สุดท้ายอยู่ แล้วกล่าวว่า เจ้าจะต้องฆ่าคนให้ได้พันคน ในเรื่องนี้
เจ้าจะเป็นผู้เดียวลุกขึ้น ฆ่าเขาให้ได้ครบพัน. ทีนั้นอาจารย์จึงกล่าว
กะอหิงสกกุมารว่า มาเถอะพ่อ เจ้าจงฆ่าให้ได้พันคน เมื่อทำได้เช่นนี้ ก็จัก
เป็นอันกระทำอุปจาระแก่ศิลปะ การบูชาครู ดังนี้ . อหิงสกกุมารจึงกล่าวว่า
ข้าแต่ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าเกิดในตระกูลที่ไม่เบียดเบียน ข้าพเจ้าไม่อาจทำเช่น
นั้น. ศิลปะที่ไม่ได้ค่าบูชาครูก็จะไม่ให้ผลนะพ่อ. อหิงสกกุมารนั้นจึงถือ
อาวุธ ๕ ประการ ไหว้อาจารย์เข้าสู่ดงยืน ณ ที่คนจะเข้าไปสู่ดงบ้าง ที่ตรง
กลางดงบ้าง ตรงที่ที่คนจะออกจากดงบ้าง ฆ่าคนเสียเป็นอันมาก. ก็ไม่ถือเอา
ผ้าหรือผ้าโพกศีรษะ กระทำเพียงกำหนดว่า ๑,๒, ดังนี้เดินไป แม้การนับก็
กำหนดไม่ได้. แต่โดยธรรมดาอหิงสกกุมารนี้ เป็นคนมีปัญญา แต่จิตใจไม่
ดำรงอยู่ได้ เพราะปาณาติบาต ฉะนั้น จึงกำหนดแม้การนับไม่ได้ตามลำดับ.
เขาตัดนิ้วได้หนึ่ง ๆ ก็เก็บไว้. ในที่ที่เก็บไว้ นิ้วมือก็เสียหายไป. ต่อแต่นั้น
จึงร้อยทำเป็นมาลัยนิ้วมือคล้องคอไว้. ด้วยเหตุนั้นแล เขาจึงปรากฏชื่อว่า
องคุลิมาล. องคุลิมาลนั้นท่องเที่ยวไปยังป่าทั้งสิ้นจนไม่มีใครสามารถไปป่าเพื่อ
หาฟืนเป็นต้น . ในตอนกลางคืนก็เข้ามายังภายใบบ้านเอาเท้าถีบประตู. แต่นั้น
ก็ฆ่าคนที่นอนนั้นแหละกำหนดว่า ๑,๑, เดินไป. บ้านก็ร่นถอยไปตั้งในนิคม.
นิคมก็ร่นถอยไปตั้งอยู่ในเมือง. พวกมนุษย์ทิ้งบ้านเรือนจูงลูกเดินทางมาล้อม
พระนครสาวัตถี เป็นระยะทางถึงสามโยชน์ ตั้งค่ายพักประชุมกันที่ลานหลวง
ต่างคร่ำครวญกล่าวกันว่า ข้าแต่สมมติเทพ ในแว่นแคว้นของพระองค์ มีโจรชื่อ
องคุลิมาลเป็นต้น . ในลำดับนั้น พราหมณ์รู้ว่า โจรองคุลิมาลนั้นจักเป็นบุตร
ของเรา จึงกล่าวกะนางพราหมณีว่า แนะนางผู้เจริญ เกิดโจรชื่อองคุลิมาลขึ้น
แล้ว โจรนั้นไม่ใช่ใครอื่น คืออหิงสกกุมารลูกของเจ้า บัดนี้ พระราชาจักเสด็จ
ออกไปจับเขา เราควรจะทำอย่างไร. นางพราหมณีพูดว่า นายท่านไปเถอะ จง