หลักการให้ 8 ประการของทายก ให้ของสมควร (สิ่งของที่ไม่เป็นอกัปปิยะ เช่น เงินทอง) … เลือกให้ (ผู้มีศีล)
- ให้ของสมควร : คือ ให้สิ่งของที่ไม่ผิดวินัยแก่พระ (สิ่งของที่ไม่เป็นอกัปปิยะ) เช่น เงินทอง...เนื้อสัตว์ที่ฆ่าเพื่อถวายพระ เหล่านี้เป็นต้น ถ้าให้ของที่ไม่สมควร คุณก็เป็นอสัตบุรุษทันที
- เลือกให้ : เลือกให้ผู้ที่มีศีล พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ให้พระทุศีลไม่มีผลมาก
[๑๒๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัปปุริสทาน ๘ ประการนี้ ๘ ประการเป็นไฉน คือ ให้ของสะอาด ๑ ให้ของประณีต ๑ ให้ตามกาล ๑ ให้ของสมควร ๑ เลือกให้ ๑ ให้เนืองนิตย์ ๑ เมื่อให้จิตผ่องใส ๑ ให้แล้วดีใจ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัปปุริสทาน ๘ ประการนี้แล
บทว่า สุจึ ได้แก่ ให้ของที่สะอาดคือที่บริสุทธิ์สดใส บทว่าปณีตํ ได้แก่ สมบูรณ์ดี. บทว่า กาเลน ได้แก่ สมควรแก่การประกอบขวนขวาย บทว่า กปฺปิยํ ได้แก่ ให้แต่ของที่เป็นกัปปิยะ บทว่า วิเจยฺย เทติ ความว่า เลือกปฏิคคาหก หรือทานโดยตั้งใจให้อย่างนี้ว่าทานที่ให้แล้วแก่ผู้นี้ จักมีผลมาก ที่ให้แก่ผู้นี้ไม่มีผลมาก ดังนี้แล้วให้
บางคนอาจคิดว่า เอาเงินถวายพระโดยมีเจตนาที่ดี ให้พระได้เอาไปใช้ในทางที่ควร ไม่เป็นไร อันนี้ไม่ใช่เลย และก็ไม่มีกล่าวไว้ในสัปปุริสทาน 8 ประการด้วย เพราะการอาบัติของพระไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจตนาของทายกเป็นปัจจัย ประเด็นการให้ของทายกต้องดูว่าเป็นของที่สมควรให้หรือไม่ ผิดวินัยหรือไม่ ตามที่ได้กล่าวไว้ในสัปปุริสทาน 8 ประการ ไม่ใช่ไปมโนคิดเอาเอง ว่ามีเจตนาดี อย่างโน้นอย่างนี้
ยกตัวอย่าง เช่น คุณรักลูกคุณในทางที่ผิด ลูกคุณอยากเสพยาก็ไปซื้อให้ เอายาบ้าใหลูกเสพ ถามว่าการให้แบบนี้ผิดหรือไม่? ส่วนพระรับจะอ้างว่าเอาไปใช้ประโยชน์อย่างโน้นอย่างนี้ ผิดทั้งนั้น เพราะเป็น "อกัปปิยะ" และ หน้าที่ของพระคือแสดงธรรมบอกทายกเรื่อง วิธีปฏิบัติในเรื่องเงินและทองที่มีผู้ถวาย ไม่ใช่ไปรับ
ไม่ใช่ว่าการให้ทุกอย่างจะเป็นบุญ เช่น บางคนไปถามพระว่า ฆ่าสัตว์ทำบุญบาปไหม? พระตอบว่า ส่วนที่ฆ่าเป็นบาปในส่วนที่ฆ่า ส่วนที่เอาไปถวายพระก็เป็นบุญในส่วนให้ อันนี้ไม่ใช่นะ ในชีวกสูตร ฆ่าสัตว์ทำบุญได้บาปด้วยเหตุ 5 ประการ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เนื้อนั้นก็เป็นบาปเหมือนกันถ้าเอาไปถวายพระ เพราะเป็น อกัปปิยะ
ดูก่อนชีวก ผู้ใดฆ่าสัตว์เจาะจงตถาคต หรือสาวกตถาคต ผู้นั้นย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก ด้วยเหตุ ๕ ประการ คือ ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา ดังนี้ชื่อว่าย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก ด้วยเหตุประการที่ ๑ นี้ สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา ได้เสวยทุกข์โทมนัส ชื่อว่า ย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก ด้วยเหตุประการที่ ๒ นี้ ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้ ชื่อว่าย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก ด้วยเหตุประการที่ ๓ นี้ สัตว์นั้นเมื่อเขากำลังฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส ชื่อว่าย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก ด้วยเหตุประการที่ ๔ นี้ ผู้นั้นย่อมยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีด้วยเนื้อเป็นอกัปปิยะ ชื่อว่าย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก ด้วยเหตุประการที่ ๕ นี้ ดูก่อนชีวก ผู้ใดฆ่าสัตว์เจาะจงตถาคตหรือสาวกตถาคต ผู้นั้นย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมากด้วยเหตุ ๕ ประการนี้
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ประเด็นอยู่ที่ว่า เป็นอกัปปิยะหรือไม่ เงินทองก็เหมือนกัน เป็นอกัปปิยะ ให้ก็เป็นบาป ไม่ว่าให้ด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม มีองค์ประกอบของความผิดหลายอย่าง เช่น ส่งเสริมพระให้ทำผิดวินัย (เป็นการชักชวนเข้าในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ชั่ว ย่อมประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมาก ) มีส่วนทำให้ศาสนาเสื่อมโทรม ปฏิบัติผิดต่อพระไปนรก