ท่านประสงค์เอาพญาสีหเกสรราช. บทว่า มิครญฺโญ ได้แก่ ผู้เป็น
ราชา แห่งสัตว์สี่เท้าทุกชนิด. บทว่า อาสยํ ได้แก่สถานที่อยู่. บท
ว่า สีหนาทํ คือ บันลือแบบไม่กลัว. บทว่า โคจราย ปกฺกเมยฺยํ
ความว่า พึงเที่ยวไปเพื่อหาอาหาร. คำว่า วรํ วรํ ได้แก่ ฝูงเนื้อ
ตัวล่ำสัน ชั้นยอดเยี่ยม. บทว่า มุทุมํสานิ ได้แก่ เนื้อที่อ่อน
นุ่ม. บาลีว่า มธุมํสานิ ก็มี. อธิบายว่า เนื้อที่มีรสอร่อย. บทว่า
อชฺฌุเปยฺยํ ได้แก่ พึงเข้าไป. บทว่า สีหนาทํ นทิตฺวา ความ
ว่า บันลือแล้วด้วยความการุณย์ ซึ่งอาศัยความเป็นผู้กล้าของตนว่า
สัตว์เหล่าใดมีกำลังน้อย สัตว์เหล่านั้นจงหนีไป. บทว่า วิฆาสสํวฑฺโฒ
ความว่า อ้วนท้วนด้วยเนื้อที่เป็นที่เป็นเดน คือ กินเนื้อที่เป็นแดนที่
เหลือจากสัตว์อื่นกินแล้ว เติบโตขึ้น. บทว่า ทิตฺโต คืออ้วนท้วน คือ
มีร่างกายอ้วน. บทว่า พลวา คือสมบูรณ์ด้วยกำลัง. บทว่า เอตทโหสิ
ได้แก่ ได้มีแล้วเพราะเหตุไร. เพราะโทษแห่งอัสมิมานะ. ในข้อนั้นมี
อนุปุพพิกถาดังต่อไปนี้.
ได้ยินว่า วันหนึ่ง พญาสีหราชนั้น กลับจากที่แสวงหาอาหาร
ได้เห็นสุนัขจิ้งจอกนั้น กำลังหนีไปเพราะความกลัว เกิดความการุณย์
จึงพูดว่า สหายรัก อย่างกลัวเลย หยุดก่อน ท่านชื่ออะไร. สุนัขจิ้งจอก
ตอบว่า เราชื่อ ชมพุกะ นาย. พญาราชสีห์จึงพูดว่า ชัมพุกะ ผู้มีวัย
เสมอกัน ตั้งแต่นี้ไปท่านสามารถอุปัฏฐากเราได้หรือ. สุนัขจิ้งจอกตอบ
ว่า เราจักอุปัฏฐากท่าน. ตั้งแต่นั้นมา สุนัขจิ้งจอกนั้น ก็อุปัฏฐาก
(พญาราชสีห์). พญาราชสีห์เมื่อกลับจากที่แสวงอาหาร ก็นำเนื้อ
ชิ้นใหญ่มาให้. สุนัขจิ้งจอกนั้นเคี้ยวกินเนื้อชิ้นใหญ่นั้นแล้วก็อยู่บนแผ่น
หินในที่ไม่ไกล. พอเวลาล่วงไปสองสามวันเท่านั้น สุนัขจิ้งจอกนั้นก็
อ้วนท้วน มีลำคอใหญ่. ครั้งนั้น พญาราชสีห์นั้นได้กล่าวกับสุนัขจิ้งจอก
นั้นว่า เฮ้ย ชัมพุกะ ท่านจักสามารถพูดว่า ในเวลาที่เราบิดกาย