เฉลยว่า ก็คำนั้น หาควรกล่าวไม่ เพราะเหตุไร ? เพราะไม่มีลำดับ
แห่งเนื้อความ. จริงอยู่ เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า สิกฺขาสาชีว-
สมาปนฺโน ดังนี้ เนื้อความ ย่อมเป็นอันพระองค์ตรัสแล้วตามลำดับ ใน
เมื่อตรัสว่า ตนถึงพร้อมซึ่งสิกขาใด, ไม่บอกลาสิกขานั้น หาใช่โดยประการ
อื่นไม่ เพราะเหตุนั้น คำว่า สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย นี้แล พระผู้มีพระภาคเจ้า
จึงตรัสก่อน
อีกอย่างหนึ่ง พึงทราบเนื้อความในสองบทว่า ไม่บอกลาสิกขา, ไม่
ทำให้แจ้งความเป็นผู้ทุรพล นี้ ตามสมควรแก่ลำดับบ้าง
พึงทราบอย่างไร?
พึงทราบอย่างนี้ ในบทว่า ถึงพร้อมด้วยสิกขาและสาชีพ นี้ ภิกษุ
ถึงพร้อมซึ่งสิกขาใด, ไม่บอกคืนสิกขานั้น และถึงพร้อมซึ่งสาชีพใด, ไม่ทำ
ให้แจ้งความเป็นผู้ทุรพลในสาชีพนั้น.
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงความแปลกกันและความ
ไม่แปลกกันแห่งการบอกลาสิกขา และความทำให้แจ้งความเป็นผู้ทุรพล และ
ลักษณะแห่งการบอกลาสิกขา จึงตรัสคำว่า อตฺถิ ภิกฺขเว เป็นอาทิ. ในคำ
นั้น ๒ บทว่า อตฺถิ ภิกฺขเว เป็นต้น เป็นบทมาติกา. พระผู้มีพระภาคเจ้า
เมื่อจะทรงจำแนกบทมาติกา ๒ นั้น จึงตรัสคำว่า กถญฺจ ภิกฺขเว เป็นต้น.
ในคำว่า กถญฺจ เป็นต้นนั้น มีการพรรณนาบทที่ยังไม่ชัดเจนดังต่อไปนี้ :-
บทว่า กถํ ได้แก่ ด้วยอาการไร ?
บทว่า ทุพฺพลฺยาวิกมฺมญฺจ ได้แก่ ความทำให้แจ้งความเป็นผู้
ทุรพลด้วย.
บทว่า อิธ คือในศาสนานี้.