การหลุดพ้นมีได้แค่ครั้งเดียวแล้วไม่กลับมาเกิดอีก พระอรหันต์ก็เป็นได้แค่ครั้งเดียว พระพุทธเจ้าไม่เคยเป็นพระอรหันต์มาก่อน
[๖๘๐] พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า กสิกรย่อมหว่านพืชบ่อย ๆ ฝนย่อมตกบ่อย ๆ ชาวนาย่อมไถนาบ่อย ๆ แว่นแคว้นย่อมบริบูรณ์ด้วยธัญชาติบ่อย ๆ ยาจกย่อมขอบ่อย ๆ ทานบดีก็ให้บ่อย ๆทานบดีให้บ่อย ๆ แล้ว ก็เข้าถึงสวรรค์บ่อย ๆ ผู้ต้องการน้ำนมย่อมรีดนมบ่อย ๆลูกโคย่อมเข้าหาแม่โคบ่อย ๆ บุคคล ย่อมลำบากและดินรนบ่อย ๆ คนเขลาย่อมเข้าถึงครรภ์บ่อยๆ สัตว์ย่อมเกิดและตายบ่อยๆบุคคลทั้งหลายย่อมนำซากศพไปป่าช้าบ่อย ๆ ส่วนผู้มีปัญญาถึงจะเกิดบ่อย ๆ ก็เพื่อได้มรรคแล้วไม่เกิดอีก ดังนี้
อดีตชาติของพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งยังเป็นสุเมธดาบส ถ้าท่านปรารถนาจะหลุดพ้นเป็นพระอรหันต์สาวกก็ทำได้ แต่ไม่ทำ เพราะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า นั้นก็หมายความว่า การหลุดพ้นมีได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
...สุเมธดาบสนั้นนอนบนหลังเปือกตมนั้นแล ลืมตาทั้งสองเห็นพระพุทธสิริของพระทศพลทีปังกรจึงคิดว่า ถ้าเราพึงต้องการ ก็พึงเผากิเลสทั้งปวงหมดแล้วเป็นพระสงฆ์นวกะเข้าไปสู่รัมมกนครได้ แต่เราไม่มีกิจด้วยการเผากิเลสด้วยเพศที่ใครไม่รู้จักแล้วบรรลุนิพพาน ถ้ากระไรเราพึงเป็นดังพระทศพลทีปังกรบรรลุพระอภิสัมโพธิญาณอย่างสูงยิ่งแล้วขึ้นสู่ธรรมนาวา ให้มหาชนข้ามสงสารสาครได้แล้วปรินิพพานภายหลัง ข้อนี้สมควรแก่เรา...
และพระโพธิสัตว์ที่ได้รับคําพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว สร้างมายังไม่เต็ม สี่อสงไขยและแสนกัปบ้าง แปดอสงไขยและแสนกัปบ้าง สิบหกอสงไขยและแสนกัปบ้าง จะหลุดพ้นในระหว่าง ไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นได้ หมดสิทธิ์หักพุทธภูมิ ดังนั้น พระพุทธเจ้าไม่เคยเป็นพระอรหันต์มาก่อน เป็นได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าเป็นอรหันต์ได้หลายครั้งมันจะน่าอัศจรรย์ตรงไหน
บุคคลให้ทานเช่นกับด้วยทานของพระเวสสันดรทุก ๆ วันก็ดี สั่งสมบารมีธรรมมีศีลเป็นต้น อันสมควรแก่ญาณนั้นก็ดี ยังไม่ถึงสี่อสงไขยแสนกัปแล้ว ก็เป็นพระพุทธเจ้าในระหว่าง นั่นไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้ เพราะเหตุไร เพราะญาณยังไม่ตั้งท้อง ยังไม่ถึงความไพบูลย์ ยังไม่ถึงความแก่รอบ เปรียบเหมือนข้อที่ข้าวกล้าจะออกรวงได้...

