สำคัญเวลาอันสมควรเถิด. ครั้งนั้นแล มหาโควินทพราหมณ์เข้าไปหาภริยา
๔๐ นาง ผู้เสมอกันแล้วก็ได้กล่าวคำนี้กะภรรยาทั้ง ๔๐ นางผู้เสมอกัน ว่า แนะ
นางผู้เจริญ เกียรติศัพท์อันงามอย่างนี้ ของฉันแล ฟุ้งขจรไปแล้วว่า มหา-
โควินทพราหมณ์ อาจเห็นพรหมก็ได้ อาจจะสากัจฉา จะสนทนา จะปรึกษา
กับพรหมก็ได้ ฉันเองเห็นพรหมไม่ได้เลย จะสากัจฉากับพรหมก็ไม่ได้ จะ
สนทนากับพรหมก็ไม่ได้ จะปรึกษากับพรหมก็ไม่ได้ แต่ฉันได้ฟังคำนี้ของ
พวกพราหมณ์ผู้เฒ่า เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นอาจารย์ของอาจารย์ พูดกันอยู่ว่า
ผู้ใดหลีกเร้นอยู่ ๔ เดือน ในฤดูฝน เพ่งกรุณาฌานอยู่ ผู้นั้นจะเห็นพรหมก็
ได้ จะสากัจฉา จะสนทนา จะปรึกษากับพรหมก็ได้ เพราะเหตุนั้น ฉัน
อยากหลีกเร้น ๔ เดือนในฤดูฝน จะเพ่งกรุณาฌาน ใคร ๆ ไม่พึงเข้าไปหา
ยกเว้นแต่คนส่งอาหารคนเดียว. พวกนางตอบว่า บัดนี้ ท่านโควินท์ผู้เจริญ
ย่อมสำคัญเวลาอันสมควร.
ครั้งนั้นแล มหาโควินทพราหมณ์ ให้สร้างสัณฐาคารใหม่ทางทิศ
ตะวันออก แห่งพระนครนั่นเองแล้วก็หลีกเร้น ในฤดูฝนจนครบ ๔ เดือน เพ่ง
กรุณาฌานแล้ว ไม่มีใครเข้าไปหาท่านนอกจากคนส่งอาหารคนเดียว. ครั้ง
นั้นแล โดยล่วงไป ๔ เดือน ความกระสันได้มีแล้วทีเดียว ความหวาดสะดุ้ง
ก็ได้มีแล้วแก่มหาโควินทพราหมณ์ว่า ก็แหละเราได้ฟังคำนี้ของพราหมณ์ผู้เฒ่า
เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นอาจารย์ของอาจารย์ พูดกันอยู่ว่า ผู้ใดหลีกเร้นอยู่ตลอด
๔ เดือนในฤดูฝน เพ่งกรุณาฌานอยู่ ผู้นั้นจะเห็นพรหมได้ จะสากัจฉา จะ
สนทนา จะปรึกษากับพรหมก็ได้ แต่ส่วนเราเห็นพรหมไม่ได้เลย สากัจฉา
กับพรหมก็ไม่ได้ สนทนากับพรหมก็ไม่ได้ ปรึกษากับพรหมก็ไม่ได้