ได้ความหลับ ตรัสบอกพระภิกษุสงฆ์ว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ตั้งแต่นั้นมา
หม่อมฉันไม่ได้หลับเลย. พระภิกษุสงฆ์ทูลว่า ข้าแต่มหาบพิตร ถ้าอย่างนั้น
ขอพระองค์ทรงอธิฐานพระอุโบสถศีลในวันนี้ และพระองค์ทรงอธิษฐานพระ-
อุโบสถศีลแล้ว. พระสงฆ์ไปส่งพระภิกษุผู้บำเพ็ญพระอภิธรรม ๘ รูป ว่า ขอ
ให้ท่านสาธยายจิตตยมก. พระภิกษุเหล่านั้น ไปแล้วทูลว่า ข้าแต่มหาบพิตร
ขอพระองค์ทรงบรรทมหลับ แล้วเริ่มสาธยาย. พระราชาทรงสดับการสาธยาย
อยู่ก็ทรงก้าวไปสู่ความหลับ. พระเถระทั้งหลายคิดว่า อย่าปลุกพระราชา แล้ว
หลีกไป ในวันที่สอง พระราชาทรงตื่นขึ้น เมื่อพระอาทิตย์อุทัย เมื่อไม่ทรง
เห็นพระเถระ. จึงตรัสถามว่า พระผู้เป็นเจ้าไปไหน. ทรงได้รับคำกราบทูลว่า
พระเถระรู้ว่า พระองค์ก้าวสู่ความหลับแล้วไป. พระราชตรัสว่า พระผู้เป็น
เจ้าย่อมรู้. แม้เภสัชคือความหลับ ตราบใด ชื่อว่าเภสัช คือความไม่รู้ของ
เด็กทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่พระผู้เป็นเจ้าของเรา ตราบนั้น.
บทว่า ปญฺจสิโข ความว่า เป็นเช่นกับปัญจสิชคนธรรพ์. ได้ยินว่า
เทวบุตรทั้งหมดได้นิรมิตอัตภาพของเทพบุตร ปัญจสิขคนธรรพ์ เพราะฉะนั้น
แม้พรหมก็ได้นิรมิตอัตภาพเช่นนั้น ปรากฏแล้วเช่นกัน . บทว่า ปลฺลงฺเกน
นิสีทิ ความว่า นั่งขัดสมาธิ.
บทว่า วิสฏฺโฐ ความว่า ละเอียดดีคือไม่กระด้าง. บทว่า วิญฺเญยฺโย
ความว่าให้รู้ประโยชน์. บทว่า มญฺชุ คือ อ่อนหวานกลมกล่อม. บทว่า
สวนิโย คือ ควรฟัง ได้แก่ เสนาะโสต. บทว่า พินฺทุ ความว่า ก้อน
เดียว. บทว่า อวิสารี ความว่า สละสลวย ไม่แตกพร่า. บทว่า คมฺภีโร
ความว่า เกิดลึกตั้งแต่มูลนาภี. ไม่ได้เกิดกระทบเพียงลิ้น ฟัน ริมฝีปาก หรือ
เพดาน. ด้วยว่า เสียงที่เกิดเพียงนี้ จะไม่อ่อนหวาน และไม่ดังไปไกล.
บทว่า นินฺนาที ความว่า กึกก้องเหมือนเสียงคำรามของมหาเมฆ และเสียง