No Favorites

ขันธ์ของพระอรหันต์ทำบาปทำบุญก็มี

ขันธ์ของพระอรหันต์ทำกรรมมีอยู่ แต่เป็นเพียงกิริยา ไม่มีวิบาก

...อีกนัยหนึ่ง ทวารกายชื่อว่ากาย แม้ในวาจาและมนะ ก็นัยนี้เหมือนกัน พระขีณาสพ ย่อมไหว้พระเจดีย์ กล่าวธรรม ใส่ใจกัมมัฏฐาน ถามว่า กายกรรมเป็นต้นของพระขีณาสพ ไม่มีอย่างไร ตอบว่า เพราะกรรมนั้นไม่มีวิบาก จริงอยู่กรรมที่พระขีณาสพทำ ไม่เป็นกุศล ไม่เป็นอกุศล ไม่มีวิบาก ตั้งอยู่เพียงเป็นกิริยา ด้วยเหตุนั้น จึงกล่าวว่า กายกรรมเป็นต้นเหล่านั้น ของพระขีณาสพนั้นไม่มี...

กรณีขันธ์ของพระอรหันต์ทำบุญ เช่น พระสารีบุตรให้ทานในสงฆ์แล้วอุทิศบุญให้มารดาที่เป็นเปรต อันนี้เรียกว่า ขันธ์ของพระอรหันต์ทำบุญ ก็เกิดบุญ

...ลำดับนั้น พระเถระ ได้ถวายสิ่งทั้งหมดนั้น แต่ภิกษุสงฆ์มาจากทิศทิ้ง ๔ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานอุทิศแก่นางเปรตนั้น นางเปรตนั้น ได้อนุโมทนาส่วนบุญนั้นแล้วบังเกิดในเทวโลก เป็นผู้พรั่งพร้อมด้วยสิ่งที่น่าปรารถนาทุกอย่าง...

กรณีขันธ์ของพระอรหันต์ทำบาป เช่น ละเมิดพระวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ หรือไม่ได้ละเมิดพระวินัยที่บัญญัติไว้ก็ตาม ไปทำผิดในข้ออื่นๆ ข้อเล็กๆน้อยๆโดยที่ท่านไม่รู้ทั่วถึง (แต่ไม่ใช่เกิดจากอกุศลจิต) อันนี้ก็เรียกว่า ขันธ์ของพระอรหันต์ทำบาป ก็เป็นบาป (หมายเหตุ: ความหมายของคำว่า บาป ไม่ได้หมายความว่าต้องไปตกนรกเท่านั้น บาปเล็กๆน้อยๆที่ส่งผลแก่ขันธ์ก็เรียกว่าบาปเหมือนกัน)

...พระขีณาสพที่ฟังมาน้อย ย่อมไม่ต้องอาบัติที่เป็นโลกวัชชะ ก็จริงอยู่ แต่เพราะไม่ฉลาดในพุทธบัญญัติ ก็ย่อมจะต้องอาบัติในกายทวาร ประเภททำวิหาร ทำกุฏิ ( คลาดเคลื่อนไปจากพุทธบัญญัติ ) อยู่ร่วมเรือน นอนร่วมกัน ( กับอนุปสัมบัน เป็นต้น ) ย่อมต้องอาบัติในวจีทวารประเภทชักสื่อ กล่าวธรรมโดยบท พูดเกินกว่า ๕-๖ คำ บอกอาบัติที่เป็นจริง ( เป็นต้น ) ย่อมต้องอาบัติเพราะรับเงินรับทอง ในทางมโนทวารด้วยอำนาจยินดีเงินทองที่เขาเก็บไว้เพื่อตน...

เพียงแต่ไม่เป็นวิบากสำหรับท่าน เพราะเป็นเพียงแต่กิริยาของขันธ์ คือ ขันธ์ของท่านทำกรรม ไม่ใช่ความเป็นพระอรหันต์ของท่านทำกรรม ไม่ใช่เจโตวิมุตติของท่านทำกรรม ฉะนั้น ขันธ์ของท่านจะได้เสวยผลกรรมในปัจจุบันนี้เท่านั้น

...[๕๘๑] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ เรากล่าวถึงลาภสักการะและความสรรเสริญ ว่าเป็นอันตรายแก่เจโตวิมุตติอันไม่กำเริบของภิกษุขีณาสพนั้นหามิได้ แต่เรากล่าวถึงลาภสักการะและความสรรเสริญว่าเป็นอันตรายแก่ธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน อันภิกษุขีณาสพผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่นั้น บรรลุแล้วกะเธอทั้งหลาย ดูก่อนอานนท์ ลาภสักการะและความสรรเสริญ ทารุณเผ็ดร้อน หยาบคาย...

เมื่อไปคบกับพระอรหันต์ ก็คือคบกับขันธ์ของท่าน ไม่ใช่คบกับเจโตวิมุตติของท่านนะ ฉะนั้น เมื่อขันธ์ของพระอรหันต์ทำผิด จะทำให้ผู้ที่ไปเกี่ยวข้องกับท่านที่ทำไม่ถูกนั้น ได้บาปด้วย คนที่ยังอยู่นั่นแหละจะซวย แต่ท่านไม่เป็นไร เพราะท่านจะไม่เกิดอีก ฉะนั้น ไม่ใช่ว่าเป็นพระอรหันต์แล้วจะไม่ทำผิดอะไรเลย ไม่ใช่ ผู้ที่จะไม่ผิดเลย มีแต่ผู้เดียวเท่านั้น คือ พระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าบัญญัติพระวินัยแก่สาวกเท่านั้น ไม่ได้บัญญัติให้พระองค์ด้วย เพราะท่านไม่ผิด สาวกจะเป็นพระอรหันต์ก่อนหรือหลังบัญญัติพระวินัยก็ตาม ก็ต้องได้ถือตามพระวินัยทั้งนั้น พระอรหันต์ก็ต้องอาบัติ