รู้แค่ว่าพระรับเงินผิดวินัยเฉยๆ แต่ไม่รู้รายละเอียดลงไปว่า เป็นบาป
...ผู้นั้นย่อมยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีด้วยเนื้อเป็นอกัปปิยะ ชื่อว่าย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก ด้วยเหตุประการที่ ๕ นี้ ดูก่อนชีวก ผู้ใดฆ่าสัตว์เจาะจงตถาคตหรือสาวกตถาคต ผู้นั้นย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมากด้วยเหตุ ๕ ประการนี้
เมื่อให้สิ่งของที่เป็นอกัปปิยะเป็นบาป รับสิ่งของที่เป็นอกัปปิยะก็ต้องบาปด้วย เมื่อรับสิ่งของที่เป็นอกัปปิยะเป็นบาป ให้สิ่งของที่เป็นอกัปปิยะก็ต้องเป็นบาปด้วย เพราะประเด็นคือ "อกัปปิยะ" เมื่อเป็นอกัปปิยะ การกระทำใดๆที่เกี่ยวข้องกับอกัปปิยะในทางที่ผิดก็ย่อมผิด เช่น เขาบัญญัติให้ยาบ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เมื่อผิดกฎหมาย ผลิด เสพ ขาย มีไว้ครอบครอง ก็ย่อมผิดหมด ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ย่อมผิด
...ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถาในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุรู้อยู่ไม่พึงฉันเนื้อที่เขาทำจำเพาะ รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฎ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต ปลา เนื้อ ที่บริสุทธิ์โดยส่วนสามคือไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้รังเกียจ...
ฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงปรับอาบัติทุกกฎแก่พระที่ฉันเนื้อที่เป็นอกัปปิยะ ถ้าสิ่งไหนไม่เป็นบาป ตถาคตจะไม่บัญญัติพระวินัย เป็นบาปจึงบัญญัติ เช่นเดียวกันกับเงินทอง เมื่อบัญญัติว่าเป็นอกัปปิยะ เป็นนิสสัคคิยวัตถุ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ และแน่นอน ให้และรับ ก็ย่อมเป็นบาป เหมือนกรณีเนื้อที่เป็นอกัปปิยะ