ภูริทัตตะ สมัยเป็นพญานาคชื่อจัมเปยยกะ สมัยเป็นพญานาคชื่อสังขปาละ สมัย
เป็นกระบี่ใหญ่ และในชาดกอื่น ๆ เป็นอันมาก. จะป่วยกล่าวไปใย บัดนี้
พระพุทธเจ้าของพวกเรา ทรงบรรลุลักษณะความเป็นผู้คงที่ในอิฏฐารมณ์และ
อนิฏฐารมณ์ได้มีพระวาทะเรื่องขันติ. การที่พวกเราจะมาประหัตประหารกัน
ในเหตุเรื่องส่วนแบ่งพระสรีระของพระองค์ผู้เป็นบุคคลสูงสุด อย่างเช่นกล่าว
มานี้นั้น ไม่ดีเลย. คำว่า น หิ สาธุยํ ตัดบทว่า น หิ สาธุ อยํ. บทว่า
สรีรภาเค แปลว่า นิมิตแห่งส่วนของพระสรีระ อธิบายว่า เหตุส่วนแห่งพระ-
บรมธาตุ. บทว่า สิย สมฺปหาโร ท่านอธิบายว่า การสัมปหารกันด้วยอาวุธ
ไม่พึงดีเลย. บทว่า สพฺเพว โภนฺโต สหิตา ความว่า ดูก่อนท่านผู้เจริญ
ทั้งหลาย พวกท่านทั้งหมด จงเกื้อกูลกันอย่าแตกกันเลย. บทว่า สมคฺคา
ได้แก่ จงเป็นผู้ประชุมพร้อมกัน พูดคำเดียวกัน สามัคคีกัน ทางกายและทาง
วาจาเถิด. บทว่า สมฺโมทมานา ได้แก่ จงเป็นผู้บรรเทิงต่อกันและกัน แม้
ทางจิตเถิด. บทว่า กโรมฏฺฐ ภาเค ความว่า จงแบ่งพระสรีระของพระ
ผู้มีพระภาคเจ้าเป็นส่วน. บทว่า จกฺขุมโต ได้แก่พระพุทธเจ้าผู้มีจักษุด้วย
จักษุ ๕. โทณพราหมณ์ได้กล่าวเหตุเป็นอันมากให้เข้าใจกันว่า มิใช่พวกท่าน
พวกเดียวที่เลื่อมใส แม้มหาชนก็เลื่อมใส ในชนเหล่านั้น ผู้ชื่อว่า ไม่ควรจะ
ได้ส่วนแบ่งพระสรีระไม่มีแม้แต่คนเดียว.
บทว่า เตสํ สงฺฆานํ คณานํ ปฏิสฺสุณิตฺวา ความว่า เพราะหมู่คณะ
ที่มาประชุมกันจากที่นั้น ๆ เหล่านั้น รับฟัง (ยินยอม) โทณพราหมณ์จึงแบ่ง
พระสรีระของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็น ๘ ส่วน เท่า ๆ กัน. ลำดับความในเรื่อง
นั้น มีดังนี้.
เล่ากันว่า เพราะเจ้าเหล่านั้นยินยอม โทณพราหมณ์จึงสั่งให้เปิดรางทอง.
เจ้าทั้งหลายก็มายืนที่รางทองนั่นแล ต่างแลเห็นพระบรมธาตุทั้งหลายมีวรรณะ