พราหมณ์พรหมายุ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพเจ้าพราหมณ์พรหมายุ
การทำความนอบน้อม พึงเห็นแม้อย่างนี้ ด้วยประการฉะนี้. ก็การทำ
ความนอบน้อมนี้นั้น มี ๔ อย่าง ด้วยอำนาจญาติ, ภัย, อาจารย์ และทักขิ-
เณยยบุคคล, ใน ๔ อย่างนั้น สรณคมน์ย่อมมีได้ด้วยการทำความนอบ
น้อมแก่ทักขิเณยยบุคคล มิใช่มีด้วย ๓ อย่างนอกนี้. ด้วยว่า สรณะ
อันบุคคลถือด้วยอำนาจคนประเสริฐนั่นแล ขาดก็ด้วยอำนาจคนประเสริฐ
เหมือนกัน ฉะนั้น ผู้ใดเป็นศากยะก็ตาม เป็นโกลิยะก็ตาม ไหว้ด้วยคิดว่า
พระพุทธเจ้าเป็นพระญาติของเรา ดังนี้ สรณะย่อมไม่เป็นอันผู้นั้นรับเลย.
อีกอย่างหนึ่ง ผู้ใดไหว้ด้วยความกลัวว่า พระสมณโคดม เป็นผู้ที่พระราชา
บูชา มีอานุภาพมาก เมื่อเราไม่ไหว้ จะพึงทำความพินาศให้ ดังนี้
สรณะย่อมไม่เป็นอันผู้นั้นรับเหมือนกัน. ผู้ใดระลึกถึงอะไร ๆ ที่ตนเล่า
เรียนในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ และเล่า
เรียนอนุสาสนี ครั้งเป็นพระพุทธเจ้า เห็นปานนี้ว่า
เอเกน โภเค ภุญฺเชยฺย ทฺวีหิ กมฺมํ ปโยชเย
จตุตฺถญฺจ นิธาเปยฺย อาปทาสุ ภวิสฺสติ.
บุคคลพึงใช้ทรัพย์ส่วนหนึ่งกินอยู่ ใช้ทรัพย์ ๒
ส่วนประกอบการงาน ส่วนที่ ๔ พึงเก็บไว้ เผื่อ
คราวอันตราย ดังนี้.
แล้วไหว้ด้วยคิดว่า เป็นอาจารย์ของเรา ดังนี้ สรณะย่อมไม่เป็นอันผู้นั้น
รับเหมือนกัน. แต่ผู้ใดไหว้ด้วยคิดว่า ผู้นี้เป็นอัครทักขิเณยยบุคคลในโลก
สรณะย่อมเป็นอันผู้นั้นรับแล้วทีเดียว. ผู้ที่รับสรณะอย่างนี้แล้ว เป็น
อุบาสกก็ตาม เป็นอุบาสิกาก็ตาม ไหว้ญาติแม้บวชในพวกอัญญเดียรถีย์
