ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ประกันบาปได้
- โจรเคราแดงเป็นเพชฌฆาตฆ่าหลายร้อยศพ ฟังพระสารีบุตรแสดงธรรม ได้บรรลุโสดาปัตติมรรค ไม่ต้องไปตกนรก เพราะฆ่าคน อันนี้ก็เรียกว่า ประกันบาป
- สุพรหมเทวบุตร รู้ว่าตนเองตายจากสวรรค์แล้วจะได้ไปนรก กลัว แล้วหาทางแก้ไข ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า บรรลุเป็นโสดาบัน ไม่ได้ไปนรก อันนี้ก็เรียกว่า ประกันบาป
- องคุลิมาลฆ่าคนหลายร้อย พระพุทธเจ้าเสด็จไปเอา ก็ได้รับการแก้ไข ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ต่อมาได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ หนีจากบาปที่ไปฆ่าหลายร้อยคนได้ อันนี้ก็เรียกว่า ประกันบาป
มีแต่ศาสนาพุทธเท่านั้นที่ประกันบาปได้ เพราะพระอริยะมีเฉพาะในพระธรรมวินัยนี้เท่านั้น ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่ประกันบาปได้
...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณะ ที่ ๑ มีในธรรมวินัยนี้เท่านั้น สมณะที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ มีในธรรมวินัยนี้ ลัทธิอื่นว่างจากสมณะทั้ง ๔ เธอทั้งหลายจงบันลือสีหนาทโดยชอบอย่างนี้เถิด...
คำว่า ประกันบาป หมายความว่า ไม่ได้ไปตกนรกเพราะบาปเก่า ไม่ได้ไปตกภพภูมิที่ต่ำ ถ้าเป็นพระอรหันต์ก็หนีจากบาปและบุญไปเลย แต่ไม่ได้หมายความว่า ไปลบล้างบาปเก่า ไปทำให้บาปเก่าหายไป บาปและบุญก็ยังมีอยู่ เพียงแต่หนีจากมันก็เท่านั้น ฉะนั้น ที่พระศาสดาตรัสว่า "ผู้ใดทำกรรมอันเป็นบาปแล้ว ย่อมปิดเสียได้ด้วยกุศล" ก็อันนี้แหละ อาศัยบุญปิดบาป อาศัยบุญเพื่อหนีจากบาปและบุญ จึงเรียกว่า ประกันบาป
...ผู้ใด เมื่อก่อนประมาท ภายหลังผู้นั้นไม่ประมาท เขาย่อมยังโลกนี้ให้สว่างดังพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้นผู้ใดทำกรรมอันเป็นบาปแล้ว ย่อมปิดเสียได้ด้วยกุศล...
พระโลสกะในชาติสุดท้ายได้อดอยาก เพราะบาปเก่าตามส่งผลในชาตินั้นพอดี แต่ไม่ได้หมายความว่า บุญเก่าของท่านจะไม่มี มีเยอะ แต่ไม่ได้ใช้ เพราะบุคคลที่สร้างบารมีมาแสนกัลป์ จะไม่มีบุญสั่งสมไว้มาก เป็นไปไม่ได้
บุญพระพุทธเจ้าก็เยอะ ปัจจุบันนี้ก็ยังมีคนพึ่งบุญพระพุทธเจ้าอยู่เลย ทั้งมุ่งไปในทางบาปและบุญ ไปในทางบาป ก็คือ อ้างศาสนาท่านแล้วประกอบมิจฉาชีพ เพราะถ้าเขาไม่อ้าง เขาจะหาเงินไม่ได้แบบนั้นไง เขาจึงอ้างศาสนาท่าน