No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 472 (เล่ม 13)

[หน้าเปล่า]

472
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 473 (เล่ม 13)

๔. มหาสุทัสสนสูตร
เรื่องพระอานนทเถระ
[๑๖๓] ข้าพเจ้าฟังมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง อันเป็นสมัยแห่งการปรินิพพาน พระผู้มีพระภาคเจ้า
ประทับที่ป่าสาละตรงที่แวะพักผ่อน ของพวกเจ้ามัลละ ระหว่างคู่สาละใกล้
กรุงกุสินารา. ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่
ประทับ ถวายอภิวาท พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่งในที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว.
ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า พระพุทธเจ้าข้า ขอ
พระผู้มีพระภาคเจ้าอย่าได้ปรินิพพานในเมืองเล็กเมืองดอน เมืองกิ่งนครนี้
พระพุทธเจ้าข้า นครใหญ่อื่น เช่นเมืองจำปา ราชคฤห์ สาวัตถี สาเกต
โกสัมพี พาราณสี ก็ยังมีอยู่ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงเสด็จไปปรินิพพานใน
เมืองเหล่านั้นเถิด ในเมืองเหล่านั้น กษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล
คหบดีมหาศาล จำนวนมากเลื่อมใสในพระตถาคตเจ้า พวกท่านเหล่านั้นจัก
กระทำการบูชาพระสรีระของพระตถาคตเจ้า.
เรื่องพระเจ้าจักพรรดิมหาสุทัสสนะ
อานนท์ เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ว่า กุสินาราเป็นเมืองเล็กเมืองดอน
เมืองกิ่งนครเลย. อานนท์ เรื่องเคยมีมาแล้ว พระราชาพระนามว่า
มหาสุทัสสนะเป็นกษัตริย์ได้รับมุรธาภิเษก มีอาณาเขตปกครองจรด ๔ มหา-
สมุทร เป็นผู้พิชิต ทรงปกครองบ้านเมืองอย่างมั่นคง. อานนท์ เมืองกุสินารา

473
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 474 (เล่ม 13)

นี้ เป็นราชธานีชื่อกุสาวดีของพระเจ้ามหาสุทัสสนะ. โดยส่วนยาวทางทิศ
ตะวันออก และทิศตะวันตก ๑๒ โยชน์ โดยส่วนกว้างทางทิศเหนือ และ
ทิศใต้ ๗ โยชน์. อานนท์ กุสาวดีราชธานี เป็นเมืองมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ มี
คนมากเกลื่อนกล่นไปด้วยคน และหาอาหารได้ง่าย. อานนท์ ราชธานีชื่อ
อาลกมันทาของพวกเทวดาเป็นเมืองมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์มีชนมาก เกลื่อนกล่น
ไปด้วยหมู่ยักษ์ และหาอาหารได้ง่าย แม้ฉันใด อานนท์ กุสาวดีราชธานี
เป็นเมืองมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ มีคนมาก มีคนพลุกพล่านและอาหารก็หาได้ง่าย
ฉันนั้นนั่นแหละ อานนท์ กุสาวดีราชธานีเป็นราชธานีที่ไม่เงียบจากเสียง ๑๐
อย่าง ทั้งกลางวันและกลางคืน คือเสียงช้าง เสียงม้า เสียงรถ เสียงกลอง
เสียงตะโพน เสียงพิณ เสียงขับร้อง เสียงกังสดาล เสียงประโคม และเสียง
เรียกกันว่า จงกิน จงดื่ม จงเคี้ยว เป็นที่ ๑๐. อานนท์ กุสาวดีราชธานีมี
กำแพงล้อมรอบ ๗ ชั้น กำแพง ๑ สร้างด้วยทองคำ กำแพง ๑๐ สร้างด้วยเงิน
กำแพง ๑ สร้างด้วยไพฑูรย์ กำแพง ๑ สร้างด้วยแก้วผลึก กำแพง ๑
สร้างด้วยแก้วทับทิม กำแพง ๑ สร้างด้วยบุษราคัมและอีกกำแพง ๑ สร้างด้วย
แก้วทุกอย่างมารวมกัน. อานนท์ กุสาวดีราชธานี มีประตู ๔ ชนิด คือ
เป็นประตูทองคำ ๑ ประตูเงิน ๑ ประตูแก้วไพฑูรย์ ๑ ประตูแก้วผลึก ๑ ใน
แต่ละประตูปักเสาระเนียดไว้ ๗ ต้น แต่ละต้นปักลึก ๓ ชั่วคน เหนือพื้นดิน
ขึ้นมาสูง ๑๒ ชั่วคน เสาทองต้น ๑ เสาเงินต้น ๑ เสาแก้วไพฑูรย์ต้น ๑ เสา
แก้วผลึกต้น ๑ เสาแก้วทับทิมต้น ๑ เสาบุษราคัมต้น ๑ และเสาที่เอาแก้วทุก
อย่างมาสร้างรวมกันอีกต้น ๑ อานนท์ กุสาวดีราชธานี มีแถวตาลล้อม ๗ แถว
คือ แถวตาลทอง ๑ แถวเงิน ๑ แถวไพฑูรย์ ๑ แถวแก้วผลึก ๑ แถวแก้ว
ทับทิม ๑ แถวบุษราคัม ๑ แถวที่สำเร็จด้วยแก้วทุกอย่างอีก ๑. แถวตาลทอง
ลำต้นแล้ว ไปด้วยทอง ใบและผลแล้วไปด้วยเงิน แถวตาลเงินลำต้นเป็นเงิน ใบ

474
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 475 (เล่ม 13)

และผลเป็นทอง. แถวตาลแก้วไพฑูรย์ลำต้นเป็นแก้วไพฑูรย์ ใบและผลเป็น
แก้วผลึก. แถวตาลแก้วผลึกลำต้นเป็นแก้วผลึก ใบและผลเป็นแก้วไพฑูรย์.
แถวตาลแก้วทับทิม ลำต้นเป็นบุษราคัม ใบและผลเป็นแก้วทับทิม. แถวตาลที่
เป็นแก้วทุกอย่างปนกัน ลำต้นก็เป็นแก้วทุกอย่าง ใบและผลเป็นแก้วทุก
ชนิด. ก็แลอานนท์ แถวตาลเหล่านั้นที่ถูกลมพัด มีเสียงไพเราะ ยวนใจ
ชวนให้ฟัง และน่าเคลิบเคลิ้ม. อานนท์เสียงแห่งดนตรีที่ประกอบด้วยองค์ห้า
ที่นักดนตรีผู้ฉลาดปรับดีแล้ว ประโคมดีแล้ว บรรเลงดีแล้ว ย่อมเป็นเสียง
ไพเราะ ยวนใจ ชวนให้ฟัง และให้เคลิบเคลิ้ม แม้ฉันใด อานนท์ เสียง
แถวตาลเหล่านั้น ที่ถูกลมพัดก็เป็นเสียงไพเราะ ยวนใจ ชวนให้ฟัง และให้
เคลิบเคลิ้มฉันนั้นนั่นแล. อานนท์ โดยสมัยนั้น พวกนักเลง พวกนักเลง
พวกนักดื่ม แห่งกรุงกุสาวดี ก็คลอเสียงประสาน กับเสียงแถวตาลที่ถูกลมพัด
เหล่านั้น.
กถาว่าด้วยการปรากฏแห่งจักรรัตนะ
[๑๖๔] อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ทรงมีแก้ว ๗ อย่าง และ
ฤทธิ์ ๔ อย่าง. แก้ว ๗ อย่างอะไรบ้าง.
อานนท์ ในแก้ว ๗ ประการนี้ คือ
จักรแก้ว เป็นทิพย์ ประกอบด้วย กำ กง ดุม บริบูรณ์ด้วยอาการ
ทุกอย่าง ปรากฏแก่พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ผู้เสด็จสนานพระเศียร รักษาอุโบสถ
ประทับอยู่บนปราสาทชั้นบนอันประเสริฐ ในวันอุโบสถขึ้น ๑๕ ค่ำนั้น เมื่อ
พระเจ้ามหาสุทัสสนะทอดพระเนตรเห็น ก็ทรงพระดำริว่า ก็แลข้อนี้ เราเคย
ฟังมาว่า พระราชาผู้เป็นกษัตริย์ มุรธาภิเษกองค์ใด สนานพระเศียรแล้วทรง
พระอุโบสถอยู่บนปราสาทอันประเสริฐ ในวันอุโบสถขึ้น ๑๕ ค่ำ นั้น ปรากฏ

475
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 476 (เล่ม 13)

จักรแก้วอันเป็นทิพย์ มีกำกงดุมบริบูรณ์ด้วยรายละเอียดทุกอย่างขึ้นมา พระ-
ราชาองค์นั้น ย่อมเป็นจักรพรรดิ เราเห็นจะต้องเป็นพระเจ้าจักรพรรดิหรือ.
อานนท์ ทีนั้นพระเจ้ามหาสุทัสสนะ เสด็จลุกขึ้นจากที่ประทับทรงผ้าสะไบ-
เฉวียงบ่า และทรงใช้พระหัตถ์ซ้ายจับพระเต้าทอง พระหัตถ์ขวาทรงชูจักรขึ้น
ตรัสว่า โอจักรแก้วจงหมุนไปเถิด โอจักรแก้วจงพิชิตเถิด. อานนท์ ทันใด
นั้นจักรแก้วก็หมุนไปทิศตะวันออก. พระเจ้ามหาสุทัสสนะ พร้อมกับกองทัพ ๔
เหล่าก็ตามติดไป. ก็แหละอานนท์ จักรแก้วไปหยุดในประเทศใด พระเจ้า
มหาสุทัสสนะ พร้อมกับกองทัพ ๔ เหล่า ก็เสด็จเข้าไปพักในประเทศนั้น.
เหล่าพระราชาฝ่ายตรงข้าม (อริราชศัตรู) ทางทิศตะวันออก ก็เข้ามาเฝ้า
พระเจ้ามหาสุทัสสนะ กราบทูลว่า มหาราช เชิญเสด็จพระราชดำเนินมาเถิด
มหาราช ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายการต้อนรับมหาราช ราชสมบัติของหม่อมฉัน
ขอยกถวายแก่พระองค์ มหาราช ขอพระองค์จงพระราชทานพระบรมราโชวาท.
พระเจ้ามหาสุทัสสนะมีพระราชดำรัสอย่างนี้ว่า อย่าฆ่าสัตว์ อย่าลักทรัพย์ อย่า
ประพฤติผิดในกาม อย่ากล่าวเท็จ อย่าดื่มน้ำเมา และจงเสวยสมบัติตามที่เคย
เสวยเถิด. อานนท์ ก็แล เหล่าพระราชาฝ่ายตรงกันข้าม ทางทิศตะวันออก
ได้เป็นบริวารของพระเจ้ามหาสุทัสสนะแล้ว. อานนท์ ครั้งนั้นแล จักรแก้ว
นั้นก็ย่างเข้าสู่ทะเลทิศตะวันออก หมุนไปทางทิศใต้ ย่างเข้าสู่ทะเลทาง
ทิศใต้หมุนไปทางทิศตะวันตก ย่างเข้าสู่ทะเลตะวันตกหมุนไปทางทิศเหนือ.
พระเจ้ามหาสุทัสสนะ พร้อมกับกองทัพ ๔ เหล่าก็เสด็จตามติดไป. ดูก่อน
อานนท์ ก็จักรแก้วหยุดอยู่ในประเทศใด พระเจ้ามหาสุทัสสนะพร้อมด้วย
จตุรงคเสนาก็เสด็จเข้าไปประทับในประเทศนั้น. อานนท์ก็แล เหล่าพระราชา
ฝ่ายตรงข้ามในทิศเหนือก็เสด็จมาเฝ้าพระเจ้ามหาสุทัสสนะ แล้วกราบทูลอย่างนี้
ว่า มหาราช ขอจงเสด็จพระราชดำเนินมาเถิด พระองค์เสด็จมาดีแล้ว

476
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 477 (เล่ม 13)

ราชสมบัติของหม่อมฉันย่อมเป็นของพระองค์ ขอพระองค์จงประทานพระ-
บรมราโชวาท. พระเจ้ามหาสุทัสสนะจึงตรัสอย่างนี้ว่า พวกท่านไม่พึงฆ่าสัตว์
ไม่พึงถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้ ไม่พึงประพฤติผิดในกาม ไม่พึงกล่าวเท็จ
ไม่พึงดื่มน้ำเมา และจงเสวยสมบัติตามที่เคยเสวยเถิด. อานนท์ ก็แลเหล่า
พระราชาฝ่ายตรงข้ามทางทิศเหนือ ต่างยอมเป็นบริวารของพระเจ้ามหาสุทัสสนะ
แล้ว. อานนท์ ครั้งนั้นแล จักรแก้วนั้น ครั้นพิชิตแผ่นดินจรดขอบทะเล
แล้ว ก็กลับมาสู่กรุงกุสาวดีหยุดอยู่กับที่เหมือนถอดเพลาออก ตรงหน้ามุขศาล
ใกล้ประตูพระราชวัง ของพระเจ้ามหาสุทัสสนะ ทำให้พระราชวังของพระเจ้า -
มหาสุทัสสนะ สง่างาม. อานนท์ จักรแก้วเห็นปานนี้ได้ปรากฏแก่พระเจ้า
มหาสุทัสสนะแล้ว.
กถาว่าด้วยการปรากฏของหัตถิรัตนะเป็นต้น
[๑๖๕] อานนท์ ข้ออื่นยังมีอีก ช้างแก้ว ได้ปรากฏแล้วแก่พระเจ้า
มหาสุทัสสนะ เป็นพระยาช้างชื่ออุโบสถขาวปลอด เป็นที่ตั้งแห่งคชลักษณ์
ครบ ๗ ประการ มีฤทธิ์เหาะได้. พระเจ้ามหาสุทัสสนะทอดพระเนตรเห็นช้าง
นั้น ก็ทรงเลื่อมใสตรัสว่า ผู้เจริญ ยานช้างนี้ถ้าพึงฝึกหัดก็จะดี. อานนท์
ทันทีนั้น ช้างแก้วนั้นก็ถึงการฝึกหัดเหมือนช้างแสนรู้ตัวเจริญที่ได้รับการฝึก
อย่างดีมาแล้วสิ้นกาลนานฉะนั้น. อานนท์ เล่ากันมาว่า พระเจ้ามหาสุทัสสนะ
เมื่อจะทรงทดลองช้างแก้วนั้นเอง ตอนเช้า เสด็จขึ้นเลียบไปทั่วแผ่นดินจม
จรดขอบทะเล แล้วเสด็จกลับมาสู่กรุงกุสาวดี เสวยพระกระยาหารเช้า. อานนท์
ช้างแก้วเห็นปานนี้ ปรากฏแก่พระเจ้ามหาสุทัสสนะแล้ว.
[๑๖๖] อานนท์ ยังมีข้ออื่นอีก ม้าแก้วได้ปรากฏขึ้นแก่พระเจ้ามหา
สุทัสสนะ เป็นพญาม้าชื่อวลาหก สีขาวล้วน ศีรษะดำเหมือนกา มีผมเป็นพวง

477
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 478 (เล่ม 13)

เหมือนหญ้าปล้อง มีฤทธิ์เหาะได้. พระเจ้ามหาสุทัสสนะทอดพระเนตรเห็น
ก็ทรงเลื่อมใส ตรัสว่า ผู้เจริญ ยานคือม้าถ้าฝึกหัดได้ ก็จะเป็นยานม้าที่ดี.
ทันใดนั้น อานนท์ ม้าแก้วนั้นก็เข้าถึงการฝึกหัดเหมือนม้าอาชาไนยชั้นดี ได้
รับการฝึกมาเป็นอย่างดีสิ้นกาลนาน. อานนท์ เล่ากันมาว่า พระเจ้ามหา-
สุทัสสนะจะทรงพิสูจน์ม้าแก้วนั้นเอง ตอนเช้าก็เสด็จขึ้นทรงแล้ว ควบไปทั่ว
แผ่นดินจนจรดขอบทะเล แล้วเสด็จกลับกรุงกุสาวดี เสวยพระกระยาหารเช้า.
อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ทรงมีม้าแก้วเห็นปานนี้แล้ว.
[๑๖๗] อานนท์ ข้ออื่นยังมีอีก พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงมีแก้วมณี
เป็นแก้วมณีชนิดไพฑูรย์ ชั้นงาม มีกำเนิด แปดเหลี่ยม เจียระไนอย่างดี
สุกใสแวววาว มีอาการสมบูรณ์ทุกอย่าง. อานนท์ ก็แหละ แก้วมณีนั้นแล
มีรัศมีแผ่ไปตั้งโยชน์หนึ่งโดยรอบ. อานนท์ เคยมีเรื่องเล่าว่า พระเจ้ามหา-
สุทัสสนะ จะทรงทดลองแก้วมณีดวงนั้นเอง ทรงเตรียมกองทัพสี่เหล่าแล้ว
เอาแก้วมณีวางบนยอดธงเสด็จออกไปในกลางคืนที่มืดมิด. อานนท์ ก็แลพวก
ชาวบ้านโดยรอบต่างเข้าใจว่า เป็นกลางวัน จึงพากันประกอบการงานด้วยแสง
นั้น. อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะได้ทรงมีแก้วมณีเห็นปานนี้แล้ว.
[๑๖๘] อานนท์ ยังมีข้ออื่นอีก นางแก้วได้ปรากฏขึ้นแก่พระเจ้า
มหาสุทัสสนะเป็นหญิงมีรูปงาม น่าชม น่าเลื่อมใส ถึงพร้อมด้วยผิวพรรณที่
งดงามอย่างยิ่ง ไม่สูงนัก ไม่เตี้ยนัก ไม่ผอมนัก ไม่อ้วนนัก ไม่ดำนัก ไม่
ชาวนัก ไม่ถึงกับเป็นผิวทิพย์ แต่ก็ล่วงผิวหญิงมนุษย์. อานนท์ ก็แหละ
สัมผัสทางกายของนางแก้วนั้นแล เป็นดังนี้ คือเป็นเหมือนปุยนุ่นหรือปุยฝ้าย.
ก็แลอานนท์ เมื่ออากาศเย็น ตัวนางแก้วนั้นเอง ก็ร้อน เมื่ออากาศร้อน ก็
เย็น. อานนท์ ก็แล กลิ่นจันทร์ฟุ้งจากกาย กลิ่นอุบลฟุ้งจากปากของนาง
แก้วนั้นแหละ. อานนท์ ก็แลนางแก้วนั้นแล ตื่นก่อนนอนหลังพระเจ้ามหา-

478
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 479 (เล่ม 13)

สุทัสสนะเสมอ คอยฟังรับสั่ง ประพฤติชอบพระหฤทัยเพ็ดทูลด้วยคำที่น่ารัก.
อานนท์ ก็แล นางแก้วนั้นเอง แม้แต่ทางใจ ก็ไม่ประพฤตินอกพระหฤทัย
พระเจ้ามหาสุทัสสนะ แล้วทางกายจะพึงมีแต่ไหนเล่า. อานนท์ ก็แล พระเจ้า
มหาสุทัสสนะ ทรงมีนางแก้วเห็นปานนี้แล้ว.
[๑๖๙] อานนท์ ยังมีข้ออื่นอีก คฤหบดีแก้ว ได้ปรากฏแล้วแก่
พระเจ้ามหาสุทัสสนะ เขามีตาทิพย์ที่เกิดแต่ผลกรรมที่เป็นเหตุให้เขาเห็นขุม
ทรัพย์ทั้งที่มีเจ้าของ ทั้งที่หาเจ้าของมิได้. เขาเข้าเฝ้าพระเจ้ามหาสุทัสสนะ
แล้วกราบทูลว่า ขอเดชะ พระองค์ ไม่ต้องทรงเป็นห่วง ข้าพระพุทธเจ้าจัก
กระทำหน้าที่เรื่องพระราชทรัพย์ด้วยทรัพย์แก่พระองค์. อานนท์ มีเรื่องเล่ากัน
มาว่า พระเจ้ามหาสุทัสสนะ จะทรงทดลองคฤหบดีแก้วนั้นแล จึงเสด็จขึ้น
ประทับเรือ หยั่งลงสู่กระแสกลางแม่คงคา มีรับสั่งกับคฤหบดีแก้วอย่างนี้ว่า
คฤหบดี ฉันต้องการเงินทอง.
คฤหบดี. . มหาราชเจ้า ถ้ากระนั้น โปรดเทียบเรือเข้าไปริมตลิ่ง.
พระราชา. . คฤหบดี ตรงนี้แหละ ฉันต้องการเงินทองจริง ๆ.
อานนท์ ทันใดนั้น คฤหบดีแก้วนั้น ก็เอามือทั้งสองข้างจุ่มลงน้ำ
แล้วก็ยกเอาหม้อที่เต็มไปด้วยเงินทอง พลางกราบทูลพระเจ้ามหาสุทัสสนะว่า
มหาราชเจ้า เท่านี้พอหรือยัง ทำเท่านี้หรือ มหาราชเจ้า พระเจ้ามหา-
สุทัสสนะตรัสอย่างนี้ว่า คฤหบดี เท่านี้ก็พอแล้ว ทำเพียงเท่านี้เถิด คฤหบดี
เท่านี้ก็เป็นอันท่านบูชาแล้ว อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ทรงมีคฤหบดีแก้ว
เห็นปานนี้แล้ว.
[๑๗๐] อานนท์ ข้ออื่นยังมีอีก พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงมีปริณายก
แก้ว ซึ่งเป็นบัณฑิต มีความสามารถ เป็นนักปราชญ์ เข้มแข็ง เพื่อจะให้
พระเจ้ามหาสุทัสสนะเสด็จเข้าไปยังที่ที่ควรเข้าไป ให้หลีกไปยังที่ที่ควรหลีก

479
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 480 (เล่ม 13)

ทรงยับยั้งสิ่งที่ควรยับยั้ง เขาเข้าเฝ้าพระเจ้ามหาสุทัสสนะ แล้วกราบทูลอย่าง
นี้ว่า ขอเดชะ ขอพระองค์ ไม่ต้องทรงเป็นห่วง ข้าพระพุทธเจ้าจักปกครอง.
อานนท์ ปริณายกแก้ว เห็นปานนี้ ได้ปรากฏแก่พระเจ้ามหาสุทัสสนะแล้ว.
อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ได้ทรงถึงพร้อมด้วยแก้ว ๗ ประการเหล่านี้.
กถาว่าด้วยฤทธิ ๔
[๑๗๑] อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ทรงมีพระฤทธิ์ ๔ ประการ
๔ ประการ เป็นไฉน.
อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ทรงมีพระรูปงาม น่าชม น่าเลื่อมใส
ทรงมีพระฉวีวรรณผ่องใสยิ่งกว่ามนุษย์เหล่าอื่นในโลกนี้. อานนท์ พระเจ้า
มหาสุทัสสนะได้ทรงมีพระฤทธิ์ นี้เป็นที่หนึ่ง.
[๑๗๒] อานนท์ ข้ออื่นยังมีอีก พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ได้ทรงมี
พระชนมายุยืนนาน ทรงดำรงพระชนม์ยืนนานยิ่งกว่า พวกมนุษย์เหล่าอื่น.
อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะได้ทรงมีพระฤทธิ์ นี้เป็นที่สอง.
[๑๗๓] อานนท์ ข้ออื่นยังมีอีก พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ได้ทรงเป็นผู้
มีอาพาธน้อย มีพระโรคน้อย ทรงมีพระเตโชธาตุอันเกิดแต่กรรมอันมีวิบาก
เสมอกัน ไม่เย็นจัด และไม่ร้อนจัด ยิ่งกว่าพวกมนุษย์เหล่าอื่น. อานนท์
พระเจ้ามหาสุทัสสนะ. ได้ทรงมีพระฤทธิ์ นี้เป็นที่สาม.
[๑๗๔] อานนท์ ข้ออื่นยังมีอีก พระเจ้ามหาสุทัสสนะ. ได้ทรงเป็น
ที่รัก ที่ชอบใจของพวกพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย. อานนท์ พระเจ้ามหา-
สุทัสสนะ ได้ทรงเป็นที่รัก ที่ชอบใจของพราหมณ์ และคฤหบดีทั้งหลาย
เหมือนบิดาเป็นที่รักที่ชอบใจของบุตรทั้งหลายฉะนั้น. อานนท์ ก็พวกพราหณ์
และคฤหบดีได้เป็นที่รักที่โปรดปรานของพระเจ้ามหาสุทัสสนะ. อานนท์
พวกพราหมณ์และคฤหบดี ได้เป็นที่รักที่โปรดปรานแม้ของพระเจ้ามหา-

480
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ – หน้าที่ 481 (เล่ม 13)

สุทัสสนะ เหมือนบุตรเป็นที่รักที่โปรดปรานของบิดานั่นเทียว. อานนท์ เรื่อง
เคยมีแล้ว พระเจ้ามหาสุทัสสนะ เสด็จไปพระราชอุทยานกับกองทัพ ๔
เหล่า. อานนท์ ครั้งนั้นแล พวกพราหมณ์และคฤหบดี เข้าไปเฝ้าพระเจ้า-
มหาสุทัสสนะ พลางกราบทูลอย่างนี้ว่า ขอเดชะ ขอพระองค์อย่าด่วนเสด็จไป
จนกว่าพวกข้าพระองค์ พึงเฝ้าพระองค์ได้นาน ๆ. อานนท์ ฝ่ายพระเจ้ามหา
สุทัสสนะ ก็ตรัสกับสารถีว่า สารถี เธออย่าด่วนขับรถไป จนกว่าเราจะพึงเห็น
พวกพราหมณ์ และคฤหบดีได้นาน ๆ. อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ได้
ทรงมีพระฤทธิ์ นี้เป็นที่ ๔. อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ได้ทรงมีพระฤทธิ์
๔ ประการนี้.
การสร้างสระโบกขรณี
[๑๗๕] อานนท์ ครั้งนั้นแล พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ได้ทรงดำริว่า
ถ้ากระไร เราพึงขุดสระโบกขรณีห่างกันเป็นระยะร้อยชั่วธนู ในระหว่างต้น
ตาลเหล่านี้. อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงให้ขุดสระโบกขรณีห่างกันเป็น
ระยะร้อยชั่วธนู ระหว่างต้นตาลเหล่านั้น. อานนท์ ก็แล สระโบกขรณี
เหล่านั้น ก่อด้วยอิฐ ๔ ชนิด คือ อิฐชนิดหนึ่งเป็นทอง ชนิดหนึ่งเป็นเงิน
ชนิดหนึ่งเป็นแก้วไพฑูรย์ ชนิดหนึ่งเป็นแก้วผลึก. อานนท์ ก็แลบรรดาสระ
เหล่านั้นแต่ละสระได้มีบันไดสระละ ๔ ชนิด คือ บันไดหนึ่งเป็นทอง บันได
หนึ่งเป็นเงิน บันไดหนึ่งเป็นแก้วไพฑูรย์ บันไดหนึ่งเป็นแก้วผลึก. บันได
ทองได้มีเสาทอง ลูกบันไดและพนักเป็นเงิน. บันไดเงินได้มีเสาเงิน ลูกบันได
และพนักเป็นทอง. บันไดแก้วไพฑูรย์มีเสาแก้วไพฑูรย์ ลูกบันไดและพนัก
เป็นแก้วผลึก. บันไดแก้วผลึก เสาก็เป็นแก้วผลึก ลูกบันไดและพนักเป็น
แก้วไพฑูรย์. อานนท์ ก็แลสระโบกขรณีเหล่านั้น มีเวทีสองชั้น แวดล้อม

481