อายุสังขาร. ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้ทรงปลงอายุสังขาร เหมือนเอา
มือทิ้งก้อนดิน. ทรงเกิดจิตคิดว่า จักทรงเข้าสมาบัติไม่ขาดระยะเพียง ๓ เดือน
เท่านั้น ต่อแต่นั้นจักไม่เข้า. ท่านหมายเอาข้อนั้น จึงกล่าวว่า โอสฺสชฺชิ
ปาฐะว่า อุสฺสชฺชิ ดังนี้ก็มี.
บทว่า มหาภูมิจาโล ได้แก่ มหาปฐพีหวั่นไหว. ได้ยินว่าครั้งนั้น
หมื่นโลกธาตุก็หวั่นไหว. บทว่า ภึสนโก ได้แก่เกิดความน่ากลัว. บทว่า
เทวทุนฺทภิโยว ผลึสุ ได้แก่ เหล่ากองทิพย์ก็บันลือลั่น เมฆฝนก็กระหึ่ม
ครึมครางดั่งฤดูแล้ง สายฟ้ามิใช่ฤดูกาลก็แลบแปลบปลาบ. ท่านอธิบายว่า
ฝนตกชั่วขณะ.
ในคำว่า อุทานํ อุทาเนสิ ถามว่า ทรงอุทานเพราะเหตุไร. ตอบว่า
เพราะได้ยินว่า ชื่อว่าใคร ๆ จะพึงพูดว่า พระผู้มีพระภาคเข้า ถูกมารติดตามไป
ข้างหลัง ๆ อ้อนวอนรบกวนว่า โปรดปรินิพพานเถิด พระเจ้าข้า ๆ ทรงปลง
อายุสังขารเพราะกลัว จึงทรงเปล่งพระอุทานที่เปล่งด้วยกำลังปีติ เพื่อแสดง
ความข้อนี้ว่า ชื่อว่าคำอุทานย่อมไม่มีแก่ผู้กลัวว่า ขอมารอย่ามีโอกาสเลย.
ในอุทานนั้น ชื่อว่า ตุละ เพราะชั่งกำหนดโดยภาวะที่ประจักษ์ของสัตว์
มีสุนัขบ้าน สุนัขจิ้งจอกเป็นต้นทั้งหมด. กรรมที่ชั่งได้นั้นเป็นอย่างไร. ได้แก่
กรรมฝ่ายกามาวจร. ชื่อว่า ตุละ เพราะชั่งไม่ได้. หรือ โลกิยกรรมอย่างอื่น
ที่เทียม ที่เหมือนกับกามาวจรกรรมนั้นไม่มี. กรรมที่ชั่งไม่ได้นั้นเป็นอย่างไร.
ได้แก่ กรรมฝ่ายมหัคคตะ. อีกอย่างหนึ่ง กามาวจรกรรม รูปาวจรกรรม
จัดเป็นตุละ อรูปาวจรกรรม จัดเป็นอตุละ. อีกอย่างหนึ่งกรรมที่มีวิบากน้อย
ชื่อว่า ตุละ ที่มีวิบากมาก ชื่อว่า อตุละ. บทว่า สมฺภวํ ได้แก่กรรมที่กระทำ
เป็นก้อน อธิบายว่า กระทำเป็นกองอันเป็นเหตุเกิด. บทว่า ภวสงฺขารํ ได้แก่
กรรมที่แต่งภพใหม่. บทว่า อวสฺสชฺชิ ได้แก่ ปลง. บทว่า มุนี ได้แก่