No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 92 (เล่ม 48)

๑๑. ปฐมปติพพตาวิมาน
ว่าด้วยปติพพตาวิมาน ๑
[๑๑] พระโมคคัลลานะถามว่า
ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก นกกระเรียน นก
ยูงทอง หงส์ นกดุเหว่า ซึ่งล้วนเป็นทิพย์ ส่งเสียง
อย่างไพเราะ ชุมนุมกันอยู่ วิมานนี้ดาดาษด้วยดอกไม้
สด งดงามมาก เทพบุตรและเทพธิดามาคบหากับท่าน
นั่งอยู่ในวิมานนั้น เหล่าเทพผู้มีฤทธิ์ สำแดงฤทธิ์
มีรูปแปลก ๆ กันเป็นอันมาก อัปสรเหล่านี้ฟ้อนรำ
ขับร้องอยู่รอบข้าง ให้ท่านบันเทิงอยู่.
ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก ท่านก็ได้เทพฤทธิ์
ครั้งเป็นมนุษย์ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร
ท่านจึงมีอานุภาพมากรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของ
ท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
เทวดานั้น ถูกพระโมคัลลานะซักถามแล้ว
ดีใจ ก็ได้พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า
ครั้งเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์ ดีฉันได้เป็นผู้
ปฏิบัติซื่อตรงต่อสามี ไม่ประพฤตินอกใจ ถนอมใจ
สามี เหมือนกันมารดาถนอมบุตร แม้ดีฉันจะโกรธ
ไม่กล่าวคำหยาบ ละการพูดเท็จ ดำรงมั่นอยู่ใน
ความสัตย์ยินดีในการให้ทาน ชอบอุทิศตนสงเคราะห์

92
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 93 (เล่ม 48)

ผู้อื่น มีใจเลื่อมใส เมื่อบริจาคข้าวและน้ำ ได้ถวาย
ทานอันไพบูลย์โดยความเคารพ เพราะบุญนั้น ดีฉัน
จึงมีวรรณะอย่างนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่
ดีฉัน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน.
ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอก
แก่ท่าน ครั้งเป็นมนุษย์ ดีฉันได้ทำบุญใดไว้ เพราะ
บุญนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะ
ของดีฉันจึงสว่างไหวไปทุกทิศ.
จบปฐมปติพพตาวิมาน
อรรถปฐมปติพพตาวิมาน
ปฐมปติพพตาวิมาน มีคาถาว่า โกญฺจา มยุรา ทิวิยา หํสา
เป็นต้น. ปฐมปติพพตาวิมาน เกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน กรุงสาวัตถี. ในกรุง
สาวัตถีนั้น สตรีผู้หนึ่งได้เป็นผู้ปฏิบัติสามี นางคล้อยตามสามี อดทน
ถือโอวาทสามีโดยเคารพ แม้โกรธก็ไม่หุนหันพลันแล่น ไม่พูดคำหยาบ
พูดแต่เรื่องจริง มีความเชื่อและเลื่อมใส และให้ทานตามควรแก่ทรัพย์
สมบัติ นางเกิดเป็นโรคบางอย่าง ก็ตายไปบังเกิดในภพดาวดึงส์. ต่อมา
ท่านพระมหาโมคคัลลานะเที่ยวจาริกไป โดยนัยก่อน ๆ นั่นแล พบเทว-
ธิดาองค์นั้น ซึ่งกำลังเสวยสมบัติอย่างใหญ่ จึงเข้าไปใกล้ ๆ. เทวธิดา
องค์นั้น มีอัปสรพันหนึ่งแวดล้อม มีอัตภาพประดับด้วยเครื่องอลังการ

93
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 94 (เล่ม 48)

มีภาระประมาณ ๖๐ เล่มเกวียน ไหว้ด้วยเศียรเกล้า [ค้อมศีรษะ] ใกล้ ๆ
เท้าพระเถระแล้วยืน ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง. แม้พระเถระ เมื่อจะถามบุญ
กรรมที่นางทำไว้ จึงกล่าวว่า
นกกระเรียน นกยูง หงส์ และดุเหว่า ล้วน
เป็นทิพย์ ส่งเสียงไพเราะ. ชุมนุมกันอยู่. วิมานนี้
ดาดาษด้วยปุปผชาติ. น่ารื่นรมย์ วิจิตรเป็นอันมาก
ทั้งเทพบุตรทั้งเทพธิดาก็มาคบหาสมาคมกัน.
ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก ท่านนั่งอยู่ในวิมาน
นี้ เหล่าเทพผู้มีฤทธิ์ ก็สำแดงฤทธิ์ มีรูปเป็นอันมาก
และเทพอัปสรเหล่านี้ ก็ฟ้อนรำขับร้องและรื่นเริงกัน
รอบ ๆ ท่าน.
ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก ท่านก็บรรลุเทว-
ฤทธิ์แล้ว ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไร
เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ
วรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
เทวดาองค์นั้นดีใจ ถูกท่านพระโมคคัลลานะ
ถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาโดยอาการที่ท่านถาม ถึง
กรรมที่มีผลดังนี้.
เทวดาองค์นั้น กล่าวตอบว่า
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ดีฉันซื่อตรงต่อ
สามี ไม่นอกใจ ถนอมใจสามีเหมือนมารดาถนอม
บุตร ดีฉันแม้โกรธ ก็ไม่กล่าวคำหยาบ ดีฉันตั้งอยู่

94
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 95 (เล่ม 48)

ในสัจจะ ละคำเท็จ ยินดีในทาน ชอบอุทิศตน
สงเคราะห์คนอื่น มีจิตเลื่อมใส [ ในพระรัตนตรัย ]
เมื่อบริจาคข้าวน้ำ ก็ได้ถวายเป็นทานอย่างไพบูล
โดยเคารพ.
เพราะบุญนั้น วรรณะของดีฉันจึงเป็นเช่นนี้
เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ดีฉัน และโภคะ
ทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน.
ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอก
แก่ท่าน ดีฉันครั้งเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญใด เพราะ
บุญนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองเช่นนี้ และวรรณะ
ของดีฉันจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โกญฺจา แปลว่า นกกระเรียน ที่อาจารย์
บางพวกเรียกว่า นกกระไน ก็มี. บทว่า มยุรา แปลว่า นกยูง. บทว่า
ทิวิยา แปลว่า ที่เป็นทิพย์. จริงอยู่ บทนี้ ควรประกอบเข้า ๔ บทโดยนัย
ว่า ทิวิยา โกญฺจา นกกระเรียนทิพย์ ทิวิยา มยุรา นกยูงทิพย์ เป็นต้น.
บทว่า หํสา ได้แก่ หงส์ มีหงส์ทอง เป็นต้น. บทว่า วคฺคุสฺสรา แปลว่า
มีเสียงเพราะ. บทว่า โกกิลา ได้แก่ นกดุเหว่า [กายขาวดำ]. บทว่า
สมฺปตนฺติ ได้แก่ เล่นระเริงบินร่อนไปรอบๆ เพื่อความอภิรมย์แห่งเทวดา.
จริงอยู่ เหล่าเทวดาที่เป็นบริวารเล่นระเริงโดยรูปของนกกระเรียนเป็นต้น
เพื่อให้เกิดความยินดีแก่เทวดา ท่านจึงกล่าวโดยคำว่า โกญฺจา เป็นต้น.
บทว่า ปุปฺผาภิกิณฺณํ ได้แก่ เกลื่อนกลาดด้วยดอกไม้รัตนะชนิดต่าง ๆ
ที่ร้อยแล้วและยังไม่ได้ร้อย [ เป็นพวง ]. บทว่า รมํ ได้แก่ น่ารื่นรมย์

95
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 96 (เล่ม 48)

น่ารื่นใจ. บทว่า อเนกจิตฺตํ ได้แก่ วิจิตรด้วยอุทยาน ต้นกัลปพฤกษ์
และสระโบกขรณีเป็นต้น เป็นอันมาก และด้วยผนังวิเศษเป็นต้นเป็นอัน
มาก ในวิมานทั้งหลาย. บทว่า นรนาริ เสวิตํ ได้แก่ ที่เหล่าเทพบุตร
และเหล่าเทพธิดา ซึ่งเป็นบริวารคบหากัน.
บทว่า อิทฺธิ วิกพฺพนฺติ อเนรูปา ประกอบความว่า ผู้มีฤทธิ์
ทั้งหลาย ที่สำเร็จด้วยอานุภาพแห่งกรรม มีรูปเป็นอันมาก เพราะสำแดง
รูปได้ต่าง ๆ ย่อมสำแสดงฤทธิ์ ใช้ฤทธิ์แปลก ๆ ท่านก็นั่งอยู่ [ ในวิมาน
นั้น.
บทว่า อนญฺญมนา ได้แก่ ซื่อตรงต่อสามี. ใจของสตรีนั้น ตกไป
ในบุรุษอื่น เหตุนั้น สตรีนั้นชื่อว่า อัญญมานา มีใจตกไปในบุรุษอื่น.
สตรีนั้นไม่มีใจตกไปในบุรุษอื่น เหตุนั้น จึงชื่อว่า อนัญญมนา ไม่มีใจ
ตกไปในบุรุษอื่น. อธิบายว่า ดีฉันไม่เกิดจิตคิดชั่วในบุรุษอื่น นอกจาก
สามีของดีฉันอย่างนี้. บทว่า มาตาว ปุตฺตํ อนุรกฺขมานา ความว่า
กรุณาเอ็นดูสามีของดีฉัน หรือแม้ทุกตัวสัตว์ เพราะนำเข้ามาแต่ประโยชน์
และเพราะประสงค์จะนำสิ่งที่มิใช่ประโยชน์ออกไปเสีย เหมือนมารดาเอ็นดู
บุตรฉะนั้น. บทว่า กุทฺธาปิหํ นปฺผรุสํ อโวจํ ความว่า ดีฉันแม้โกรธ
อยู่ เพราะผู้อื่นทำความไม่ผาสุกให้ ก็ไม่กล่าวคำหยาบคาย อธิบายว่า
ที่แท้ ก็กล่าวแต่คำที่น่ารักเท่านั้น.
บทว่า สจฺเจ  ิตา ได้แก่ ดำรงอยู่ในสัจจะ. เพราะเหตุที่เป็นผู้
ชื่อว่า ตั้งมั่นในสัจจะ เพราะเจตนางดเว้นกล่าวคำเท็จ มิใช่ตั้งมั่นโดย
เพียงกล่าวคำจริงในบางครั้งเท่านั้น ฉะนั้น เทวดาจึงกล่าวว่า โมสวชฺชํ
ปหาย ได้แก่ ละมุสาวาทแล้ว. บทว่า ทาเน รตา ได้แก่ ยินดียิ่ง อธิบายว่า

96
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 97 (เล่ม 48)

ขวนขวายในทาน. บทว่า สงฺคหิตตฺตภาวา ประกอบความว่า ดีฉันชอบ
อุทิศตนสงเคราะห์คนอื่น ๆ ด้วยสังคหวัตถุ และมีจิตเลื่อมใสเพราะเชื่อ
กรรมและผลกรรม จึงได้ถวายข้าว น้ำ โดยเคารพ โดยอาการยำเกรง
และได้ถวายทานอย่างอื่นมีผ้าเป็นต้น อย่างไพบูลย์ อย่างโอฬาร. คำที่
เหลือมีนัยที่กล่าวมาแล้วทั้งนั้น.
จบอรรถกถาปฐมปติพพตาวิมาน
๑๒. ทุติยปติพพตาวิมาน
ว่าด้วยปติพนตาวิมาน ๒
[๑๒] พระโมคคัลลานะถามว่า
ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก ท่านขึ้นวิมานมีเสา
อันแล้วด้วยแก้วไพฑูรย์งดงาม มีรัศมีประกายงดงาม
มาก ท่านก็นั่งอยู่ในวิมานนั้น สำแดงฤทธิ์ได้ต่าง ๆ
ทั้งสูงทั้งต่ำ เทพอัปสรเหล่านี้ก็ฟ้อนรำขับร้องให้ท่าน
ร่าเริงอยู่รอบข้าง ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก ท่านก็
บรรลุเทวฤทธิ์แล้ว ครั้งเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไร
เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ
วรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
เทวดาองค์นั้น ถูกพระโมคคัลลานะซักถาม
แล้วดีใจ ก็ได้พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้
ว่า
ครั้งเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์ ดีฉันได้เป็น

97
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 98 (เล่ม 48)

อุบาสิกาของพระผู้มีจักษุ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
งดเว้นจากการลักทรัพย์ ยินดีเฉพาะสามีของตน
ไม่กล่าวคำเท็จ และไม่ดื่มน้ำเมา อนึ่ง ดีฉันมีใจ
เลื่อมใส เมื่อบริจาคข้าวและน้ำ ได้ถวายทานอย่าง
ไพบูลโดยเคารพ เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะ
อย่างนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ดีฉัน และ
โภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน.
ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอก
แก่ท่าน ครั้งเห็นมนุษย์อยู่ ดีฉันได้ทำบุญใดไว้
เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ
วรรณะของดีฉันจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
จบทุติยปติพพตาวิมาน
อรรถกถาทุติยปติพพตาวิมาน
ทุติยปติพพตาวิมาน มีคาถาว่า เวฬุริยถมฺภํ เป็นต้น. ทุติยปติพพ-
ตาวิมานนั้น เกิดขึ้นอย่างไร ?
ดังได้สดับมา อุบาสิกาผู้หนึ่งในกรุงสาวัตถี เป็นผู้ชื่อตรงต่อสามี
มีความเชื่อเลื่อมใส [ ในพระรัตนตรัย ] รักษาศีล ๕ ทำให้บริสุทธิ์ และ
ได้ให้ทานตามสมควรแก่ทรัพย์สมบัติ ตายแล้วก็ไปบังเกิดในภพดาวดึงส์.
คำที่เหลือมีนัยที่กล่าวมาแล้วในหนหลังทั้งนั้น. ท่านพระโมคคัลลานะ

98
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 99 (เล่ม 48)

ถามว่า
ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก ท่านขึ้นวิมานมีเสา
เป็นแก้วไพฑูรย์ น่ารื่นใจ มีรัศมีผ่องใส งดงาม
มาก ท่านก็นั่งอยู่ในวิมานนั้น สำแดงฤทธิ์ได้แปลก ๆ
ทั้งสูงและต่ำ เทพอัปสรเหล่านี้ ก็ฟ้อนรำขับร้องและ
รื่นเริงรอบ ๆ ท่าน.
ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก ท่านก็บรรลุเทว-
ฤทธิ์แล้ว ท่านครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ได้ทำบุญอะไร
เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรื่องอย่างนี้ และ
วรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
เทวดาองค์นั้นดีใจ ถูกท่านพระโมคคัลลานะ
ถาม ครั้นแล้วก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่าง
นี้ เทวดาองค์นั้น ได้กล่าวตอบว่า
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ดีฉันเป็น
อุบาสิกาของพระผู้มีจักษุ [พระพุทธเจ้า] ได้งดเว้น
การฆ่าสัตว์ งดเว้นการลักทรัพย์ ไม่ดื่มน้ำเมา ไม่พูด
เท็จ ยินดีกับสามีของตน มีจิตเลื่อมใสแล้ว เมื่อ
บริจาคข้าวน้ำได้ถวายเป็นทานอย่างไพบูล โดยเคารพ.
เพราะเหตุนั้น วรรณะของดีฉันจึงเป็นเช่นนี้
เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ดีฉัน และโภคะ
ทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน.
ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดิฉันขอบอก

99
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 100 (เล่ม 48)

แก่ท่าน ดิฉันครั้งเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญใด เพราะ
บุญนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรื่องอย่างนี้ และวรรณะ
ของดีฉันจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เวฬุริยถมฺภํ แปลว่า มีเสาเป็นแก้ว
ไพฑูรย์. บทว่า รุจิรํ ได้แก่ น่ารื่นรมย์. บทว่า ปภสฺสรํ ได้แก่
ส่องสว่างอย่างยิ่ง. บทว่า อุจฺจาวจา แปลว่า สูงและต่ำ อธิบายว่า มี
อย่างต่าง ๆ.
บทว่า อุปาสิกา ได้แก่ สตรีผู้ตั้งอยู่ในคุณลักษณะของอุบาสิกา
ด้วยการถึงสรณะ. จริงอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนเจ้ามหานาม
โดยเหตุเท่าใดแล อริยสาวกย่อมถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ถึงพระธรรม
เป็นสรณะ ถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ ดูก่อนเจ้ามหานาม ด้วยเหตุเท่านั้นแล
อริยสาวก ชื่อว่าเป็นอุบาสก.
ด้วยบทว่า จกฺขุมโต เทวดาองค์นั้นครั้นแสดงอาสยสุทธิ [สรณะ
ที่พึ่ง ] ด้วยการระบุความที่ตนเป็นอุบาสิกาของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า
ผู้มีจักษุ โดยจักษุทั้ง ๕ อย่างนี้แล้ว เพื่อจะแสดงประโยคสุทธิ [ ข้อปฏิบัติ ]
จึงกล่าวว่า งดเว้นการฆ่าสัตว์เป็นต้น. นางกล่าวถึงเจตนางดเว้นการ
ประพฤติผิด [ ในกาม ] ด้วยคำว่า สเกน สามินา อโหสึ ตุฏฺฐา ยินดี
กับสามีของตน ในคาถาคำตอบนั้น คำที่เหลือ ก็เช่นเดียวกับคำที่กล่าว
มาแล้วในหนหลัง.
จบอรรถกถาทุติยปติพพตาวิมาน

100
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 101 (เล่ม 48)

๑๓. ปฐมสุณิสาวิมาน
ว่าด้วยสุณิสาวิมาน ๑
[๑๓] พระโมคคัลลานะถามว่า
ดูก่อนเทวดา ท่านมีวรรณะงาม ส่องแสง
สว่างไปทุกทิศ เหมือนกับดาวประกายพรึก เพราะ
บุญอะไร ท่านจึงมีวรรณะอย่างนี้ เพราะบุญอะไร
ผลนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารัก
จึงเกิดขึ้นแก่ท่าน.
ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน
ครั้งเป็นมนุษย์อยู่ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร
ท่านจึงมีอานุภาพอันรุ่งเรื่องถึงอย่างนี้ อนึ่ง วรรณะ
ของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
เทวดานั้น อันพระโมคคัลลานะซักถาม
แล้วดีใจ ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า
ครั้งเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์ ดีฉันได้เป็น
บุตรสะใภ้อยู่ในตระกูลแห่งพ่อผัว ได้เห็นภิกษุผู้
ปราศจากกิเลสดุจธุลี ผ่องใส ไม่ขุ่นมัว ก็เลื่อมใส
ได้ถวายขนมครึ่งหนึ่งแก่ภิกษุรูปนั้นด้วยมือทั้งสองของ
ตน ครั้นถวายขนมครึ่งหนึ่งแล้ว ดีฉันจึงมาบันเทิง
อยู่ในสวนนันทนวัน เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะ
อย่างนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ดีฉัน อนึ่ง
โภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน เพราะบุญนั้น

101