนดธรรมทั้งหลายอันเป็นไปตาม
ปัจจัย ด้วยสามารถแห่งความแผ่ไปแห่งกรรมหลาย
อย่างหรืออย่างเดียว เป็นบุพเพนิวาสานุสสติญาณ,
๕๔. ปัญญาในความเห็นรูปนิมิตหลายอย่างหรืออย่าง
เดียว ด้วยสามารถแห่งแสงสว่าง เป็นทิพจักขุญาณ,
๕๕. ปัญญาในความเป็นผู้มีความชำนาญในอินทรีย์ ๓
ประการ โดยอาการ ๖๔ เป็นอาสวักขยญาณ,
๕๖. ปัญญาในอรรถว่าเป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้ เป็นทุกข-
ญาณ,

6
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ – หน้าที่ 7 (เล่ม 68)

๕๗. ปัญญาในอรรถว่าเป็นสิ่งที่ควรละ เป็นสมุทยญาณ,
๕๘. ปัญญาในอรรถว่าเป็นสิ่งที่ควรกระทำให้แจ้ง เป็น
นิโรธญาณ,
๕๙. ปัญญาในอรรถว่าเป็นสิ่งที่ควรเจริญ เป็นมรรคญาณ,
๖๐. ทุกขญาณ,
๖๑. ทุกขสมุทยญาณ,
๖๒. ทุกขนิโรธญาณ,
๖๓. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาญาณ,
๖๔. อรรถปฏิสัมภิทาญาณ,
๖๕. ธรรมปฏิสัมภิทาญาณ,
๖๖. นิรุตติปฏิสัมภิทาญาณ,
๖๗. ปฏิภาณปฏิสัมภิทาญาณ,
๖๘. อินทริยปโรปริยัตตญาณ,
๖๙. อาสยานุสยญาณ,
๗๐. ยมกปาฏิหาริยญาณ,
๗๑. มหากรุณาสมาปัตติญาณ,
๗๒. สัพพัญญุตญาณ,
๗๓. อนาวรณญาณ.

7
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ – หน้าที่ 8 (เล่ม 68)

ญาณเหล่านี้รวมเป็น ๗๓. ญาณ, ในญาณ ๗๓ นี้ ญาณ ๖๗
เบื้องต้น ทั่วไปแก่พระสาวก, ญาณ ๖ เบื้องปลาย ไม่ทั่วไปแก่พระ-
สาวก และเป็นญาณเฉพาะพระตถาคตเท่านั้น ฉะนี้แล.
จบ มาติกา

8