ท่านลกุณฏกภัททิยะเกิดมาเตี้ยเพราะไปทำประมาณของพระพุทธเจ้าผู้หาประมาณมิได้ แล้วผู้ที่สร้างรูปปั้น วาดรูปให้หัวโล้นไปเลยก็มี แบบนี้จะมีผลกรรมอย่างไร
...ภ. พราหมณ์ แม้หากว่าท่านเอาไม้ไผ่มาต่อจนเต็มห้องจักรวาลทั้งสิ้นแล้ว ยืนเทียบอยู่ในที่ใกล้ ท่านก็ไม่อาจวัดขนาดของเราได้ เพราะเราบำเพ็ญบารมีมาสิ้นสี่อสงไขยแสนกัป โดยประการที่คนอื่นจะพึงวัดขนาดของเรานั้นหามิได้ พระตถาคตนับคำนวณไม่ได้ ประมาณไม่ได้...
แต่มีเรื่องท่านลกุณฏกภัททิยะเป็นตัวอย่าง ท่านลกุณฏกภัททิยะเคยเป็นหัวหน้าช่าง ไปทำประมาณของพระพุทธเจ้าผู้หาประมาณมิได้ ท่านจึงมี รูปร่างเตี้ย
...ก็ในกาลแห่งพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อมหาชนปรารภจะสร้างพระเจดีย์ ว่าจะสร้างขนาดไหน เมื่อเขากล่าวว่าประมาณ ๗ โยชน์ ก็กล่าวว่าขนาดนั้นใหญ่เกินไป เมื่อใคร ๆ กล่าวว่า ๖ โยชน์ ก็กล่าวว่าแม้ขนาดนั้นก็ใหญ่เกินไป เมื่อใคร ๆ กล่าวว่า ๕ โยชน์ ๔ โยชน์ ๓ โยชน์ ๒ โยชน์ ดังนี้ ในคราวนั้น พระเถระนี้เป็นหัวหน้าช่าง พูดขึ้นว่า มาเถิดท่านผู้เจริญทั้งหลาย ควรจะทำให้ปฏิบัติได้สะดวกในอนาคต ดังนี้แล้ว จึงเอาเชือกวงแล้วหยุดอยู่ในที่สุดคาวุตหนึ่ง จึงกล่าวว่า ค้านหนึ่งๆ ได้คาวุตหนึ่ง ๆ จักเป็นเจดีย์กลมโยชน์หนึ่ง สูงโยชน์หนึ่ง ชนเหล่านั้นก็เชื่อถือถ้อยคำของหัวหน้าช่างนั้น ๆ ได้กระทำขนาดประมาณแห่งพระพุทธเจ้าผู้หาประมาณมิได้ ด้วยประการดังนี้แล ก็ด้วยกรรมนั้น หัวหน้าช่างนั้น จึงเป็นผู้มีขนาดต่ำกว่า อื่น ๆ ในที่ที่เกิดแล้ว ๆ
...ในครั้งพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเริ่มสร้างเจดีย์ พวกช่างปรึกษากันว่า เราจะทำขนาดไหน ขนาด ๗ โยชน์ นี้ใหญ่เกินไปขนาด ๖ โยชน์ แม้นี้ก็ใหญ่เกินไป ขนาด ๕ โยชน์ แม้นี้ก็ใหญ่เกินไปขนาด ๔ โยชน์ ๓ โยชน์ ๒ โยชน์ ดังนี้ ครั้งนั้น ท่านลกุณฏกภัททิยะนี้เป็นหัวหน้าช่าง กล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ในอนาคตควรจะประคับประคองความสุขไว้ ด้วยอาการอย่างนี้ถือเชือกวัดไปยืนในที่สุดคาวุตหนึ่งกล่าวว่า มุขหนึ่ง ๆ คาวุตหนึ่ง จักเป็นพระเจดีย์กลมโยชน์หนึ่ง สูงโยชน์หนึ่ง ช่างเหล่านั้นได้ทำตามคำหัวหน้าช่าง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วันจึงสร้างเจดีย์สำเร็จ ท่านได้ทำประมาณของพระพุทธเจ้าผู้หาประมาณมิได้ด้วยประการฉะนี้ ดังนั้น ด้วยกรรมนั้น ท่านจึงเกิดเป็นคนเตี้ย
แล้วผู้ที่สร้างรูปปั้นให้เป็นต้วแทน ให้เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า ทำให้เป็นรูปลักษณะต่างๆ เช่น ทำให้พระเศียรแหลม หรือบางคนวาดรูปให้หัวโล้นไปเลยก็มี แบบนี้ จะมีผลกรรมอย่างไร
แต่บางคนก็อาจอ้างว่าทำด้วยเจตนาที่ดีไม่เป็นไร แล้วท่านลกุณฏกภัททิยะล่ะ ไม่ทำด้วยเจตนาดีหรือ ยังได้รับผลกรรมเลย