No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 458 (เล่ม 64)

ดูก่อนบัณฑิต คำนั้นถูกอย่างที่ท่านพูด ท่าน
พูดจริง นักโทษประหารไม่พึงกราบไหว้เพชฌฆาต
หรือเพชฌฆาตก็ไม่พึงให้นักโทษประหารกราบไหว้ตน
อย่างไรหนอ นรชนพึงกราบไหว้บุคคลผู้ปรารถนาจะ
ฆ่าตน และผู้ปรารถนาจะฆ่าเขา จะพึงให้บุคคลผู้ที่
ตนจะฆ่ากราบไหว้ตนอย่างไรเล่า ธรรมนั้นย่อมไม่
สำเร็จประโยชน์เลย.
บัดนี้ พระมหาสัตว์เมื่อทำปฏิสันถารกับพระยานาคราชจึงทูลว่า
ข้าแต่พระยานาคราช วิมานของฝ่าพระบาทนี้
เป็นของไม่เที่ยง แต่เป็นเช่นกับของเที่ยง ฤทธิ์ ความ
รุ่งเรือง พระกำลังกาย พระวิริยภาพและการเสด็จ
อุบัติในนาคพิภพ ได้มีแล้วแก่ฝ่าพระบาท ข้าพระองค์
ขอทูลถามเนื้อความนั้นกะฝ่าพระบาท วิมานนี้ทรงได้
มาอย่างไรหนอ วิมานนี้ฝ่าพระบาทได้มาเพราะอะไร
หรือเป็นของเกิดขึ้นตามฤดูกาล ฝ่าพระบาททรงกระ-
ทำเอง หรือเทวดาทั้งหลายถวายแก่พระองค์ ข้าแต่
พระยานาคราช ขอฝ่าพระบาทตรัสบอกเนื้อความนี้แก่
ข้าพระองค์ ตามที่ฝ่าพระบาทได้วิมานมาเถิด พระเจ้า
ข้า.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตว อิทํ ความว่า วิมานอันเกิดแต่ยศ
สำหรับเป็นพระเกียรติยศของพระองค์นี้ ซึ่งเป็นของไม่เที่ยง แต่ปรากฏเสมือน
ของเที่ยง ท่านอย่ากระทำความชั่วเพราะอาศัยยศเลย เพราะฉะนั้นด้วยบทนี้

458
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 459 (เล่ม 64)

พระมหาสัตว์จึงขอชีวิตของตนไว้. บทว่า อิทฺธิ ความว่า ฤทธิ์ของนาคก็ดี
ความรุ่งเรืองแห่งนาคก็ดี กำลังกายก็ดี ความเพียรอันเป็นไปทางจิตก็ดี การ
เสด็จอุบัติในนาคพิภพก็ดี ได้มีแก่พระองค์ทุกสิ่งทุกอย่าง ข้าพระองค์ขอทูลถาม
เนื้อความนั้น ข้าแต่พระยานาค ข้าพระองค์ขอทูลถามเนื้อความนั้นกะพระองค์
วิมานนี้พระองค์ทรงได้ด้วยอาการอย่างไรหนอ พระองค์อาศัยใครจึงได้ หรือ
เป็นของเกิดขึ้นตามฤดูกาล หรือพระองค์ทรงทำด้วยมือของพระองค์เอง หรือ
ว่าเทวดาทั้งหลายถวายพระองค์ ข้าแต่พระยานาคผู้ทรงเป็นเจ้าพิภพบาดาล
วิมานนี้พระองค์ทรงได้ด้วยประการใด ขอพระองค์ตรัสบอกเนื้อความนั้นแก่
ข้าพระองค์ด้วยประการนั้น พระเจ้าข้า.
พระยานาคตรัสพระคาถาว่า
วิมานนี้ เราได้มาเพราะอาศัยอะไรก็หามิได้
เกิดขึ้นตามฤดูกาลก็หามิได้ เรามิได้ทำเอง แม้เทวดา
ทั้งหลายก็มิได้ ให้แต่วิมานนี้ เราได้มาด้วยบุญกรรม
อันไม่ลามกของตนเอง.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปาปเกหิ แปลว่า ไม่ลามก.
พระมหาสัตว์ทูลถามว่า
ข้าแต่พระยานาค อะไรเป็นวัตรของพระองค์
และอะไรเป็นพรหมจรรย์ของพระองค์ ฤทธิ์ ความ
รุ่งเรือง พระกำลังกาย พระวิริยภาพ และการเสด็จ
อุบัติในนาคพิภพ ทั้งวิมานใหญ่ของพระองค์นี้ เป็น
ผลแห่งกรรมอะไร อันพระองค์ทรงประพฤติดีแล้ว.

459
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 460 (เล่ม 64)

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กินฺเต วตฺตํ ความว่า ข้าแต่พระยานาค
ในภพก่อน อะไรเป็นวัตรของพระองค์ อนึ่ง อะไรเป็นการอยู่พรหมจรรย์
ของพระองค์ อิฏฐวิบุลผลมีความเป็นผู้มีฤทธิ์เป็นต้นนี้ เป็นวิบากสุจริตเช่นไร
พระยานาคตรัสพระคาถาว่า
เราและภรรยา เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลกเป็นผู้มี
ศรัทธาเป็นทานบดี ในครั้งนั้นเรือนของเราเป็นดังบ่อ
น้ำของสมณะและพราหมณ์ทั้งหลาย และเราได้บำรุง
สมณะและพราหมณ์ให้อิ่มหนำสำราญ เราทั้งสองได้
ถวายทานคือ ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ เครื่อง
ประทีป ที่นอนที่พักอาศัย ผ้านุ่งผ้าห่ม ผ้าปูนอน
ข้าวและน้ำโดยเคารพ ทานที่ได้ถวายแล้วโดยเคารพ
นั้น เป็นวัตรของเรา และการสมาทานวัตรนั้นเป็น
พรหมจรรย์ของเรา ดูก่อนท่านผู้เป็นปราชญ์ ฤทธิ์
ความรุ่งเรือง กำลังกาย ความเพียร การเกิดในนาค-
พิภพ และวิมานใหญ่ของเรานี้ เป็นวิบากแห่งวัตรและ
พรหมจรรย์นั้น อันเราประพฤติดีแล้ว.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มนุสฺสโลเก ได้แก่ ในกาลจัมปาก-
นคร แคว้นอังคะ. บทว่า ตํ เม วตฺตํ ความว่า ทานที่เราให้โดยเคารพ
นั้นนั่นแล การสมาทานวัตร และพรหมจรรย์ของเรา อิฏฐวิบุลผลมีฤทธิ์
เป็นต้นนี้ เป็นวิบากแห่งสุจริตที่ข้าพเจ้าประพฤติดีแล้วนั้น.
พระมหาสัตว์ทูลเป็นคาถาว่า
ถ้าวิมานนี้ ฝ่าพระบาททรงได้ด้วยอานุภาพแห่ง
ทานอย่างนี้ ฝ่าพระบาทก็ชื่อว่าทรงทราบผลแห่งบุญ

460
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 461 (เล่ม 64)

และทรงทราบการเสด็จอุบัติในนาคพิภพ เพราะผล
แห่งบุญ เพราะเหตุนั้นแล ขอฝ่าพระบาททรงเป็นผู้
ไม่ประมาทประพฤติธรรม ตามที่จะได้ทรงครอบครอง
วิมานนี้ต่อไปฉะนั้นเถิด พระเจ้าข้า.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ชานาสิ ความว่า ถ้าว่าวิมานนั้นพระ-
องค์ทรงได้ด้วยอานุภาพแห่งทานอย่างนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้พระองค์ชื่อว่าทรงทราบ
ผลแห่งบุญทั้งหลาย และทรงทราบการเสด็จอุบัติในวิมานอันเกิดขึ้นด้วยผล
แห่งบุญ. บทว่า ตสฺมา ความว่า เพราะเหตุที่วิมานนี้พระองค์ได้มาเพราะเหตุ
แห่งบุญ. บทว่า ปุน มาวเสสิ ความว่า ขอพระองค์จงประพฤติธรรมให้
ได้เสด็จอยู่ครองนาคพิภพนี้แม้ต่อไปอีก.
พระยานาคตรัสพระคาถาว่า
ดูก่อนบัณฑิต ในนาคพิภพนี้ ไม่มีสมณ-
พราหมณ์ที่เราจะพึงถวายข้าวและน้ำเลย เราตามแล้ว
ขอท่านจงบอกเนื้อความนั้นแก่เรา ตามที่เราจะพึงได้
ครอบครองวิมานต่อไปเถิด.
พระมหาสัตว์ทูลเป็นคาถาว่า
ข้าแต่พระยานาค ก็นาคทั้งหลายที่เป็นพระโอรส
พระธิดา พระชายา ทั้งพระญาติ พระมิตร และข้า
เฝ้าของฝ่าพระบาท ซึ่งเกิดในนาคพิภพนี้มีอยู่ ขอฝ่า
พระบาททรงเป็นผู้ไม่ประทุษร้ายในนาค มีพระโอรส
เป็นต้นเหล่านั้น ด้วยพระกายและพระวาจาเป็นนิตย์

461
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 462 (เล่ม 64)

ฝ่าพระบาททรงรักษาความไม่ประทุษร้าย ด้วยพระกาย
และพระวาจาอย่างนี้ ฝ่าพระบาททรงสถิตอยู่ในวิมาน
นี้ตลอดพระชนมายุ แล้วจักเสด็จไปสู่เทวโลกอันสูง
กว่านาคพิภพ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โภคี ความว่า นาคผู้มีโภคสมบัติ.
บทว่า เตสุ ความว่า ขอพระองค์จงอย่าประทุษร้ายเป็นนิตย์ด้วยกายกรรม
และวจีกรรมในนาคผู้มีโภคสมบัติมีพระโอรสและพระธิดาเป็นต้นนั้น. บทว่า
อนุปาลย ความว่า จงตามรักษาความไม่ประทุษร้าย กล่าวคือความมี
เมตตาจิต ในพระโอรสและพระธิดาเป็นต้น และในสัตว์ที่เหลืออย่างนี้.
บทว่า อุทฺธํ อิโต ความว่า พระองค์จักเสด็จไปสู่เทวโลกที่สูงกว่านาคพิภพนี้
เพราะเมตตาจิตจัดว่าเป็นบุญยิ่งกว่าทาน.
พระยานาคได้ทรงสดับธรรมกถาของพระมหาสัตว์อย่างนี้แล้ว ทรง
พอพระทัยแล้ว จึงทรงดำริว่า บัณฑิตไม่อาจจะทำการเนิ่นช้าอยู่ภายนอก เรา
ควรจะแสดงเธอแก่พระนางวิมลา ให้พระนางเธอได้ฟังสุภาษิตสงบรำงับความ
ปรารถนา แล้วส่งบัณฑิตกลับไปเพื่อให้พระเจ้าธนัญชัยทรงชื่นชมโสมนัสดังนี้
จึงตรัสพระคาถาว่า
ท่านเป็นอำมาตย์ของพระราชาผู้ประเสริฐสุด
พระองค์ใด พระราชาผู้ประเสริฐสุดพระองค์นั้น พราก
จากท่านแล้ว ย่อมจะทรงเศร้าโศกแน่แท้ทีเดียว คนที่
ถูกความทุกข์ครอบงำก็ดี คนผู้ป่วยหนักก็ดี ได้สมาคม
กับท่านแล้วพึงได้ความสุข.

462
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 463 (เล่ม 64)

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สชีโว แปลว่า อำมาตย์. บทว่า
สเมจฺจ ความว่า มาพร้อมกับท่าน. บทว่า อาตุโรปิ ความว่า แม้เป็น
ไข้หนัก.
พระมหาสัตว์สดับพระกระแสรับสั่งดังนั้นแล้ว เมื่อจะทรงทำความ
ชมเชยพระยานาคจึงทูลเป็นคาถาอีกว่า
ข้าแต่พระยานาคราช ฝ่าพระบาทตรัสธรรมของ
สัตบุรุษทั้งหลาย ซึ่งเป็นบทอันแสดงประโยชน์อย่าง
ล้ำเลิศ ที่นักปราชญ์ประพฤติดีแล้วโดยแท้ ก็คุณวิเศษ
ของบุคคลผู้มีปัญญาเช่นข้าพระองค์ย่อมปรากฏในเมื่อ
มีภยันตรายเช่นนี้แหละ พระเจ้าข้า.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สตํ ความว่า ท่านแสดงธรรมแก่สัตบุรุษ
คือบัณฑิตทั้งหลายแน่แท้. บทว่า อตฺถปทํ ได้แก่ ส่วนที่เป็นประโยชน์.
บทว่า เอตาทิสิยาสุ ความว่า คุณวิเศษของบุคคลผู้มีปัญญาเช่นข้าพเจ้า
ย่อมปรากฏในเมื่อได้ประสพภัยอันตรายเป็นเช่นนี้ ๆ แหละ พระเจ้าข้า.
พระยานาคทรงสดับดังนั้น ทรงยินดีร่าเริงเป็นนักหนา แล้วตรัส
พระคาถาว่า
ขอท่านจงบอกแก่เรา ปุณณกยักษ์มิได้ท่านมา
เปล่า ๆ หรือ ขอท่านจงบอกแก่เรา ปุณณกยักษ์นี้ชนะ
ในการเล่นสกาจึงได้ท่านมา ปุณณกยักษ์นี้กล่าวว่า
ได้มาโดยธรรม ท่านถึงเงื้อมมือของปุณณกยักษ์นี้
ได้อย่างไร.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อกฺขาหิ โน ความว่า ท่านจงบอก
แก่ข้าพเจ้า. บทว่า ตายํ ตัดเป็น ตํ อยํ. บทว่า มุธานุลทฺโธ ความ

463
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 464 (เล่ม 64)

ว่า ปุณณกยักษ์นี้ได้ท่านมาเปล่า ๆ หรือชนะด้วยเล่นสกาจึงได้ท่านมา. บทว่า
อติมายมาห ความว่า ปุณณกยักษ์นี้ พูดว่าเราได้บัณฑิตมาโดยชอบธรรม.
บทว่า กถํ ตุวํ หตฺถมิมสฺสมาคโต ความว่า ท่านมาถึงเงื้อมมือปุณณก-
ยักษ์นี้ได้อย่างไร.
ลำดับนั้น พระมหาสัตว์ทูลพระนาคนั้นด้วยคาถาว่า
ปุณณกยักษ์นี้เล่นสกาชนะพระราชาของข้าพระ-
องค์ผู้เป็นอิสราธิบดีในอินทปัตตนครนั้น พระราชา
พระองค์นั้น อันปุณณกยักษ์ชนะแล้ว ได้พระราช-
ทานข้าพระองค์แก่ปุณณกยักษ์นี้ ข้าพระองค์เป็นผู้อัน
ปุณณกยักษ์นี้ ได้มาแล้วโดยธรรม มิใช่ได้มาโดย
กรรมอันสาหัส พระเจ้าข้า.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โย มิสฺสโร ความว่า พระราชาพระ-
องค์ใดเป็นอิสราธิบดี ของข้าพระองค์. บทว่า อิมสฺสทาสิ ความว่า ได้ให้
แก่ปุณณกยักษ์นี้.
พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนี้ จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
ในกาลนั้น พระยานาคผู้ประเสริฐทรงสดับคำ
สุภาษิตของวิธุรบัณฑิตผู้เป็นนักปราชญ์แล้ว ทรงชื่น
ชมโสมนัส มีพระทัยเต็มตื้นด้วยปีติ ทรงจึงมือวิธุร-
บัณฑิตผู้มีปัญญาไม่ทราม เสด็จเข้าไปในที่อยู่ของ
พระชายาตรัสว่า ดูก่อนพระน้องวิมลา เพราะเหตุใด
พระน้องจึงดูผอมเหลืองไป เพราะเหตุใด พระน้อง
จึงไม่เสวยกระยาหาร ก็คุณงามความดีของวิธุรบัณฑิต

464
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 465 (เล่ม 64)

ผู้ที่พระน้องต้องประสงค์ดวงหทัย เป็นผู้บรรเทาความ
มืดของโลกทั้งปวง เช่นนี้นั้นของเราไม่ ผู้นี้คือวิธุร-
บัณฑิต มาถึงแล้วจะทำความสว่างไสวให้แก่พระน้อง
เชิญพระน้องตั้งหทัยฟังถ้อยคำของท่าน การที่จะ
ได้เห็นท่านอีกเป็นการหาได้ยาก.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปาเวกฺขิ แปลว่า เข้าไปแล้ว. บทว่า
เยน ความว่า ดูก่อนพระน้องวิมลา ผู้เจริญ เจ้าซูบผอมเหลืองไปเพราะเหตุไร
และเพราะเหตุไรเจ้าจึงไม่เสวยกระยาหาร. บทว่า น จ เม ตาทิโส วณฺโณ
ความว่า ก็เกียรติคุณของวิธุรบัณฑิตเช่นนี้ อย่างที่เราและใคร ๆ อื่นมิได้มี
ได้แผ่กระฉ่อนไปตลอดพื้นปฐพีและเทวโลก วิธุรบัณฑิตผู้ที่เจ้าต้องการดวง
หทัยนั้น เป็นผู้บรรเทาความมืดของชาวโลกทั้งสิ้นมาถึงแล้ว จะทำความสว่าง
ไสวในอรรถธรรมแก่เจ้า ณ บัดนี้. ด้วยบทว่า ปุน นี้ท่านกล่าวว่า ชื่อว่า
การเห็นวิธุรบัณฑิตนี้อีก หาได้ยาก.
พระนางวิมลา ทอดพระเนตรเห็นวิธุรบัณฑิต
ผู้มีปัญญากว้างขวางดังแผ่นดินนั้นแล้ว มีพระทัยยินดี
โสมนัส ทรงยกพระองค์คุลีทั้ง ๑๐ ขึ้นอัญชลี และตรัส
กะวิธุรบัณฑิตผู้เป็นนักปราชญ์ประเสริฐสุดของชาว
กุรุรัฐ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า หฏเฐน ภาเวน แปลว่า ผู้มีจิตยินดี.
บทว่า ปตีตรูปา ได้แก่ เกิดความโสมนัส.
เบื้องหน้าแต่นี้ พระนางวิมลาเทวี จึงตรัสว่า
ดูก่อนบัณฑิต ท่านเป็นมนุษย์มาเห็นนาคพิภพที่
ตนยังไม่เคยเห็น เป็นผู้ถูกมรณภัยคุกคามแล้ว เพราะ

465
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 466 (เล่ม 64)

เหตุไรจึงไม่กลัวและไม่ถวายบังคมดิฉันเล่า อาการที่
ทำเช่นนี้ ดูเหมือนไม่ใช่อาการของผู้มีปัญญา.
วิธุรบัณฑิตกราบทูลเป็นคาถาว่า
ข้าแต่พระนางเจ้านาคี ข้าพระองค์เป็นผู้ไม่กลัว
และไม่เป็นผู้อันภัยคือความตายคุกคาม นักโทษประ-
หารไม่พึงไหว้เพชฌฆาต หรือเพชฌฆาตก็ไม่พึงให้นัก
โทษประหารกราบไหว้ตน อย่างไรหนอ นรชนจะ
กราบไหว้บุคคลผู้ที่ปรารถนาจะฆ่าตน และผู้ปรารถนา
จะฆ่าเขา จะพึงให้บุคคลผู้ที่ตนจะฆ่ากราบไหว้ตน
อย่างไรเล่า กรรมนั้นย่อมไม่สำเร็จประโยชน์ พระ-
เจ้าข้า.
พระนางวิมลาตรัสว่า
ดูก่อนบัณฑิต คำนั้นถูกอย่างที่ท่านพูด ท่านพูด
จริง นักโทษประหารไม่พึงกราบไหว้เพชฌฆาต หรือ
เพชฌฆาตก็ไม่พึงให้นักโทษประหารกราบไหว้ตน
อย่างไรหนอนรชน จึงจะกราบไหว้บุคคลผู้ปรารถนา
จะฆ่าตน และผู้ปรารถนาจะฆ่าเขา จะพึงให้บุคคลผู้
ที่ตนจะฆ่ากราบไหว้เล่า กรรมนั้น ย่อมไม่สำเร็จ
ประโยชน์เลย.
ลำดับนั้น พระมหาสัตว์ เมื่อจะทำปฏิสันถารกับพระนางวิมลาเทวี
จึงทูลเป็นคาถาว่า

466
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ – หน้าที่ 467 (เล่ม 64)

ข้าแต่พระนางเจ้านาคกัญญา วิมานของพระองค์
นี้ เป็นของไม่เที่ยงแต่เป็นเช่นกับของเที่ยง ฤทธิ์ ความ
รุ่งเรือง พระกำลังกาย พระวิริยภาพ และการเสด็จ
อุบัติในนาคพิภพ ได้มีแล้วแก่ฝ่าพระบาท ข้าพระองค์
ขอทูลถามเนื้อความนั้นกะฝ่าพระบาท วิมานนี้ ฝ่า
พระบาทได้มาอย่างไรหนอ วิมานนี้ ฝ่าพระบาทได้
มาเพราะอาศัยอะไร หรือเป็นของเกิดขึ้นตามฤดูกาล
ฝ่าพระบาททรงกระทำเอง หรือเทวดาทั้งหลายถวาย
ฝ่าพระบาท ข้าแต่พระนางเจ้านาคกัญญา ขอฝ่าพระ-
บาท ตรัสบอกเนื้อความนั้นแก่ข้าพระองค์ ตามที่
ฝ่าพระบาทได้วิมานมาเถิด พระเจ้าข้า.
ลำดับนั้น พระนางวิมลาเทวี ตรัสบอกแก่พระมหาสัตว์ว่า
วิมานนี้ ดิฉันได้มาเพราะอะไรก็หามิได้ เกิดขึ้น
ตามฤดูกาลก็หามิได้ ดิฉันมิได้กระทำเอง แม้เทวดาทั้ง
หลายก็มิได้ให้ แต่วิมานนี้ ดิฉันได้มาด้วยบุญกรรม
อันไม่ลามกของตนเอง.
พระมหาสัตว์กล่าวว่า
ข้าแต่พระนางเจ้านาคี อะไรเป็นวัตรของฝ่า
พระบาท และอะไรเป็นพรหมจรรย์ของฝ่าพระบาท
ฤทธิ์ ความรุ่งเรือง พระกำลังกาย พระวิริยภาพ และ
การเสด็จอุบัติในนาคพิภพ ทั้งวิมานอันใหญ่ของฝ่า
พระบาทนี้ เป็นผลแห่งกรรมอะไร อันฝ่าพระบาท
ทรงประพฤติดีแล้ว พระเจ้าข้า.

467