No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 162 (เล่ม 16)

สพฺเพ สตฺตา สงฺขารฏฺฐิติกา
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ดำรงอยู่ด้วยสังขาร
ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรมหนึ่งนี้แล อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้
ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตรัสไว้โดยชอบ
แล้ว พวกเราทั้งหมดด้วยกัน พึงสังคายนา ไม่พึงกล่าวแก่งแย่งกันในธรรม
นั้น การที่พรหมจรรย์นี้จะพึงยั่งยืน ตั้งอยู่นานนั้น พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์
แก่ชนมาก เพื่อความสุขแก่ชนมาก เพื่อความอนุเคราะห์แก่โลก เพื่อ
ประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย.
จบสังคีติหมวด ๑
ว่าด้วยสังคีติหมวด ๒
[๒๒๗] ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรม ๒ อันพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตรัสไว้
โดยชอบแล้วมีอยู่แล พวกเราทั้งหมดด้วยกันพึงสังคายนา ไม่พึงกล่าวแก่ง
แย่งกันในธรรมนั้น ฯลฯ เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย. ธรรม ๒ เป็นไฉน. คือ นาม และ รูป ๑.
อวิชชา และ ภวตัณหา ๑. ภวทิฏฐิ และ วิภวทิฏฐิ ๑. อหิริกะ ความไม่
ละอาย และ อโนตตัปปะ ความไม่เกรงกลัว ๑. หิริ ความละอาย และ
โอตตัปปะ ความเกรงกลัว ๑. โทวจัสสตา ความเป็นผู้ว่ายาก และ
ปาปมิตตตา ความเป็นผู้มีมิตรชั่ว ๑. โสวจัสสตา ความเป็นผู้ว่าง่าย และ
กัลยาณมิตตตา ความเป็นผู้มีมิตรดี ๑. อาปัตติกุสลตา ความเป็นผู้ฉลาด
ในอาบัติ และ อาปัตติวุฏฐานกุสลตา ความเป็นผู้ฉลาดในการออกจาก

162
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 163 (เล่ม 16)

อาบัติ ๑. สมาปัตติกุสลตา ความเป็นผู้ฉลาดในสมาบัติ และ สมาปัตติ-
วุฏฐานกุสลดา ความเป็นผู้ฉลาดในการออกจากสมาบัติ ๑. ธาตุกุสลตา
ความเป็นผู้ฉลาดในธาตุ และ มนสิการกุสลตา ความเป็นผู้ฉลาดใน
มนสิการ ๑. อายตนกุสลตา ความเป็นผู้ฉลาดในอายตนะ และ ปฎิจจ-
สมุปปาทกุสลตา ความเป็นผู้ฉลาดในปฏิจจสมุปบาท ๑. ฐานกุสลตา ความ
เป็นผู้ฉลาดในฐานะ และ อัฏฐานกุสลตา ความเป็นผู้ฉลาดในอัฏฐานะ ๑.
อาชชวะ ความซื่อตรง และ มัททวะ ความอ่อนน้อม ๑. ขันติ ความ
อดทน และ โสรัจจะ ความเสงี่ยม ๑. สาขัลยะ การกล่าววาจาอ่อนหวาน
และ ปฏิสันถาร การต้อนรับ ๑. อวิหิงสา ความไม่เบียดเบียน และ
โสเจยยะ ควานสะอาด ๑. มุฏฐสัจจะ ความเป็นผู้มีสติหลงลืม และ
อสัมปชัญญะ ความเป็นผู้ไม่รู้ตัว ๑. สติ ความระลึกได้ และ สัมปชัญญะ
ความรู้ตัว ๑. อินทริเยสุ อคุตตทวารตา ความเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารใน
อินทรีย์ทั้งหลาย และ โภชเนอมัตตัญญุตา ความเป็นผู้ไม่รู้จักประมาณใน
โภชนะ ๑. อินทริเยสุ อคุตตทวารตา ความเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์
ทั้งหลาย และ โภชเนอมัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะ ๑.
ปฏิสังขานพล กำลังการพิจารณา และ ภาวนาพล กำลังการอบรม ๑.
สติพล กำลังคือสติ และ สมาธิพล กำลังคือสมาธิ ๑. สมถะ และ
วิปัสนา ๑. สมถนิมิต นิมิตที่เกิดเพราะสมถะ และ ปัคคหนิมิต นิมิตที่
เกิดเพราะความเพียร ๑. ปัคคหะ ความเพียร และ อวิกเขปะ ความไม่
ฟุ้งซ่าน ๑. สีลวิบัติ ความวิบัติแห่งศีล และ ทิฏฐิวิบัติ ความวิบัติแห่งทิฐิ ๑.
สีลสัมปทา ความถึงพร้อมแห่งศีล และ ทิฏฐิสัมปทา ความถึงพร้อมแห่ง
ทิฐิ ๑. สีลวิสุทธิ ความหมดจดแห่งศีล และ ทิฏฐิวิสุทธฺ ความหมดจดแห่ง
ทิฐิ ๑. ทิฏฐิวิสุทธิ ความหมดจดแห่งทิฐิ และ ทิฏฐิปธาน ความเพียร

163
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 164 (เล่ม 16)

ของผู้มีทิฐิ ๑. สํเวโค จ สํเวชนีเยสุ ฐาเนสุ ความสลดใจในสถานที่
ควรสลด และ สํวิคฺคสฺส จ โยนิโส ปธานํ ความเพียรโดยแยบคายของผู้
สลดใจ ๑. อสนฺตุฏฺฐิตา จ กุ เลสุ ธมฺเมสุ ความเป็นผู้ไม่สันโดษใน
กุศลธรรมทั้งหลาย และ อปฺปฏิวานิตา จ ปธานสฺมึ ความเป็นผู้ไม่ท้อถอย
ในความเพียร ๑. วิชชา และ วิมุตฺติ ๑. ขยญาณ ความรู้ในความสิ้นไป
และ อนุปฺปาทญาณ ความรู้ในความไม่เกิด ๑. ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย
ธรรม ๒ นี้แล อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตรัสไว้โดยชอบแล้ว พวกเราทั้งหมดด้วยกัน
พึงสังคายนาไม่พึงกล่าวแก่งแย่งกันในธรรมนั้น ฯ ล ฯ เพื่อความสุข แก่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ดังนี้.
จบสังคีติหมวด ๒
ว่าด้วยสังคีติหมวด ๓
[๒๒๘] ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรม ๓ อันพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตรัสไว้
โดยชอบมีอยู่แล พวกเราทั้งหมดด้วยกันพึงสังคายนาในธรรมนั้น ฯลฯ
เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย.
ธรรม ๓ เป็น ไฉน. คือ
อกุศลมูล
๑. โลภะ ความโลภ
๒. โทสะ ความโกรธ

164
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 165 (เล่ม 16)

๓. โมหะ ความหลง
กุศลมูล ๓
๑. อโลภะ ความไม่โลภ
๒. อโทสะ ความไม่โกรธ
๓. อโมหะ ความไม่หลง.
ทุจริต ๓
๑. กายทุจริต ความประพฤติชั่วทางกาย
๒. วจีทุจริต ความประพฤติชั่วทางวาจา
๓. มโนทุจริต ความประพฤติชั่วทางใจ.
สุจริต ๓
๑. กายสุจริต ความประพฤติชอบทางกาย
๒. วจีสุจริต ความประพฤติชอบทางวาจา
๓. มโนสุจริต ความประพฤติชอบทางใจ.
อกุศลวิตก ๓
๑. กามวิตก ความตริในกาม
๒. พยาบาทวิตก ความตริในพยาบาท
๓. วิหิงสาวิตก ความตริในการเบียดเบียน
กุศลวิตก ๓
๑. เนกขัมมวิตก ความตริในทางออกจากกาม
๒. อัพยาบาทวิตก ความตริในทางไม่พยาบาท
๓. อวิหิงสาวิตก ความตริในทางไม่เบียดเบียน.

165
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 166 (เล่ม 16)

อกุศลกังกัปปะ ๓
๑. กามสังกัปปะ ความดำริในกาม
๒. พยาบาทสังกัปปะ ความดำริในพยาบาท
๓. วิหิงสาสังกัปปะ ความดำริในการเบียดเบียน.
กุศลสังกัปปะ ๓
๑. เนกขัมมสังกัปปะ ความดำริในทางออกจากกาม
๒. อัพพยาบาทสังกัปปะ ความดำริในทางไม่พยาบาท
๓. อวิหิงสาสังกัปปะ ความดำริในทางไม่เบียนเบียน.
อกุศลสัญญา ๓
๑. กามสัญญา ความจำได้ในทางกาม
๒. พยาบาทสัญญา ความจำได้ในทางพยาบาท
๓. วิหิงสาสัญญา ความจำได้ในทางเบียดเบียน.
กุศลสัญญา ๓
๑. เนกขัมมสัญญา ความจำได้ในทางออกกาม
๒. อัพพาบาทสัญญา ความจำได้ในทางไม่พยาบาท
๓. อวิหิงสาสัญญา ความจำได้ในทางไม่เบียนเบียน.
อกุศลธาตุ ๓
๑. กามธาตุ ธาตุคือกาม
๒. พยาบาทธาตุ ธาตุคือความพยาบาท
๓. วิหิงสาธาตุ ธาตุคือความเบียดเบียน.

166
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 167 (เล่ม 16)

กุศลธาตุ ๓
๑. เนกขัมมธาตุ ธาตุคือความออกจากกาม
๒. อัพพาบาทธาตุ ธาตุคือความไม่พยาบาท
๓. อวิหิงสาธาตุ ธาตุคือความไม่เบียดเบียน
ธาตุอีก ๓
๑. กามธาตุ ธาตุคือกาม
๒. รูปธาตุ ธาตุคือรูป
๓. อรูปธาตุ ธาตุคืออรูป
ธาตุอีก ๓
๑. รูปธาตุ ธาตุคือรูป
๒. อรูปธาตุ ธาตุคืออรูป
๓. นิโรธธาตุ ธาตุคือความดับทุกข์
ธาตุอีก ๓
๑. หีนธาตุ ธาตุอย่างเลว
๒. มัชฌิมธาตุ ธาตุอย่างกลาง
๓. ปณีตธาตุ ธาตุอย่างประณีต.
ตัณหา ๓
๑. กามตัณหา ตัณหาในกาม
๒. ภวตัณหา ตัณหาในภพ
๓. วิภวตัณหา ตัณหาในวิภพ.

167
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 168 (เล่ม 16)

ตัณหาอีก ๓
๑. กามตัณหา ตัณหาในกาม
๒. รูปตัณหา ตัณหาในรูป
๓. อรูปตัณหา ตัณหาในอรูป.
ตัณหาอีก ๓
๑. รูปตัณหา ตัณหาในรูป
๒. อรูปตัณหา ตัณหาในอรูป
๓. นิโรธตัณหา ตัณหาในความดับ.
สังโยชน์ ๓
๑. สักกายทิฏฺฐิ ความเห็นเป็นเหตุถือตัวถือตน
๒. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย
๓. สีลัพพตปรามาส ความเชื่อถือด้วยอำนาจศีลพรต.
อาสวะ ๓
๑. กามาสวะ อาสวะเป็นเหตุอยากได้
๒. ภวาสวะ อาสวะเป็นเหตุอยากเป็น
๓. อวิชชาสวะ อาสวะคือความไม่รู้.
ภพ ๓
๑. กามภพ ภพที่เป็นกามาวจร
๒. รูปภพ ภพที่เป็นรูปาวจร
๓. อรูปภพ ภพที่เป็นอรูปาวจร.

168
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 169 (เล่ม 16)

เอสนา ๓
๑. กาเมสนา การแสวงหากาม
๒. ภเวสนา การแสวงหาภพ
๓. พรหมจริเยสนา การแสวงหาพรหมจรรย์.
วิธามานะ ๓
๑. เสยฺโยหมสฺสีติ วิธา ถือว่าเราดีกว่าเขา
๒. สทิโสหมสฺมีติ วิธา ถือว่าเราเสมอเขา
๓. หีโนหมสฺมีติ วิธา ถือว่าเราเลวกว่าเขา.
อัทธา ๓
๑. อตีตอัทธา อดีตกาล
๒. อนาคตอัทธา อนาคตกาล
๓. ปัจจุบันนอัทธา ปัจจุบันกาล.
อันตะ ๓
๑. สักกายอันตะ ส่วนที่ถือว่าเป็นกายตน
๒. สักกายสมุทยอันตะ ส่วนที่ถือว่าเป็นเหตุก่อให้เกิดกายตน
๓. สักกายนิโรธอันตะ ส่วนที่ถือว่าเป็นเครื่องดับกายตน.
เวทนา ๓
๑. สุขเวทนา ความเสวยอารมณ์ที่เป็นสุข
๒. ทุกขเวทนา ความเสวยอารมณ์ที่เป็นทุกข์
๓. อทุกขมสุขเวทนา ความเสวยอารมณ์ที่ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุข.

169
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 170 (เล่ม 16)

ทุกขตา ๓
๑. ทุกขทุกขตา ความเป็นทุกข์เพราะทนได้ยาก
๒. สังขารทุกขตา ความเป็นทุกข์เพราะการปรุงแต่ง
๓. วิปริณามทุกขตา ความเป็นทุกข์เพราะความแปรปรวน.
ราสี ๓
๑. มิจฉัตตนิยตราสี กองคือความผิดที่แน่นอน
๒. สัมมัตตนิยตราสี กองคือความถูกที่แน่นอน
๓. อนิยตราสี กองคือความไม่แน่นอน.
กังขา ๓
๑. ปรารภอดีตกาลแล้ว สงสัย เคลือบแคลง ไม่ปักใจเชื่อ ไม่เลื่อมใส
๒. ปรารภอนาคตกาลแล้ว สงสัย เคลือบแคลง ไม่ปักใจเชื่อ ไม่เลื่อมใส
๓. ปรารภปัจจุบันกาลแล้ว สงสัย เคลือบแคลง ไม่ปักใจเชื่อ ไม่เลื่อมใส
ข้อที่ไม่ต้องรักษาพระตถาคต ๓ อย่าง
๑. พระตถาคตมีกายสมาจาร บริสุทธิ์ พระตถาคตมิได้มีความ
ประพฤติชั่วทางกายที่พระองค์จะต้องรักษาไว้โดยตั้งพระทัยว่า คนอื่น ๆ
อย่าได้รู้ถึงความประพฤติชั่วทางกายของเรานี้
๒. พระตถาคตมีวจีสมาจารบริสุทธิ์ พระตถาคตมิได้มีความ
ประพฤติชั่วทางวาจาที่พระองค์จะต้องรักษาไว้โดยตั้งพระทัยว่า คนอื่น ๆ
อย่าได้รู้ถึงความชั่วทางวาจาของเรานี้

170
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ – หน้าที่ 171 (เล่ม 16)

๓. พระตถาคตมีมโนสมาจารบริสุทธิ์ พระตถาคตมิได้มีความ
ประพฤติชั่วทางใจ ที่พระองค์จะต้องรักษาไว้โดยตั้งพระทัยว่า คนอื่น ๆ
อย่าได้รู้ถึงความประพฤติชั่วทางใจของเรานี้.
กิญจนะ ๓
๑. ราคกิญจนะ เครื่องกังวล คือราคะ
๒. โทสกิญจนะ เครื่องกังวล คือโทสะ
๓. โมหกิญจนะ เครื่องกังวล คือโมหะ.
อัคคี ๓
๑. ราคัคคิ ไฟคือราคะ
๒. โทสัคคิ ไฟคือโทสะ
๓. โมหัคคิ ไฟคือโมหะ
อัคคีอีก ๓
๑. อาหุเนยยัคคิ ไฟคืออาหุเนยยบุคคล
๒. ทักขิเณยยัคคิ ไฟคือทักขิเณยยบุคคล
๓. คหปตัคคิ ไฟคือคฤหบดี.
รูปสังคหะ ๓
๑. สนิทัสสนสัปปฏิฆรูป รูปที่เห็นได้และกระทบได้
๒. อนิทัสสนสัปปฏิฆรูป รูปที่เห็นไม่ได้ แต่กระทบได้
๓. อนิทัสสนอัปปฏิฆรูป รูปที่เห็นไม่ได้ ทั้งกระทบไม่ได้.
สังขาร ๓
๑. ปัญญาภิสังขาร อภิสังขาร คือ บุญ
๒. อปุญญาภิสังขาร อภิสังขาร คือ บาป
๓. อเนญชาภิสังขาร อภิสังขาร คือ อเนญชา.

171