คือ ในวันรุ่งขึ้น ก็ลุกขึ้นสายกว่า. บทว่า อนตฺตมนํ วาจํ ความว่า แม่บ้าน
นั้นกล่าวว่า เฮ้ยอีคนชาติชั่ว เจ้าไม่รู้จักประมาณของตนเอง สำคัญว่าหนาวจัด
หรือ บัดนี้ เมื่อจักให้นางกาลี ทาสีนั้นสำนึกตน จึงเปล่งเสียงถ้อยคำของคน
ที่โกรธ. บทว่า ปฏิวิสฺสกานํ แปลว่า ผู้อยู่บ้านใกล้เคียง. บทว่า อุชฺฌาเปสิ
คือว่า เที่ยวโพนทะนาให้เขาดูหมิ่น บทว่า จณฺฑี คือ ไม่สงบเสงี่ยมเป็น
คนชั่ว. อธิบายว่า คุณทั้งหลายมีเพียงเท่านี้ด้วยอาการอย่างนี้ แต่โทษเกิดขึ้น
เป็นทวีคูณ มากกว่าคุณนั้น. ธรรมดาว่าคุณทั้งหลายย่อมค่อย ๆ มา. แต่โทษ
นั้นเพียงวันเดียวก็แผ่ขยายไป. บทว่า โสรตโสรโต แปลว่า เป็นคน
สงบเสงี่ยมอย่างยิ่ง. ถึงกับเขากล่าวว่าเป็นพระโสดาบันหรือหนอ พระสกทาคามี
พระอนาคามี พระอรหันต์หรือหนอ. บทว่า ผุสนฺติ ได้แก่ แห่งถ้อยคำที่
ปรากฏมาถูก กระทบ ทีนั้น จึงรู้ได้ว่า ภิกษุนั้นเป็นผู้สงบเสงี่ยม. อีกอย่างหนึ่ง
ภิกษุผู้ตั้งอยู่ในอธิวาสนขันติ พึงทราบว่า เป็นภิกษุผู้สงบเสงี่ยม. บทว่า โย
จีวร ฯ เป ฯ ปริกฺขารเหตุ ความว่า ภิกษุรูปใด เมื่อได้ปัจจัยทั้งหลายมีจีวร
เป็นต้น ที่ประณีต ๆ เหล่านี้ ย่อมทำการนวดเท้านวดหลังเป็นต้น โดยพูด
คำเดียวเท่านั้น. บทว่า อลภมาโน คือว่า เมื่อไม่ได้อย่างที่เคยได้มาก่อน.
บทว่า ธมฺมํเยว สกฺกโรนฺโต คือว่า เมื่อกระทำสักการะ คือการที่กระทำ
ให้ดีต่อธรรมนั้นนั่นแหละ. บทว่า ครุกโรนฺโต คือว่า กระทำเคารพ คือ
ให้เป็นภาระ. บทว่า มาเนนฺโต คือว่า กระทำให้เป็นที่รักด้วยความนอบน้อม.
บทว่า ปูเชนฺโต ได้แก่ บูชาด้วยปัจจัย. บทว่า อปจายมาโน ได้แก่
นอบน้อม แสดงความยำเกรง ถ่อมตน ต่อธรรมนั่นแล.