หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 911 (เล่ม 4)

สักกัจจวรรค สิกขาบทที่ ๘
[๘๓๘] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์มีความมุ่งหมายจะ
เพ่งโทษ แลดูบาตรของภิกษุเหล่าอื่น . . .
พระบัญญัติ
๑๓๘. ๓๘. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่เพ่งโพนทะนา
แลดูบาตรของผู้อื่น.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุไม่พึงมุ่งหมายจะเพ่งโทษ แลดูบาตรของภิกษุอื่น ภิกษุใด
อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ มีความมุ่งหมายจะเพ่งโทษ แลดูบาตรของภิกษุพวก
อื่น ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ แลดูด้วยคิดว่าจักเติมของฉันให้ หรือ
จักสั่งให้เขาเติมถวาย ๑ มิได้มีความมุ่งหมายจะเพ่งโทษ ๑ มีอันตราย ๑
วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
สักกัจจวรรค สิกขาบทที่ ๘ จบ
สักกัจจวรรค สิกขาบทที่ ๙
[๘๓๙] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ทำคำข้าวใหญ่.
พระบัญญัติ
๑๘๔. ๓๙. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ทำคำข้าวให้
ใหญ่นัก.

911
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 912 (เล่ม 4)

สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุผู้ฉันอาหารไม่พึงทำคำข้าวให้ใหญ่เกินไป ภิกษุใดอาศัยความ
ไม่เอื้อเฟื้อ ทำคำข้าวให้ใหญ่ ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ ฉันของเคี้ยว ๑ ฉันผลไม้
น้อยใหญ่ ๑ ฉันกับแกง ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้อง
อาบัติแล.
สักกัจจวรรค สิกขาบทที่ ๙ จบ
สักกัจจวรรค สิกขาบทที่ ๑๐
[๘๔๐] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉันข้าวทำคำข้าวยาว...
พระบัญญัติ
๑๘๕. ๔๐. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักทำคำข้าวให้กลม
กล่อม
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุผู้ฉันอาหารพึงทำคำข้าวให้กลมกล่อม ภิกษุใดอาศัยความไม่
เอื้อเฟื้อ ทำคำข้าวยาว ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ ฉันของเคี้ยว ๑ ฉันผลไม้
น้อยใหญ่ ๑ ฉันกับแกง ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้อง
อาบัติแล.
สักกัจจวรรค สิกขาบทที่ ๑๐ จบ
วรรคที่ ๔ จบ

912
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 913 (เล่ม 4)

วรรคที่ ๕ กพฬวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๘๔๑] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์เมื่อคำข้าวยังไม่นำมา
ถึง ย่อมอ้าช่องปากไว้ท่า. . .
พระบัญญัติ
๑๘๖. ๔๑. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เมื่อคำข้าวยังไม่นำมาถึง
เราจักไม่อ้าช่องปาก.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุผู้ฉันอาหาร เมื่อคำข้าวยังไม่ถึงปาก ไม่พึงอ้าช่องปากไว้ท่า
ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เมื่อคำข้าวยังนำมาไม่ถึงปาก อ้าช่องปากไว้ท่า
ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑
อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๑ จบ
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๒
[๘๔๒] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์กำลังฉันอยู่ สอดนิ้ว
มือทั้งหมดเข้าไปในปาก. . .

913
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 914 (เล่ม 4)

พระบัญญัติ
๑๘๗. ๔๒. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราฉันอยู่ จักไม่สอดมือ
ทั้งนั้นเข้าไปในปาก.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุกำลังฉันอาหารอยู่ ไม่พึงสอดนิ้วมือทั้งหมดเข้าไปในปาก
ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ กำลังฉันอยู่ สอดนิ้วมือทั้งหมดเข้าในปาก ต้อง
อาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑
อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๒ จบ
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๓
[๘๔๓] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์เจรจาทั่ง ๆ ที่ในปาก
ยังมีคำข้าว . . .
พระบัญญัติ
๑๘๘. ๔๓. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า ปากยังมึคำข่าว เราจัก
ไม่พูด.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุผู้ฉันอาหารไม่พึงพูดด้วยทั้งปากยัง มีคำข้าว ภิกษุใดอาศัย
ความไม่เอื้อเฟื้อ พูดด้วยทั้งปากยังมีคำข้าว ต้องอาบัติทุกกฏ.

914
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 915 (เล่ม 4)

อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑
อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๓ จบ
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๔
[๘๔๔] สาวัตถีนิทาน ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉันอาหารโยนคำข้าว...
พระบัญญัติ
๑๘๙. ๔๔. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันเดาะคำข้าว.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุผู้ฉันอาหารไม่พึงฉันเดาะคำข้าว ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อ-
เพื่อฉันเดาะคำข้าว ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ ฉันอาหารที่แข้น ๑
ฉันผลไม้น้อยใหญ่ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้อง
อาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๔ จบ
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๕
[๘๔๕] สาวัตถีนิทาน ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉันอาหารกัดคำข้าว ...
พระบัญญัติ
๑๙๐. ๔๕. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันกัดคำข้าว.

915
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 916 (เล่ม 4)

สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุผู้ฉันอาหารไม่พึงฉันกัดคำข้าว ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ
ฉันอาหารกัดคำข้าว ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ ฉันขนมที่แข้นแข็ง ๑
ฉันผลไม้น้อยใหญ่ ๑ ฉันกับแกง ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑
ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๕ จบ
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๖
[๘๔๖] สาวัตถีนิทาน ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉันอาหารทำกระพุ้ง
แก้มให้ตุ่ย . . .
พระบัญญัติ
๑๙๑. ๔๖. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันทำกระพุ้ง
แก้มให้ตุ่ย.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุผู้ฉันอาหารไม่พึงฉันทำกระพุ้งแก้มให้ตุ่ย ภิกษุใดอาศัยความ
ไม่เอื้อเฟื้อ ฉันอาหารทำกระพุ้งแก้มให้ตุ่ยข้างเดียวก็ดี ทั้งสองข้างก็ดี ต้อง
อาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ ฉันผลไม้น้อยใหญ่ ๑
มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๖ จบ

916
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 917 (เล่ม 4)

กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๗
[๘๔๗] สาวัตถีนิทาน ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉันอาหารสลัดมือ. . .
พระบัญญัติ
๑๙๒. ๔๗. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันสลัดมือ.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุผู้ฉันอาหารไม่พึงฉันสลัดมือ ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ
ฉันอาหารสลัดมือ ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ สลัดมือทิ้งเศษอาหาร
มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๗ จบ
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๘
[๘๔๘] สาวัตถีนิทาน ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉันอาหาร โปรย
เมล็ดข้าว . . .
พระบัญญัติ
๑๙๓. ๔๘. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันทำเมล็ด
ข้าวตก.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุผู้ฉันอาหารไม่พึงฉันทำเมล็ดข้าวตก ภิกษุใดอาศัยความไม่
เอื้อเฟื้อ ฉันทำเมล็ดข้าวให้ร่วง ต้องอาบัติทุกกฏ.

917
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 918 (เล่ม 4)

อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ ทิ้งผงข้าวเมล็ดข้าวติด
ไปด้วย ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๘ จบ
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๙
[๘๔๙] สาวัตถีนิทาน ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉัน อาหารแลบลิ้น...
พระบัญญัติ
๑๙๔. ๔๙. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันแลบลิ้น.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุผู้ฉันอาหารไม่พึงแลบลิ้น ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉัน
อาหารแลบลิ้น ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑
อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๙ จบ
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๑๐
[๘๕๐] สาวัตถีนิทาน ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉันอาหารดังจับ ๆ...
พระบัญญัติ
๑๙๕. ๕๐. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันทำเสียงจับ ๆ.

918
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 919 (เล่ม 4)

สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุฉันอาหารไม่พึงฉันทำเสียงดังจับ ๆ ภิกษุใดอาศัยความไม่
เอื้อเฟื้อ ฉันอาหารดังจับ ๆ ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑
อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๑๐ จบ
วรรคที่ ๕ จบ

919
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 920 (เล่ม 4)

วรรคที่ ๖ สุรุสุรุวรรค
สิกขาบทที่ ๑
[๘๕๑] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ โฆสิตา-
ราม เขตพระนครโกสัมพี ครั้งนั้น พราหมณ์คนหนึ่งปรุงปานะน้ำนมถวาย
พระสงฆ์ ภิกษุทั้งหลายซดน้ำนมดังซูด ๆ ภิกษุรูปหนึ่งเคยเป็นนักฟ้อนรำ
กล่าวขึ้นอย่างนี้ว่า ชะรอยพระสงฆ์ทั้งปวงนี้อันความเย็นรบกวนแล้ว บรรดา
ภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย. . . ต่างก็เพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า ไฉน ภิกษุจึงได้
พูดปรารภพระสงฆ์เล่นเล่า . . . แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้พระภาคเจ้า.
ทรงสอบถาม
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุรูปนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ข่าวว่า
เธอได้พูดปรารภพระสงฆ์เล่น จริงหรือ.
ภิกษุรูปนั้น ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ ไฉนเธอจึง
ได้พูดปรารภสงฆ์เล่นเล่า การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใส
ของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว...
ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อัน
ภิกษุทั้งหลายไม่พึงพูดปรารภพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์เล่น รูปใด
ฝ่าฝืน ต้องอาบัติทุกกฏ.
ครั้นทรงติเตียนภิกษุนั่นโดยอเนกปริยายแล้ว ตรัสโทษแห่งความ
เป็นคนเลี้ยงยาก. . .

920