สติปัฏฐาน ๓ สัมมัปปธาน ๓ อิทธิบาท ๓ อินทรีย์ ๖ พละ. สัม-
โพชฌงค์ ๘ มรรคมีองค์ ๙ พระตถาคต มิได้ทรงภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้.
เมื่อว่าโดยปริยายพระวินัย คำนี้ว่า ปาราชิก ๔ สังฆาฑิเสส ๑๓
อนิยต ๒ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐ พระตถาคต ทรงภาษิตไว้ ตรัสไว้.
คำนี้ว่า ปาราชิก ๓ สังฆาฑิเสส ๑๔ อนิยต ๓ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๑
พระตถาคตมิได้ทรงภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้.
เมื่อว่าโดยปริยายแห่งพระสูตร กิจนี้คือ การเข้าผลสมาบัติ
การเข้ามหากรุณาสมาบัติ ทรงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ทรงแสดง
พระสูตรเนื่องด้วยเหตุที่เกิดเรื่องขึ้น การตรัสชาดก ทุกวัน ๆ พระ
ตถาคตเคยประพฤติมา. กิจนี้คือ การไม่เข้าผลสมาบัติ ฯลฯ การ
ไม่ตรัสชาดก ทุกวัน ๆ พระตถาคตไม่เคยประพฤติมา. เมื่อว่า
โดยปริยายแห่งพระวินัย กิจนี้คือ เมื่อถูกนิมนต์ อยู่จำพรรษาแล้ว
ต้องบอกลาจึงหลีกไปสู่ที่จาริก ปวารณาแล้วจึงหลีกไปสู่ที่จาริก
การกระทำปฏิสันถารก่อนกับด้วยภิกษุผู้อาคันตุกะ พระตถาคตเจ้า
เคยประพฤติมา. การไม่กระทำกิจที่พระตถาคตเคยประพฤติมานั้น
นั่นแล ชื่อว่า ไม่เคยประพฤติแล้ว.
เมื่อว่าโดยปริยายแห่งพระสูตร สติปัฏฐาน ๔ อริยมรรคมีองค์
๘ นี้ชื่อว่า พระตถาคตทรงบัญญัติ. สติปัฏฐาน ๓ มรรคมีองค์
นี้ชื่อว่า ตถาคตไม่ทรงบัญญัติไว้. เมื่อว่าโดยปริยายแห่งพระวินัย
ปาราชิก ๔ นิสสัคคียปาจิตตีย์ ๓๐ นี้ชื่อว่า ตถาคตทรงบัญญัติ.
ปาราชิก ๓ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๑ นี้ชื่อว่า ตถาคตไม่ทรงบัญญัติไว้.