อุบาสก จึงคิดว่า สมควรที่จะสร้างบรรณศาลาถวายพระผู้เป็นเจ้าในที่นี้แล้ว
เลิกการงานของตนขนทัพพสัมภาระ ทำบรรณศาลา ฉาบ โบกฝาด้วยดินเหนียว
ติดประตู ทำพนักนั่ง นั่ง ณ ที่ควรส่วนสุดข้างหนึ่ง ด้วยคิดว่า พระผู้เป็น
เจ้าจักทำการบริโภค หรือไม่หนอ.
พระเถระมาจากภายในบ้าน เข้าไปสู่บรรณศาลา แล้วนั่งที่พนัก.
แม้อุบาสกมาแล้วไหว้นั่ง ณ ที่ใกล้แล้ว ถามว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บรรณ
ศาลาผาสุกไหม. ผาสุก สมควรแก่บรรพชิต. ท่านจักอยู่ที่นี้หรือ. อย่างนั้น
อุบาสก. อุบาสกนั้นรู้แล้วว่า พระเถระจักอยู่โดยอาการรับให้พระเถระทราบว่า
ท่านพึงไปสู่ประตูเรือนของกระผมเป็นนิตย์แล้วเรียนว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญขอ
ท่านจงให้พรอย่างหนึ่ง แก่กระผมเถิด. ดูก่อนอุบาสก บรรพชิตก้าวล่วงแล้ว.
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เป็นพรที่ควรและไม่มีโทษ. อุบาสก จงบอก. ข้าแต่ท่าน
ผู้เจริญ มนุษย์ทั้งหลายในที่เป็นที่อยู่ประจำ ย่อมปรารถนาการมาในมงคล
หรือ อมงคล ย่อมโกรธแก่พระเถระผู้ไม่มา เพราะฉะนั้น ท่านแม้ไปสู่ที่
นิมนต์อื่นแล้ว เข้าไปสู่เรือนของกระผมแล้ว พึงทำภัตกิจ. พระเถระรับแล้ว.
ก็โพธิสัตว์นั้น ปูเสื่อลำแพนในศาลาตั้งเตียงตั่ง วางพนักพิงวางที่
เช็ดเท้า ขุดสระ ทำที่จงกรมเกลี่ยทราย เห็นสัตว์มาทำลายฝา ทำดินเหนียว
ให้ตก ก็ล้อมรั้วหนาม เห็นสัตว์ลงสระทำน้ำให้ขุ่นก็ก่อบันไดภายใน ล้อมรั้ว
หนามภายนอก ปลูกแถวตาลในที่สุดรั้วภายใน เห็นสัตว์ทำสกปรกที่อันลมควร
ในมหาจงกรม ก็ล้อมที่จงกรมด้วยรั้ว ปลูกแถวตาลในที่สุดรั้วภายใน ยังอาวาส
ให้สำเร็จอย่างนี้ ถวายไตรจีวร บิณฑบาต ยา ภาชนบริโภค เหยือกน้ำ
กรรไกร มีดตัดเล็บ เข็ม ไม้เท้า รองเท้า ตุ่มน้ำ ร่ม คบเพลิง ไม้แคะ
มูลหู บาตร ถลกบาตร ผ้ากรองน้ำ ที่กรองน้ำ ก็หรือ สิ่งที่บรรพชิตควร
บริโภคอื่นแด่พระเถระ ชื่อว่า บริขารที่พระโพธิสัตว์ไม่ถวายแก่พระเถระไม่มี.