No Favorites




หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ – หน้าที่ 63 (เล่ม 11)

บัญญัติว่าเบื้องหน้าแต่ความตายอัตตามีสัญญา ด้วยวัตถุ ๑๖ สมณพราหมณ์
เหล่านั้นเว้นผัสสะแล้ว จักรู้สึกได้ นั่นมิใช่ฐานะที่จะมีได้.
(๘๔) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณ-
พราหมณ์เหล่าใด มีวาทะว่า เบื้องหน้าแต่ความตาย อัตตาไม่มีสัญญา
ย่อมบัญญัติว่า เบื้องหน้าแต่ความตาย อัตตาไม่มีสัญญา ด้วยวัตถุ ๘
สมณพราหมณ์เหล่านั้นเว้นผัสสะแล้ว จักรู้สึกได้ นั่นมิใช่ฐานะที่จะมีได้.
(๘๕) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณ-
พราหมณ์เหล่าใด มีวาทะว่า เบื้องหน้าแต่ความตาย อัตตามีสัญญาก็มิใช่
ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ย่อมบัญญัติว่า เบื้องหน้าแต่ความตาย อัตตามีสัญญา
ก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ด้วยวัตถุ ๘ สมณพราหมณ์เหล่านั้นเว้นผัสสะ
แล้ว จักรู้สึกได้ นั่นมิใช่ฐานะที่จะมีได้.
(๘๖) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณ-
พราหมณ์เหล่าใด มีวาทะว่า ขาดสูญ ย่อมบัญญัติความขาดสูญ ความ
พินาศ ความไม่มี ของสัตว์ที่มีอยู่ ด้วยวัตถุ ๗ สมณพราหมณ์เหล่านั้น
เว้นผัสสะแล้ว จักรู้สึกได้ นั่นมิใช่ฐานะที่จะมีได้.
(๘๗) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณ-
พราหมณ์เหล่าใด มีวาทะว่า นิพพานปัจจุบัน ย่อมบัญญัติว่านิพพาน
ปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ที่มีอยู่ ด้วยวัตถุ ๕ สมณพราหมณ์
เหล่านั้นเว้นผัสสะแล้ว จักรู้สึกได้ นั่นมิใช่ฐานะที่จะมีได้.
(๘๘) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณ-
พราหมณ์เหล่าใดกำหนดขันธ์ส่วนอนาคต มีความเห็นตามขันธ์ส่วน
อนาคต ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต กล่าวคำแสดงวาทะหลายชนิด ด้วย

63
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ – หน้าที่ 64 (เล่ม 11)

วัตถุ ๔๔ สมณพราหมณ์เหล่านั้นเว้นผัสสะแล้ว จักรู้สึกได้ นั่นมิใช่
ฐานะที่จะมีได้.
(๘๙) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณ-
พราหมณ์เหล่าใดกำหนดขันธ์ส่วนอดีตก็ดี กำหนดขันธ์ส่วนอนาคตก็ดี
กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคตก็ดี มีความเห็นตามขันธ์ทั้งส่วน
อดีตทั้งส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตส่วนอนาคต กล่าวคำแสดง
วาทะหลายชนิด ด้วยวัตถุ ๖๒ สมณพราหมณ์เหล่านั้นเว้นผัสสะแล้ว
จักรู้สึกได้ นั่นมิใช่ฐานะที่จะมีได้.
(๙๐) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณ-
พราหมณ์เหล่าใด มีวาทะว่าเที่ยง ย่อมบัญญัติอัตตาและโลก ว่าเที่ยง
ด้วยวัตถุ ๔ สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่าง
ไม่เที่ยง . . . สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะว่า โลกมีที่สุดและไม่มีที่สุด . . .
สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะดิ้นได้ไม่ตายตัว . . . สมณพราหมณ์เหล่าใด
มีวาทะว่าโลกเกิดขึ้นลอย ๆ . . . สมณพราหมณ์เหล่าใดกำหนดขันธ์ส่วน
อดีต . . . สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะว่า เบื้องหน้าแต่ความตาย อัตตา
มีสัญญา. . . สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะว่า เบื้องหน้าแต่ความตาย อัตตา
ไม่มีสัญญา . . . สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะว่า เบื้องหน้าแต่ความตาย
อัตตามีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ . . . สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะว่า
ขาดสูญ . . . สมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะว่า นิพพานปัจจุบัน . . . สมณ-
พราหมณ์เหล่าใดกำหนดขันธ์ส่วนอนาคต. . . สมณพราหมณ์เหล่าใด
กำหนดขันธ์ส่วนอดีตก็ดี กำหนดขันธ์ส่วนอนาคตก็ดี กำหนดขันธ์ทั้งส่วน
อดีตทั้งส่วนอนาคตก็ดี มีความเห็นตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต

64
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ – หน้าที่ 65 (เล่ม 11)

ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต กล่าวคำแสดงวาทะหลายชนิด
ด้วยวัตถุ ๖๒ สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมดถูกต้องแล้วถูกต้องเล่า
ด้วยผัสสายตนะทั้ง ๖ ย่อมเสวยเวทนา เพราะเวทนาของสมณพราหมณ์
เหล่านั้นเป็นปัจจัยจึงเกิดตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัยจึงเกิดอุปาทาน
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัยจึงเกิดภพ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงเกิดชาติ เพราะ
ชาติเป็นปัจจัยจึงเกิดชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส
อุปายาส.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดภิกษุรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่ง
ความเกิด ความดับ คุณ โทษ แห่งผัสสายตนะทั้ง ๖ กับทั้ง
อุบายเป็นเครื่องออกไปจากผัสสายตนะเหล่านั้น เมื่อนั้นภิกษุนี้ย่อม
รู้ชัดยิ่งกว่าสมณพราหมณ์เหล่านี้ทั้งหมด.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งกำหนด
ขันธ์ส่วนอดีตก็ดี กำหนดขันธ์ส่วนอนาคตก็ดี กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีต
ทั้งส่วนอนาคตก็ดี มีความเห็นตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต
ปรารภขันธ์ทั่งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต กล่าวคำแสดงวาทะหลายชนิด
สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ถูกทิฏฐิ ๖๒ อย่างเหล่านั้นแหละเป็น
ดุจข่ายคลุมไว้ อาศัยอยู่ในข่ายนี้แหละ เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้ ติดอยู่
ในข่ายนี้ ถูกข่ายคลุมไว้ เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้ เปรียบเหมือนชาว
ประมงหรือลูกมือชาวประมงผู้ฉลาด ใช้แหตาถี่ทอดลงยังหนองน้ำเล็ก ๆ
เขาคิดอย่างนี้ว่า บรรดาสัตว์ใหญ่ ๆ ในหนองนี้ทั้งหมด ถูกแห
คลุมไว้ ติดอยู่ในแห เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในแห ติดอยู่ในแหนี้ ถูกแห
คลุมไว้ เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในแห ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณะ

65
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ – หน้าที่ 66 (เล่ม 11)

หรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ก็ฉันนั้น กำหนดขันธ์ส่วนอดีตก็ดี
กำหนดขันธ์ส่วนอนาคตก็ดี กำหนดขันธ์ทั่งส่วนอดีตทั่งส่วนอนาคตก็ดี
มีความเห็นตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ทั่งส่วนอดีต
ทั้งส่วนอนาคต กล่าวคำแสดงวาทะหลายชนิด สมณะหรือพราหมณ์
เหล่านั้นทั้งหมด ถูกทิฏฐิ ๖๒ อย่างเหล่านี้ แหละเป็นดุจข่ายคลุมไว้ อาศัย
อยู่ในข่ายนี้แหละ เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้ ติดอยู่ในข่ายนี้ ถูกข่ายคลุมไว้
เมื่อผุดก็ผุดอยู่ในข่ายนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพ
ขาดแล้ว ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคต
ชั่วเวลาที่กายของตถาคตดำรงอยู่ ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวง
มะม่วงเมื่อขาดจากขั้วแล้ว ผลใดผลหนึ่งที่ติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป ฉันใด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพชาติแล้ว
ก็เหมือนฉันนั้น ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคต
ชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าดังนี้ว่า น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ไม่เคยมี
พระเจ้าข้า ธรรมบรรยายนี้ชื่ออะไร พระเจ้าข้า. พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสว่า อานนท์ เพราะฉะนั้นแหละ เธอจงทรงจำธรรมบรรยายนี้ว่า
อรรถชาละก็ได้ ว่าธรรมชาละก็ได้ ว่าพรหมชาละก็ได้ ว่าทิฏฐิชาละ
ก็ได้ ว่าพิชัยสงครามอย่างยอดเยี่ยมก็ได้.

66
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ – หน้าที่ 67 (เล่ม 11)

ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพระสูตรนี้จบแล้ว ภิกษุทั้งหลาย
เหล่านั้นต่างมีใจชื่นชม เพลิดเพลินภาษิตของพรพะผู้มีพระภาคเจ้า ก็และ
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่. หมื่นโลกธาตุได้ไหว
แล้วแล.
จบพรหมชาลสูตร ที่ ๑

67
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ – หน้าที่ 68 (เล่ม 11)

สุมังคลวิลาสินี
อรรถกถาทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
แปล
ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระสุคต
ผู้พ้นคติ (๕ คือ นิรยคติ เปตคติ ติรัจฉานคติ
มนุสสคติ เทวคติ) มีพระทัยเยือกเย็นด้วยพระ
กรุณา มีมืดคือโมหะอันดวงประทีปคือปัญญาขจัดแล้ว
ทรงเป็นครูของโลกพร้อมทั้งมนุษย์และเทวดา.
ก็พระพุทธเจ้าทรงอบรม และทรงทำให้แจ้ง ซึ่ง
ความเป็นพระพุทธเจ้า ทรงบรรลุพระธรรมใดที่
ปราศจากมลทิน ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า
ซึ่งพระธรรมนั้นอันยอดเยี่ยม.
ข้าพเจ้าขอนมัสการด้วยเศียรเกล้า ซึ่งพระอริย-
สงฆ์หมู่โอรสของพระสุคตเจ้า ผู้ย่ำยีกองทัพมาร.
บุญอันใดซึ่งสำเร็จด้วยการไหว้พระรัตนตรัย มี
อยู่แก่ข้าพเจ้าผู้มีใจเลื่อมใส ขอข้าพเจ้าจงเป็นผู้มี
อันตราย อันอานุภาพแห่งบุญนั้น จัดราบคาบแล้ว
ด้วยประการดังนี้.
อรรถกถาใดอันพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ สังคายนา
แล้วแต่ต้น และสังคายนาต่อมา เพื่อประกาศเนื้อ

68
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ – หน้าที่ 69 (เล่ม 11)

ความของทีฆนิกาย ซึ่งกำหนดหมายไว้ด้วยสูตร
ขนาดยาว ละเอียดลออ ประเสริฐกว่านิกายอื่น ที่
พระพุทธเจ้า และพระสาวกสังวรรณนาไว้ มีคุณค่า
ในการปลูกฝังศรัทธา แต่ภายหลังพระมหินทเถระ
นำมาเกาะสีหล ต่อมาได้เรียบเรียงด้วยภาษาสีหล
เพื่อประโยชน์แก่ชาวสีหลทั้งหลาย.
ต่อจากนั้น ข้าพเจ้าจึงแปลภาษาสีหลเป็นภาษา
มคธ ถูกต้องตามหลักภาษา ไม่ผิดเพี้ยนอักขรสมัย
ของพระเถระคณะมหาวิหาร ผู้เป็นประทีปแห่งเถร-
วงศ์ ที่วินิจฉัยไว้ละเอียดลออ จะตัดข้อความที่ซ้ำ
ซากออกแล้วประกาศข้อความ เพื่อความชื่นชมยินดี
ของสาธุชน และเพื่อความยั่งยืนของพระธรรม.
ศีลกถา ธุดงคธรรม กรรมฐานทั้งปวง ฌาน-
สมาบัติ พิสดาร ซึ่งประกอบด้วยวิธีปฏิบัติตามจริต
อภิญญาทั้งปวง ข้อวินิจฉัยทั้งปวงด้วยปัญญา ขันธ์
ธาตุ อายตนะ อินทรีย์ อริยสัจ ๔ ปัจจยาการ
เทศนาและวิปัสสนาภาวนา มีนัยบริสุทธิ์ดีและ
ละเอียดลออ ที่ไม่นอกทางพระบาลี ข้อธรรมดังกล่าว
ทั้งหมดนี้ ข้าพเจ้ากล่าวไว้ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคแล้ว
อย่างบริสุทธิ์ดี เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจักไม่วิจารข้อ
ธรรมทั้งหมดนั้นในที่นี้ให้ยิ่งขึ้น. คัมภีร์วิสุทธิมรรค
นี้ตั้งอยู่ท่ามกลางนิกายทั้ง ๔ จักประกาศเนื้อความ

69
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ – หน้าที่ 70 (เล่ม 11)

ตามที่กล่าวไว้ในนิกายทั้ง ๔ เหล่านั้น ข้าพเจ้าแต่งไว้
ด้วยความประสงค์อย่างนี้ เพราะฉะนั้น ขอท่านทั้ง-
หลายจงถือเอาคัมภีร์วิสุทธิมรรคนั้นกับอรรถกถานี้
แล้วเข้าใจเนื้อความที่อาศัยทีฆนิกายเถิด.
นิทานกถา
ในคำว่า ทีฆาคมนิสฺสิตํ นั้น พึงทราบรายละเอียดดังนี้ คัมภีร์
ทีฆนิกาย กล่าวโดยวรรคมี ๓ วรรค คือ สีลขันธวรรค มหาวรรค
ปาฏิกวรรค. กล่าวโดยสูตรมี ๓ สูตร. ในวรรคทั้งหลายเหล่านั้น
สีลขันธวรรคเป็นวรรคต้น. บรรดาสูตรทั้งหลาย พรหมชาลสูตรเป็น
สูตรต้น. คำนิทานมีคำว่า เอวมฺเม สูตํ ดังนี้เป็นต้น ที่ท่านพระอานนท์
กล่าวในคราวทำปฐมมหาสังคายนา เป็นคำเริ่มต้นของพรหมชาลสูตร.
เรื่องสังคายนาใหญ่ครั้งแรก
ชื่อว่าปฐมมหาสังคายนานี้ แม้ได้จัดขึ้นพระบาลีไว้ในวินัยปิฎกแล้ว
ก็จริง ถึงอย่างนั้นก็ควรทราบปฐมมหาสังคายนาแม้ในอรรถกถานี้ เพื่อ
ความเป็นผู้ฉลาดในเหตุที่เป็นมา ดังต่อไปนี้
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์โลก ทรงบำเพ็ญพุทธ-
กิจ เริ่มต้นแต่ทรงแสดงพระธรรมจักรจนถึงโปรดสุภัททปริพาชก แล้ว
เสด็จปรินิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ เวลาใกล้รุ่งวันวิสาขปูรณมี
ระหว่างต้นสาละคู่ในสาลวันอุทยานของมัลลกษัตริย์ ตรงที่เป็นทางโค้ง
ใกล้กรุงกุสินารา ท่านพระมหากัสสปะผู้เป็นสังฆเถระของภิกษุประมาณ
เจ็ดแสนรูปที่ประชุมกันในวันแบ่งพระบรมสารีริกธาตุของพระผู้มีพระภาค
เจ้า มาระลึกถึงคำที่หลวงตาสุภัททะกล่าวเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จ

70
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ – หน้าที่ 71 (เล่ม 11)

ปรินิพพานได้ ๗ วันว่า พอกันทีอาวุโสทั้งหลาย ท่านทั้งหลายอย่าเศร้า
โศกไปเลย อย่าร่ำไรไปเลย เราทั้งหลายพ้นดีแล้วจากพระมหาสมณะนั้น
ด้วยว่าพวกเราถูกท่านจู้จี้บังคับว่า สิ่งนี้ควรแก่เธอทั้งหลาย สิ่งนี้ไม่ควร
แก่เธอทั้งหลาย ดังนี้ แต่บัดนี้พวกเราปรารถนาสิ่งใด จักกระทำสิ่งนั้น
ไม่ปรารถนาสิ่งใด จักไม่กระทำสิ่งนั้น ดังนี้.
ท่านพิจารณาเห็นว่าการประชุมสงฆ์จำนวนมากเช่นนี้ ต่อไปจะหา
ได้ยาก จึงดำริต่อไปว่า พวกภิกษุชั่วจะเข้าใจว่า ปาพจน์มีศาสดาล่วงแล้ว
ได้พวกฝ่ายอลัชชี จะพากันย่ำยีพระสัทธรรมให้อันตรธานต่อกาลไม่นาน
เลย นั้นเป็นยานะที่จะมีได้แน่นอน จริงอยู่ พระธรรมวินัยยังดำรงอยู่
ตราบใด ปาพจน์ก็หาชื่อว่ามีศาสดาล่วงแล้วไม่อยู่ตราบนั้น สมจริงดังที่
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนอานนท์ ธรรมและวินัยใดอันเรา
แสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่เธอทั้งหลาย ธรรมและวินัยนั้นจักเป็นศาสดา
ของเธอทั้งหลาย เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว ดังนี้ อย่ากระนั้นเลย เราพึง
สังคายนาพระธรรมและพระวินัย โดยวิธีที่พระศาสนานี้จะมั่นคงดำรงอยู่
ชั่วกาลนาน.
อนึ่ง ตัวเราอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนกัสสปะ เธอจัก
ห่มได้หรือไม่ซึ่งผ้าป่านบังสุกุลที่ใช้เก่าแล้วของเรา ดังนี้ ทรงอนุเคราะห์
ด้วยสาธารณบริโภคในจีวร และด้วยการสถาปนาไว้เสมอกับพระองค์ใน
ธรรมอันยิ่งของมนุษย์ ต่างโดยอนุปุพพวิหาร ๙ และอภิญญา ๖ เป็นต้น
โดยนัยเป็นต้นอย่างนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราต้องการสงัดจากกาม
ทั้งหลาย สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย เข้าถึงปฐมฌานอยู่เพียงใด ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย แม้กัสสปะต้องการสงัดจากกามทั้งหลาย สงัดจากอกุศล-

71
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ – หน้าที่ 72 (เล่ม 11)

ธรรมทั้งหลาย เข้าถึงปฐมฌานอยู่เพียงนั้น ดังนี้ ยิ่งกว่านั้นยังสรรเสริญ
ด้วยความเป็นผู้มีจิตไม่ติดอยู่ในตระกูล เหมือนสั่นมือในอากาศ และด้วย
ปฏิปทาเปรียบด้วยพระจันทร์ การทรงอนุเคราะห์และการทรงสรรเสริญ
เป็นประหนึ่งหนี้ของเรา กิจอื่นนอกจากการสังคายนาที่จะให้เราพ้นสภาพ
หนี้ จักมีอะไรบ้าง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบซึ่งเรามิใช่หรือว่า
กัสสปะนี้ จักเป็นผู้ประดิษฐานวงศ์พระสัทธรรมของเรา ดังนี้ แล้วทรง
อนุเคราะห์ด้วยความอนุเคราะห์อันไม่ทั่วไปนี้ และทรงสรรเสริญด้วยการ
สรรเสริญอันยอดเยี่ยมนี้ เหมือนพระราชาทรงทราบพระราชโอรส ผู้จะ
ประดิษฐานวงศ์ตระกูลของพระองค์ แล้วทรงอนุเคราะห์ด้วยการมอบ
เกราะและพระอิสริยยศของพระองค์ฉะนั้น ดังนี้ ยังความอุตสาหะให้เกิด
แก่ภิกษุทั้งหลาย เพื่อสังคายนาพระธรรมวินัย. สมดังคำที่พระสังคีติกา-
จารย์กล่าวไว้ในสุภัททกัณฑ์ว่า ครั้งนั้นแล ท่านพระมหากัสสปะแจ้งให้
ภิกษุทั้งหลายทราบว่า ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย สมัยหนึ่ง เราเดินทางไกล
จากเมืองปาวามาสู่เมืองกุสินารา พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ
๕๐๐ รูป ดังนี้ เป็นต้น. สุภัททกัณฑ์ทั้งหมด บัณฑิตควรทราบโดยพิสดาร.
แต่ข้าพเจ้าจักกล่าวเนื้อความของสุภัททกัณฑ์นั้น ในอาคตสถานตอนจบ
มหาปรินิพพานสูตรเท่านั้น.
ต่อจากนั้น ท่านพระมหากัสสปะกล่าวว่า เอาเถิดท่านผู้มีอายุทั้ง-
หลาย เราทั้งหลายจะสังคายนาพระธรรมและพระวินัย ต่อไปเบื้องหน้า
อธรรมรุ่งเรื่อง ธรรมจะร่วงโรย ต่อไปเบื้องหน้า อวินัยรุ่งเรื่อง วินัย
จะร่วงโรย ต่อไปเบื้องหน้า อธรรมวาทีมีกำลัง ธรรมวาทีจะอ่อนกำลัง
ต่อไปเบื้องหน้า อวินัยวาทีมีกำลัง วินัยวาทีจะอ่อนกำลัง. ภิกษุเหล่านั้น

72