No Favorites

ธรรมและวินัยจะแยกออกจากกันไม่ได้ ธรรมก็เป็นอกาลิโก วินัยก็เป็นอกาลิโก

พระพุทธเจ้าบัญญัติวินัยก็เพื่อให้รู้ธรรม บัญญัติธรรมก็เพื่อให้รู้วินัย การลบล้างวินัยย่อมมีเพราะการลบล้างธรรม การลบล้างธรรมย่อมมีเพราะการลบล้างวินัย ดังนั้น ธรรมและวินัยจะแยกออกจากกันไม่ได้ ธรรมก็คือวินัย วินัยก็คือธรรม นั้นเอง

...เพราะเหตุดังนี้แล การลบล้างวินัยย่อมมีเพราะการลบล้างธรรม การลบล้างธรรมย่อมมีเพราะการลบล้างวินัย...

ศีลยังไงก็คือศีล มีอยู่ในโลก ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นหรือยังไม่อุบัติขึ้นก็ตาม ศีลไม่ได้มีหลังจากที่พระพุทธเจ้าบัญญัติขึ้น แต่เมื่อพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ดี พระสาวกทั้งหลายก็ดี ย่อมชักชวนมหาชนให้สมาทานในศีลนั้น

...จริงอยู่ ศีลนั้น เมื่อพระพุทธเจ้า อุบัติขึ้นแล้วก็ตาม ยังมิได้อุบัติขึ้นก็ตาม เป็นไปอยู่ในโลก เมื่อพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ดี พระสาวกทั้งหลายก็ดี ย่อมชักชวนมหาชนให้สมาทานในศีลนั้น เมื่อพระพุทธเจ้า ยังมิได้อุบัติขึ้น พระปัจเจกพุทธเจ้า สมณพรหมณ์พวกกรรมวาทีประพฤติชอบธรรม พระเจ้าจักรพรรดิมหาราช และพระมหาโพธิสัตว์ ย่อมชักชวนมหาชนให้สมาทาน (ในศีลนั้น) พวกสมณพราหมณ์ผู้เป็นบัณฑิตก็สมาทาน (ศีลนั้น) แม้ด้วยตนเอง สมณพราหมณ์เป็นต้นเหล่านั้น ครั้นบำเพ็ญกุศลธรรมนั้นให้บริบูรณ์แล้ว ย่อมเสวยสมบัติในหมู่ทวยเทพและในหมู่มนุษย์...

พระพุทธเจ้าจะทรงอุบัติ หรือ ยังไม่อุบัติก็ตาม พุทธะก็ยังมีอยู่ สัจจธรรมก็ยังมีอยู่ พระพุทธเจ้าตรัสรู้บรรลุธรรมนั้น ครั้นตรัสรู้แล้ว ก็เอามาบอก ... ที่พระพุทธเจ้าบางองค์บัญญัติวินัย บางองค์ไม่บัญญัติ ไม่ได้หมายความว่า วินัยจะเป็นกาลิโก (ประกอบด้วยกาล) จะบัญญัติหรือไม่บัญญัติ พระธรรมวินัยก็ยังมีอยู่ (ไม่ได้มีเพราะบัญญัติขึ้น และก็ไม่ใช่ไม่เรียกว่าวินัย เพียงเพราะไม่บัญญัติขึ้น) เพียงแต่ว่าที่บัญญัติขึ้นก็เพราะอยู่ในยุคของคนหยาบ คนไม่มีวินัย (โดยเฉพาะยุคนี้) แต่บางองค์ไม่บัญญัติ ก็เพราะคนในยุคนั้นเป็นเวไนยชน มีวินัยอยู่แล้ว และทรงท้อพระหฤทัยเพื่อจะทรงแสดงธรรมโดยพิสดารแก่สาวกทั้งหลาย พระพุทธเจ้าบัญญัติวินัยใส่คนใส่ยุค วินัยต้องไม่ประกอบด้วยกาล ไม่ใช่ประกอบด้วยกาล

...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปฏิจจสมุปบาท เป็นไฉน ? เพราะชาติเป็นปัจจัยจึงมีชรามรณะ พระตถาคตทรงอุบัติก็ตาม ยังไม่ทรงอุบัติก็ตาม ธาตุนั้นเป็นธรรมฐิติ - ยังตั้งอยู่โดยธรรมดา เป็นธรรมนิยาม - ความแน่นอนอยู่โดยธรรมดา เป็นอิทัป-ปัจจยตา - ความอาศัยกันเกิดขึ้นยังคงมีอยู่ พระตถาคตตรัสรู้บรรลุธรรมนั้น ครั้นตรัสรู้แล้ว บรรลุแล้ว ทรงบอก ทรงแสดง ทรงบัญญัติ ทรงตั้งทรงเปิดเผย ทรงจำแนก ทรงทำให้ง่าย ตรัสว่าพวกเธอจงเห็น ดังนี้...

พระพุทธเจ้าจะทรงบัญญัติวินัยหรือไม่บัญญัติ วินัยก็ยังมีอยู่ ไม่ใช้บัญญัติขึ้นก่อนถึงจะเรียกว่าวินัย ศีลยังไงก็คือศีล เพียงแต่ว่า ถ้าไม่ได้บัญญัติ ไม่เรียกว่าละเมิด แต่ถ้าบัญญัติขึ้นแล้วไปทำจึงเรียกว่าละเมิด อย่างไรก็ตาม แม้ไม่เป็นการละเมิดแต่ก็เรียกว่าไม่มีศีลเป็นอาจิณ

กระทู้เกี่ยวข้อง :  #ศีลยังไงก็คือศีล ไม่ใช่พระพุทธเจ้าบัญญัติขึ้นก่อนถึงจะเรียกว่าศีล  #ไม่สมาทานศีล (ไม่มีศีลโดยปกติ) กับ ทำลายศีลที่สมาทานแล้ว (สมาทานแล้วละเมิด) อันทีสองมีโทษแรงกว่า