No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ – หน้าที่ 389 (เล่ม 38)

สัมมาวิมุตติ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้แล อันบุคคล
เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นธรรมมีการกำจัดราคะเป็นที่สุด มี
การกำจัดโทสะเป็นที่สุด มีการกำจัดโมหะเป็นที่สุด เว้นจากสุคตวินัยแล้ว
ย่อมไม่มี.
จบตติยภาวิตสูตรที่ ๘
๙. จตุตถภาวิตสูตร
ว่าด้วยธรรม ๑๐ ประการ ที่บุคคลเจริญแล้วเป็นไปเพื่อตรัสรู้
[๑๓๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้ อันบุคคล
เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่ายโดยส่วนเดียว
เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง
เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน เว้นจากสุคตวินัยแล้วย่อมไม่มี ธรรม ๑๐
ประการเป็นไฉน คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ธรรม ๑๐ ประการนี้แล อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็น
ไปเพื่อความเบื่อหน่ายโดยส่วนเดียว เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความ
ดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน เว้นจาก
สุคตวินัยแล้วย่อมไม่มี.
จบจตุตถภาวิตสูตรที่ ๙
๑๐. มิจฉัตตสูตร
ว่าด้วยมิจฉัตตธรรม ๑๐ ประการ
[๑๓๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิจฉัตตะ (ความผิด) ๑๐ ประการนี้
๑๐ ประการเป็นไฉน คือ มิจฉาทิฏฐิ ๑ มิจฉาสังกัปปะ ๑ มิจฉาวาจา ๑

389
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ – หน้าที่ 390 (เล่ม 38)

มิจฉากัมมันตะ ๑ มิจฉาอาชีวะ ๑ มิจฉาวายามะ ๑ มิจฉาสติ ๑ มิจฉา-
สมาธิ ๑ มิจฉาญาณะ ๑ มิจฉาวิมุตติ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิจฉัตตะ
๑๐ ประการนี้แล.
จบมิจฉัตตสูตรที่ ๑๐
๑๑. สัมมัตตสูตร
ว่าด้วยสัมมัตตธรรม ๑๐ ประการ
[๑๓๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัมมัตตะ (ความเป็นชอบ) ๑๐
ประการนี้ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ สัมมาทิฏฐิ ๑ สัมมาสังกัปปะ ๑
สัมมาวาจา ๑ สัมมากัมมันตะ ๑ สัมมาอาชีวะ ๑ สัมมาวายามะ ๑ สัมมา-
สติ ๑ สัมมาสมาธิ ๑ สัมมาญาณะ ๑ สัมมาวิมุตติ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สัมมัตตะ ๑๐ ประการนี้แล.
จบสัมมัตตสูตรที่ ๑๑
จบปาริสุทธิวรรคที่ ๓
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้
๑. ปริสุทธิสูตร ๒. อุปปันนสูตร ๓. มหัปผลสูตร ๔. ปริโย-
สานสูตร ๕. เอกันตสูตร ๖. ปฐมภาวิตสูตร ๗. ทุติยภาวิตสูตร
๘. ตติยภาวิตสูตร ๙. จตุตถภาวิตสูตร ๑๐. มิจฉัตตสูตร ๑๑. สัมมัตต-
สูตร.

390
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ – หน้าที่ 391 (เล่ม 38)

สาธุวรรคที่ ๔
๑. สาธุสูตร
ว่าด้วยสิ่งดีและไม่ดี
[๑๓๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงสิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดี แก่
เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงพึง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้น
ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ก็สิ่งที่ไม่ดีเป็นไฉน มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิด มิจฉาสังกัปปะ
ความดำริผิด มิจฉาวาจา เจรจาผิด มิจฉากัมมันตะ การงานผิด มิจฉา-
อาชีวะ เลี้ยงชีพผิด มิจฉาวายามะ ความพยายามผิ มิจฉาสติ ระลึกผิด
มิจฉาสมาธิ ตั้งใจผิด มิจฉาญาณะ รู้ผิด มิจฉาวิมุตติ ความหลุดพ้นผิด
นี้เรียกว่าสิ่งที่ไม่ดี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ดีเป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ
ความเห็นชอบ สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ สัมมาวาจา เจรจาชอบ
สัมมากัมมันตะ การงานชอบ สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ สัมมาวายามะ
ความเพียรชอบ สัมมาสติ ระลึกชอบ สัมมาสมาธิ ตั้งใจชอบ สัมมา-
ญาณะ ความรู้ชอบ สัมมาวิมุตติ ความหลุดพ้นชอบ นี้เรียกว่าสิงที่ดี.
จบสาธุสูตรที่ ๑
สาธุวรรคที่ ๔
อรรถกถาสาธุสูตรที่ ๑
วรรคที่ ๔ สาธุสูตรที่ ๑ บทว่า สาธุํ ได้แก่ เจริญ สละสลวย.
จบอรรถกถาสาธุสูตรที่ ๑

391
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ – หน้าที่ 392 (เล่ม 38)

๒. อริยธรรมสูตร
ว่าด้วยอริยธรรมและอนริยธรรม
[๑๓๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง อริยธรรม และ อนริย-
ธรรม แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
ภิกษุเหล่านั้น ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อนริยธรรมเป็นไฉน มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉา-
วิมุตติ นี้เรียกว่าอนริยธรรม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อริยธรรมเป็นไฉน
สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ นี้เรียกว่าอริยธรรม.
จบอริยธรรมสูตรที่ ๒
อรรถกถาอริยธรรมสูตรที่ ๒ เป็นต้น
สูตรที่ ๒ เป็นต้น มีเนื้อความง่ายเหมือนกันแล.
จบอรรถกถาสาธุวรรคที่ ๔
๓. กุสลสูตร
ว่าด้วยอกุศลธรรมและอกุศลธรรม
[๑๓๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงกุศลธรรมและอกุศล-
ธรรม แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงพึง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก่อกุศลธรรมเป็นไฉน มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉา-
วิมุตติ นี้เรียกว่าอกุศลธรรม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็กุศลธรรมเป็นไฉน
สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ นี้เรียกว่ากุศลธรรม.
จบกุสลสูตรที่ ๓

392
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ – หน้าที่ 393 (เล่ม 38)

๔. อรรถสูตร
ว่าด้วยประโยชน์และสิ่งไม่เป็นประโยชน์
[๑๓๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงประโยชน์และสิ่งไม่เป็น
ประโยชน์แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งไม่เป็นประโยชน์เป็นไฉน มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ
มิจฉาวิมุตติ นี้เรียกว่าสิ่งไม่เป็นประโยชน์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็
ประโยชน์เป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ นี้เรียกว่าประโยชน์.
จบอรรถสูตรที่ ๔
๕. ธรรมสูตร
ว่าด้วยธรรมและอธรรม
[๑๓๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมและอธรรม แก่
เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้น
ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ก็อธรรมเป็นไฉน มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉาวิมุตติ นี้เรียกว่า
อธรรม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมเป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
สัมมาวิมุตติ นี้เรียกว่าธรรม.
จบธรรมสูตรที่ ๕
๖. อาสวธรรมสูตร
ว่าด้วยธรรมที่มีอาสวะและไม่มีอาสวะ
[๑๓๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมที่มีอาสวะ และ

393
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ – หน้าที่ 394 (เล่ม 38)

ธรรมที่ไม่มีอาสวะแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงพึง จงใส่ใจให้ดี เรา
จักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่มีอาสวะเป็นไฉน มิจฉาทิฏฐิ
ฯลฯ มิจฉาวิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมที่มีอาสวะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็
ธรรมที่ไม่มีอาสวะเป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ นี้เรียกว่า
ธรรมที่ไม่มีอาสวะ.
จบอาสวธรรมสูตรที่ ๖
๗. สาวัชชธรรมสูตร
ว่าด้วยธรรมที่มีโทษและไม่มีโทษ
[๑๔๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมที่มีโทษและธรรม
ที่ไม่มีโทษแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดีเราจักกล่าว
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่มีโทษเป็นไฉน มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉา-
วิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมที่มีโทษ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่ไม่มีโทษ
เป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมที่ไม่มีโทษ.
จบสาวัชชธรรมสูตรที่ ๗
๘. ตปนิยธรรมสูตร
ว่าด้วยธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความเร่าร้อนและไม่เร่าร้อน
[๑๔๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่ง
ความเร่าร้อน และธรรมอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเร่าร้อน แก่เธอทั้งหลาย

394
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ – หน้าที่ 395 (เล่ม 38)

เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ก็ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความเร่าร้อนเป็นไฉน มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉา-
วิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความเร่าร้อน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ก็ธรรมอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเร่าร้อนเป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
สัมมาวิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเร่าร้อน.
จบตปนิยธรรมสูตรที่ ๘
๙. อาจยคามิธรรมสูตร
ว่าด้วยธรรมที่เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลสและไม่สั่งสมกิเลส
[๑๔๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมอันเป็นไปเพื่อ
สั่งสมกิเลส และธรรมอันไม่เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส แก่เธอทั้งหลาย เธอ
ทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มี
พระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็
ธรรมอันเป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลสเป็นไฉน มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉาวิมุตติ
นี้เรียกว่าธรรมอันเป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรม
อันไม่เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลสเป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ นี้
เรียกว่าธรรมอัน ไม่เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส.
จบอาจยคามิธรรมสูตรที่ ๙
๑๐. ทุกขุทรยธรรมสูตร
ว่าด้วยธรรมที่มีทุกข์และสุขเป็นกำไร
[๑๔๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมมีทุกข์เป็นกำไร

395
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ – หน้าที่ 396 (เล่ม 38)

และธรรมมีสุขเป็นกำไรแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี
เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระ
ภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมมีทุกข์เป็นกำไรเป็นไฉน
มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉาวิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมมีทุกข์เป็นกำไร ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมมีสุขเป็นกำไรเป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมา
วิมุตติ นี้เรียกธรรมมีสุขเป็นกำไร.
จบทุกขุทรยธรรมสูตรที่ ๑๐
๑๑. ทุกขวิปากธรรมสูตร
ว่าด้วยธรรมที่มีทุกข์และสุขเป็นวิบาก
[๑๔๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมมีทุกข์เป็นวิบาก
และธรรมมีสุขเป็นวิบากแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี
เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมมีทุกข์เป็นวิบากเป็นไฉน
มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉาวิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมมีทุกข์เป็นวิบาก ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมมีสุขเป็นวิบากเป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมา
วิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมมีสุขเป็นวิบาก.
จบทุกขวิปากธรรมสูตรที่ ๑๑
จบสาธุวรรคที่ ๔

396
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ – หน้าที่ 397 (เล่ม 38)

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. สาธุสูตร ๒. อริยธรรมสูตร ๓. กุสลสูตร ๔. อรรถสูตร
๕. ธรรมสูตร ๖. อาสวธรรมสูตร ๗. สาวัชชธรรมสูตร ๘. ตปนิย-
ธรรมสูตร ๙. อาจยคามิธรรมสูตร ๑๐. ทุกขุทรยธรรมสูตร ๑๑. ทุกข-
วิปากธรรมสูตร.

397
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ – หน้าที่ 398 (เล่ม 38)

อริยมรรควรรคที่ ๕
๑. อริยมรรคสูตร
ว่าด้วยธรรมที่เป็นอริยมรรคและไม่เป็นอริยมรรค
[๑๔๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมที่เป็นอริยมรรค
และธรรมที่มิใช่อริยมรรคแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี
เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับ พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่มิใช่อริยมรรคเป็นไฉน
มิจฉาทิฏฐิ ฯล ฯ มิจฉาวิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมที่มิใช่อริยมรรค ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่เป็นอริยมรรคเป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
สัมมาวิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมที่เป็นอริยมรรค.
จบอริยมรรคสูตรที่ ๑
๒. กัณหมรรคสูตร
ว่าด้วยธรรมที่เป็นมรรคดำและมรรคขาว
[๑๔๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมที่เป็นมรรคาดำ
และธรรมที่เป็นบรรดาชาวแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี
เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้ที่พระ-
ภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมที่เป็นมรรคาดำเป็นไฉน
มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉาวิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมที่เป็นมรรคาดำ ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่เป็นมรรคาขาวเป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
สัมมาวิมุตติ นี้เรียกว่าธรรมที่เป็นบรรดาขาว.
จบกัณหมรรคสูตรที่ ๒

398