No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 498 (เล่ม 64)

เสียดีกว่า เหตุไฉน ชาวนครสีพีจึงจะให้ขับไล่เจ้า
เวสสันดรลูกรักผู้ไม่มีโทษผิด เหตุไฉน ชาวนครสีพี
จึงจะให้ขับไล่เจ้าเวสสันดรลูกรักผู้ไม่มีโทษผิด ผู้เป็น
ปราชญ์เปรื่อง เป็นทานบดี ควรแก่การขอ ไม่ตระหนี่
เหตุไฉนชาวนครสีพีจึงจะให้ขับไล่เจ้าเวสสันดรลูกรัก
ผู้ไม่มีโทษผิด อันท้าวพระยาบูชา ผู้มีเกียรติมียศ
เหตุไฉน ชาวนครสีพีจึงจะให้ขับไล่เจ้าเวสสันดรลูก
รักผู้ไม่มีโทษผิด ผู้เลี้ยงดูมารดาบิดา ประพฤติถ่อม
ตนต่อผู้ใหญ่ในราชสกุล เหตุไฉน ชาวนครสีพีจึงจะ
ให้ขับไล่เจ้าเวสสันดรลูกรักผู้ไม่มีโทษผิด ผู้เกื้อกูล
แก่พระเจ้าแผ่นดิน แก่เทพเจ้า แก่พระประยูรญาติ
และมิตรสหาย ผู้เกื้อกูลทั่วรัฐสีมามณฑล.
พระนางผุสดีกราบทูลว่า
[๑๐๗๙] ชาวนครสีพีจะให้ขับพระราชโอรสผู้
ไม่มีโทษผิดเสีย รัฐสีมามณฑลของพระองค์ก็จะเป็น
เหมือนรังผึ้งร้าง เหมือนผลมะม่วงหล่นลงบนดิน
ฉะนั้น พระองค์อันพวกอำมาตย์ละทิ้งแล้ว จักต้อง
ลำบากอยู่พระองค์เดียว เหมือนหงส์มีขนปีกหลุด
ลำบากอยู่ในหนองอันไม่มีน้ำ ฉะนั้น ข้าแต่มหาราช
เพราะฉะนั้น เกล้ากระหม่อมฉันขอกราบทูลพระองค์
ว่า ประโยชน์อย่าได้ล่วงพระองค์ไปเสียเลย ขอ
พระองค์อย่าทรงขับไล่พระราชโอรสผู้ไม่มีความผิด
เพราะถ้อยคำของชาวนครสีพีเลย.

498
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 499 (เล่ม 64)

พระเจ้าสญชัยตรัสว่า
[๑๐๘๐] เราทำความยำเกรงต่อพระราชประเพณี
จึงขับไล่พระราชโอรสผู้เป็นธงของชาวสีพี เราจำต้อง
ขับไล่ลูกของตน ถึงแม้จะเป็นที่รักยิ่งกว่าชีวิตของเรา.
พระนางผุสดีตรัสว่า
[๑๐๘๑] แต่ปางก่อนยอดธงเคยแห่ตามเสด็จ
พระเวสสันดร ดังดอกกรรณิการ์บาน วันนี้พระเวส-
สันดรจะเสด็จแต่พระองค์เดียว แต่ปางก่อนยอดธง
เคยแห่ตามเสด็จพระเวสสันดรดังป่ากรรณิการ์ วันนี้
พระเวสสันดรจะเสด็จแต่พระองค์เดียว แต่ปางก่อน
กองทหารรักษาพระองค์เคยตามเสด็จพระเวสสันดร
เหมือนดอกกรรณิการ์บาน วันนี้พระเวสสันดรจะ
เสด็จแต่พระองค์เดียว แต่ปางก่อนกองทหารรักษา
พระองค์เคยตามเสด็จพระเวสสันดร เหมือนป่ากรรณิ-
การ์ วันนี้พระเวสสันดรจะต้องเสด็จแต่พระองค์เดียว
แต่ปางก่อนทหารรักษาพระองค์ใช้ผ้ากัมพลเหลือง
เมืองคันธาระ มีสีเหลืองเรืองรองเหมือนหิ่งห้อย เคย
ตามเสด็จพระเวสสันดร วันนี้พระเวสสันดรจะเสด็จ
แต่พระองค์เดียว แต่ปางก่อนพระเวสสันดรเคยเสด็จ
ด้วยช้างพระที่นั่ง วอและรถทรง วันนี้จะเสด็จดำเนิน
ด้วยพระบาทอย่างไร แต่ปางก่อนพระเวสสันดรเคย
ลูบไล้องค์ด้วยจุรณแก่นจันทน์ ปลุกปลื้มด้วยการ
ฟ้อนรำขับร้อง วันนี้จักทรงแบกหนังเสืออันหยาบ

499
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 500 (เล่ม 64)

ขวานและหาบเครื่องบริขารไปได้อย่างไร พระเวส
สันดรเมื่อเข้าไปอยู่ในป่าใหญ่ไฉนจะไม่ต้องขนเอาผ้า
ย่อมน้ำฝาดและหนังเสือไปด้วย พระเวสสันดรเมื่อเข้า
ไปอยู่ป่าใหญ่ ไฉนจะไม่ต้องใช้ผ้าคากรอง พวกคน
ที่เป็นเจ้านายบวช จะทรงผ้าคากรองได้อย่างไรหนอ
เจ้ามัทรีจักนุ่งห่มผ้าคากรองได้อย่างไร แต่ปางก่อน
เจ้ามัทรีเคยทรงแต่ผ้ากาสิกพัสตร์ ผ้าโขมพัสตร์และ
ผ้าโกทุมพรพัสตร์ เมื่อต้องทรงผ้าคากรองจักกระทำ
อย่างไร เจ้ามัทรีผู้มีรูปร่างสวยงาม แต่ปางก่อนเคย
เสด็จด้วยคานหาม วอและรถทรง วันนี้จะเสด็จเดิน
ทางด้วยพระบาทได้อย่างไร เจ้ามัทรีผู้มีรูปร่างสวยงาม
มีฝ่าพระหัตถ์อันอ่อนนุ่ม ไม่เคยทำงานหนักเคยตั้งอยู่
ในความสุข วันนี้จะเสด็จเดินทางด้วยพระบาทได้
อย่างไร เจ้ามัทรีผู้มีรูปร่างสวยงาม มีฝ่าพระบาทอัน
อ่อนนุ่ม ไม่เคยเสด็จดำเนิน ด้วยพระบาทเปล่าตั้งอยู่
ในความสุข ทรงสวมรองเท้าทองเสด็จดำเนิน วันนี้
จะเสด็จเดินทางด้วยพระบาทได้อย่างไร เจ้ามัทรีผู้มีรูป
ร่างอันสวยงามทรงสิริ แต่ก่อนเคยเสด็จดำเนินข้าง
หน้านางข้าหลวงจำนวนพัน วันนี้จะเสด็จเดินป่าพระ-
องค์เดียวได้อย่างไร เจ้ามัทรีผู้มีรูปร่างอันสวยงาม
ขวัญอ่อน พอได้ยินเสียงสุนัขเห่าหอนก็สะดุ้ง วันนี้
จักเสด็จเดินป่าได้อย่างไร เจ้ามัทรีผู้มีรูปร่างอันสวยงาม
ขวัญอ่อน ได้สดับเสียงนกฮูกคำรามร้อง ก็กลัวตัวสั่น
เหมือนนางวารุณี วันนี้จะเสด็จเดินป่าได้อย่างไร เมื่อ

500
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 501 (เล่ม 64)

เกล้ากระหม่อมฉันมาสู่นิเวศน์อันว่างเปล่านี้ จักเศร้า
กำสรดระทมทุกข์สิ้นกาลนาน ดังแม่นกถูกพรากลูก
เห็นแต่รังอันว่างเปล่า ฉะนั้น เมื่อเกล้ากระหม่อมฉันไม่
เห็นลูกรักทั้งสองก็จักซูบผอมเหมือนแม่นกถูกพรากลูก
เห็นแต่รังอันว่างเปล่า ฉะนั้น เมื่อเกล้ากระหม่อมฉัน
ไม่เห็นลูกรักทั้งสอง ก็จักวิ่งพล่านไปตามที่นั้น ๆ ดัง
แม่นกถูกพรากลูกเห็นแต่รังอันว่างเปล่า ฉะนั้น เมื่อ
เกล้ากระหม่อมฉันมาสู่นิเวสน์อันว่างเปล่านี้ จักเศร้า
กำสรดระทมทุกข์สิ้นกาลนาน ดังนางนกออกถูกพราก
ลูกเห็นแต่รังอันว่างเปล่า ฉะนั้น เมื่อเกล้ากระหม่อม
ฉันไม่เห็นลูกรักทั้งสองก็จักซูบผอม ดังนางนกออก
ถูกพรากลูกเห็นแต่รังอันว่างเปล่า ฉะนั้น เมื่อเกล้า
กระหม่อมฉันไม่เห็นลูกรักทั้งสอง ก็จักวิ่งพล่านไป
ตามที่นั้นๆ ดังนางนกออกถูกพรากลูกเห็นแต่รังอัน
ว่างเปล่านี้ ฉะนั้นเมื่อเกล้ากระหม่อมฉันมาสู่นิเวศน์
อันว่างเปล่านี้ ก็จักเศร้ากำสรดระทมทุกข์สิ้นกาลนาน
เป็นแน่แท้เหมือนนางนกจากพรากซบเซาอยู่ในหนอง
อันไม่มีน้ำ ฉะนั้น เมื่อเกล้ากระหม่อมฉันไม่เห็นลูก
รักทั้งสอง ก็จักซูบผอมเป็นแน่แท้ เหมือนนางนก
จากพรากในหนองอันไม่มีน้ำ ฉะนั้น เมื่อเกล้ากระ-
หม่อมฉันไม่เห็นลูกรักทั้งสอง จักวิ่งพล่านไปตามที่
นั้น ๆ เป็นแน่แท้ เหมือนนางนกจากพรากในหนอง
อันไม่มีน้ำ ฉะนั้น ก็เมื่อเกล้ากระหม่อนฉันพร่ำเพ้อ
ทูลอ้อนวอนอยู่อย่างนี้ ถ้าพระองค์ยังจะทรงให้ขับไล่

501
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 502 (เล่ม 64)

พระเวสสันดรเสียจากแว่นแคว้น เกล้ากระหม่อมฉัน
เห็นจักต้องสละชีวิตเป็นแน่.
พระศาสดาตรัสว่า
[๑๐๘๒] นางสนมกำนัลในของพระเจ้าสีวิราช
ทุกถ้วนหน้า ได้ยินคำรำพันของพระนางผุสดีแล้ว
พากันมาประชุมประคองแขนทั้งสองขึ้นร่ำไห้ พระ-
โอรส พระธิดา และพระชายา ในนิเวศน์ของพระ-
เวสสันดร นอนกอดกันสะอื้นไห้ ดังหมู่ไม้รังอันถูก
พายุพัดล้มระเนระนาดแหลกรานฉะนั้น พวกชาววัง
พวกเด็ก ๆ พ่อค้าและพวกพราหมณ์ ในนิเวศน์ของ
พระเวสสันดรต่างก็ประคองแขนทั้งสองคร่ำครวญ
พวกกองช้าง กองม้า กองรถ และกองเดินเท้า ใน
นิเวศน์ของพระวเสสันดร ต่างก็ประคองแขนทั้งสอง
คร่ำครวญ ครั้นเมื่อสิ้นราตรีนั้น พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
พระเวสสันดรเสด็จมาสู่โรงทาน เพื่อทรงทานโดยรับ
สั่งว่า ท่านทั้งหลายจงให้ผ้าแก่ผู้ต้องการ จงให้เหล้า
แก่พวกนักเลงเหล้า จงให้โภชนะแก่ผู้ต้องการโภชนะ
โดยทั่วถึง และอย่าเบียดเบียนพวกวณิพกผู้มาในที่นี้
อย่างไร จงเลี้ยงดูพวกวณิพกให้อิ่มหนำด้วยข้าวและ
น้ำ พวกเขาได้รับบูชาแล้วก็จงไป ครั้งนั้น เสียงดัง
กึกก้องโกลาทลน้ำหวาดเสียวเป็นไปในพระนครนั้นว่า
ชาวพระนครสีพีจะขับไล่พระเวสสันดร เพราะทรง
บริจาคทาน ขอให้พระองค์ได้ทรงบริจาคทานอีกเถิด.

502
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 503 (เล่ม 64)

[๑๐๘๓] เมื่อพระมหาราชาผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
จะเสด็จออก วณิพกเหล่านั้นเป็นดังคนเมา คนเหน็ด
เหนื่อย ลงนั่งปรับทุกข์กันว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย
ชาวนครสีพีพากันขับไล่พระเวสสันดรผู้ไม่มีผิดเสียจาก
แว่นแคว้น ก็เปรียบเหมือนช่วยกันตัดต้นไม้ที่ให้ผล
ต่าง ๆ เสีย ฉะนั้น ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ชาวนครสีพี
พากันขับไล่พระเวสสันดรผู้ไม่มีความผิดเสียจากแว่น-
แคว้น ก็เปรียบเหมือนช่วยกันตัดต้นไม้อันทรงผล
ต่างๆ ฉะนั้น ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ชาวนครสีพีพากัน
ขับไล่พระเวสสันดรผู้ไม่มีความผิดเสียจากแว่นแคว้น
ก็เปรียบเหมือนช่วยกันตัดต้นไม้อันให้สิ่งที่ต้องการทุก
อย่าง ฉะนั้น ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ชาวนครสีพีพากัน
ขับไล่พระเวสสันดรผู้ไม่มีความผิดเสียจากแว่นแคว้น
ก็เปรียบเหมือนช่วยกันตัดต้นไม้อันนำรสที่ต้องการทุก
อย่างมาให้ ฉะนั้น เมื่อพระมหาราชาผู้ผดุงสีพีรัฐจะ
เสด็จออก ทั้งคนแก่ เด็ก และคนปานกลางต่างพากัน
ประคองแขนทั้งสองร้องไห้คร่ำครวญ เมื่อพระมหา-
ราชาผู้ผดุงสีพีรัฐจะเสด็จออก พวกโหรหลวง พวก
ขันที มหาดเล็กและเด็กชาต่างก็ประคองแขนทั้งสอง
ร้องไห้คร่ำครวญ เมื่อพระมหาราชาผู้ผดุงสีพีรัฐจะ
เสด็จออก แม้หญิงทั้งหลายที่มีอยู่ในพระนครนั้นต่าง
ร้องไห้คร่ำครวญ สมณพราหมณ์และวณิพก ต่างก็
ประคองแขนร้องไห้คร่ำครวญว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย

503
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 504 (เล่ม 64)

ได้ยินว่าเป็นการไม่ยุติธรรมเลย เพราะเหตุพระเวส-
สันดรทรงบำเพ็ญทานอยู่ในพระราชวังของพระองค์
จำต้องเสด็จออกจากแว่นแคว้นของพระองค์ เพราะ
ถ้อยคำของชาวสีพี พระเวสสันดรทรงประทานช้าง
เจ็ดร้อยเชือก ประดับด้วยเครื่องอลังการทุกอย่าง อัน
มีสายรัด มีทั้งกูบและสัปคับทอง นายควาญถือหอก
ซัดและขอขึ้นคอประจำ แล้วเสด็จออกจากแว่นแคว้น
ของพระองค์ พระเวสสันดรพระราชทานม้าเจ็ดร้อยตัว
อันประดับด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง เป็นม้าสินธพ
ชาติอาชาไนย เป็นม้าฝีเท้าเร็ว มีนายสารถีถือทวน
และธนูขึ้นขี่ประจำ แล้วเสด็จออกจากแว่นแคว้นของ
พระองค์ พระเวสสันดรพระราชทานรถเจ็ดร้อยคันอัน
ผูกสอดเครื่องรบปักธงไชยครบครัน หุ้มด้วยหนึ่งเสือ
เหลืองและเสือโคร่ง ประดับด้วยเครื่องอลังการทุก
อย่าง มีนายสารถีสวมเกราะถือธนูขึ้นขับขี่ แล้วเสด็จ
ออกจากแว่นแคว้นของพระองค์ พระเวสสันดรพระ-
ราชทานสตรีเจ็ดร้อยคน นั่งประจำอยู่ในรถคันละคน
สอดสวมสร้อยสังวาล ตบแต่งด้วยเครื่องทอง มีเครื่อง
ประดับ ผ้านุ่ง ผ้าห่ม และเครื่องอาภรณ์ล้วนแต่สี
เหลือง มีดวงตากว้าง ใบหน้ายิ้มแย้ม ตะโบกงาม
เอวบางร่างน้อย แล้วเสด็จออกจากแว่นแคว้นของ
พระองค์ พระเวสสันดรพระราชทานแม่โคนมเจ็ดร้อย
ตัว พร้อมด้วยภาชนะเงินสำหรับรองน้ำนมทุก ๆ ตัว

504
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 505 (เล่ม 64)

แล้วเสด็จออกจากแว่นแคว้นของพระองค์ พระเวส-
สันดรพระราชทานทาสีเจ็ดร้อยและทาสเจ็ดร้อย แล้ว
เสด็จออกจากแว่นแคว้นของพระองค์ พระเวสสันดร
พระราชทานช้าง ม้า และนารี อันประดับประดาอย่าง
สวยงาม แล้วเสด็จออกจากแว่นแคว้นของพระองค์
ในกาลนั้น ได้มีสิ่งที่น่ากลัวขนพองสยองเกล้า เมื่อ
พระเวสสันดรพระราชทานมหาทานแล้ว แผ่นดินก็
หวั่นไหว ครั้งนั้นได้มีสิ่งที่น่ากลัว ขนพองสยองเกล้า
พระเวสสันดรทรงประคองอัญชลีเสด็จออกจากแว่น-
แคว้นของพระองค์.
[๑๐๘๔] ครั้งนั้น เสียงดังกึกก้องโกลาหลน่า
หวาดเสียวเป็นไปในพระนครนั้นว่า ชาวนครสีพีขับไล่
พระเวสสันดรเพราะบริจาคทาน ขอให้พระองค์ทรง
บริจาคทานอีกเถิด.
พระศาสดาตรัสว่า
[๑๐๘๕] เมื่อพระมหาราชาผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ
จะเสด็จออก วณิพกเหล่านั้นเป็นดังคนเมา คนเหน็ด
เหนื่อย นั่งลงปรับทุกข์กัน.
[๑๐๘๖] พระเวสสันดร กราบทูลพระเจ้าสัญชัย
ผู้ประเสริฐธรรมิกราชว่า ขอเดชะ ขอพระองค์ทรง
พระกรุณาโปรดเนรเทศข้าพระองค์เถิด ข้าพระองค์จะ
ไปยังภูเขาวงกต ข้าแต่พระมหาราช สัตว์เหล่าใด
เหล่าหนึ่งที่มีมาแล้ว ที่จะมีมา และที่มีอยู่ ยังไม่อิ่ม

505
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 506 (เล่ม 64)

ด้วยกามเลย ก็ต้องไปสู่สำนักของพระยายม ข้าพระองค์
บำเพ็ญทานอยู่ในปราสาทของตน ยังชื่อว่าเบียดเบียน
ชาวนครของตน จะต้องออกจากแว่นแคว้นของ
ตน เพราะถ้อยคำของชาวสีพี ข้าพระองค์จักต้องได้
เสวยความลำบากนั้น ๆ ในป่าอันเกลื่อนกล่นด้วยพาล
มฤค เป็นที่อยู่อาศัยของแรดและเสือเหลือง ข้าพระ-
องค์จะทำบุญทั้งหลาย เชิญพระองค์ประทับจมอยู่ใน
เปือกตมเถิดพระเจ้าข้า.
พระมหาสัตว์ตรัสว่า
[๑๐๘๗] ข้าแต่พระแม่เจ้า ขอได้ทรงโปรดอนุ-
ญาตข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอบวช ข้าพระองค์
บำเพ็ญทานอยู่ในปราสาทของตน ยังชื่อว่าเบียดเบียน
ชาวนครของตน จะต้องออกจากแว่นแคว้นของตน
เพราะถ้อยคำของชาวสีพี จักต้องได้เสวยความลำบาก
นั้น ๆ ในป่าอันเกลื่อนกล่นด้วยพาลมฤค เป็นที่
อาศัยของแรดและเสือเหลือง ข้าพระองค์จะกระทำ
บุญทั้งหลาย จะไปสู่เขาวงกต.
พระนางผุสดีตรัสว่า
[๑๐๘๘] ลูกเอ๋ย แม่อนุญาตให้ลุก การบวช
ของลูกจงสำเร็จ ส่วนแม่มัทรีผู้มีความงาม ตะโพก
ผึ่งผาย เอวบางร่างน้อย จงอยู่กับลูก ๆ เถิด จักทำ
อะไรในป่าได้.

506
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 507 (เล่ม 64)

พระเวสสันดรตรัสว่า
[๑๐๘๙] ข้าพระองค์ไม่พยายามจะนำแม้ซึ่งนาง-
ทาสีไปสู่ป่า โดยเขาไม่ปรารถนา ถ้าเขาปรารถนาจะ
ตามไป (ก็ตามใจ) ถ้าเขาไม่ปรารถนาก็จงอยู่.
พระศาสดาตรัสว่า
[๑๐๙๐] ลำดับนั้น พระมหาราชาเสด็จดำเนินไป
ทรงวิงวอนพระสุณิสาว่า ดูก่อนแม่มัทรีผู้มีร่างกายอัน
ชะโลมจันทน์ เจ้าอย่าได้ทรงธุลีละอองเลย แม่มัทรี
เคยทรงผ้ากาสี อย่าได้ทรงผ้าคากรองเลย การอยู่ใน
ป่าเป็นความลำบาก ดูก่อนแม่มัทรีผู้มีลักขณาอันงาม
เจ้าอย่าไปเลยนะ.
[๑๐๙๑] พระนางมัทรีราชบุตรีผู้งามทั่วพระวรกาย
ได้กราบทูลพระสัสสุระนั้นว่า ความสุขอันใดจะพึงมี
แก่เกล้ากระหม่อมฉัน โดยว่างเว้นพระเวสสันดร
เกล้ากระหม่อมฉัน ไม่พึงปรารถนาความสุขอันนั้น.
[๑๐๙๒] พระมหาราชาผู้ผดุงสีพีรัฐ ได้ตรัสกะ
พระนางมัทรีนั้นว่า เชิญฟังก่อนแม่มัทรี สัตว์อันจะ
รบกวน ยากที่จะอดทนได้ มีอยู่ในป่าเป็นอันมาก คือ
เหลือบ ตั๊กแตน ยุง และผึ้งมันจะพึงเบียดเบียนเธอ
ในป่านั้น ความทุกข์อย่างยิ่งนั้นจะพึงมีแต่เธอ เธอจะ
ต้องได้พบสัตว์ที่น่ากลัวอื่น ๆ ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำ
เช่นงูเหลือมเป็นสัตว์ไม่มีพิษ แต่มันมีกำลังมาก มัน
รัดมนุษย์ หรือแม้เนื้อที่มาใกล้ ๆ ด้วยลำตัว เอามาไว้

507