No Favorites




หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก ปริวาร เล่ม ๘ – หน้าที่ 455 (เล่ม 10)

บุคคลแม้อื่นอีก ๒ พวก สงฆ์ไม่พึงอุปสมบท คือ ผู้มีวัตถุวิบัติ ๑
ผู้มีการกระทำเสียหาย ๑
บุคคลแม้อื่นอีก ๒ พวก สงฆ์ไม่พึงอุปสมบท คือ ผู้ไม่บริบูรณ์ ๑
ผู้บริบูรณ์ แต่ไม่อุปสมบท ๑
ไม่ควรอาศัยบุคคล ๒ พวกอยู่ คือ ผู้อลัชชี ๑ ผู้พาล ๑
ไม่ควรให้นิสัย แก่บุคคล ๒ พวก คือ ผู้อลัชชี ๑ ผู้ลัชชีแต่ไม่ขอ ๑
ควรให้นิสัย แก่บุคคล ๒ พวก คือ ผู้โง่ ๑ ผู้ลัชชีแต่ขอ ๑
บุคคล ๒ พวก ไม่ควรต้องอาบัติ คือ พระพุทธเจ้า ๑ พระปัจเจก-
พุทธเจ้า ๑
บุคคล ๒ พวก รวมต้องอาบัติ คือ ภิกษุ ๑ ภิกษุณี ๑
บุคคล ๒ พวก ไม่ควรแกล้งต้องอาบัติ คือ ภิกษุชั้นอริยบุคคล ๑
ภิกษุณีชั้นอริยบุคคล ๑
บุคคล ๒ พวก ควรแกล้งต้องอาบัติ คือ ภิกษุปุถุชน ๑ ภิกษุณี
ปุถุชน ๑
บุคคล ๒ พวก ไม่ควรแกล้งประพฤติล่วงวัตถุเป็นไปกับด้วยโทษ
คือ ภิกษุชั้นอริยบุคคล ๑ ภิกษุณีชั้นอริยบุคคล ๑
บุคคล ๒ พวก ควรแกล้งประพฤติล่วงวัตถุเป็นไปกับด้วยโทษ คือ
ภิกษุปุถุชน ๑ ภิกษุณีปุถุชน ๑.
ว่าด้วยคัดค้านเป็นต้น
[๙๔๗] การคัดค้านมี ๒ คือ คัดค้านด้วยกาย ๑ คัดค้านด้วยวาจา ๑
การขับออกจากหมู่มี ๒ คือ มีอยู่ บุคคลยังไม่ถึงการขับออก ถ้าสงฆ์
ขับบุคคลนั้นออก บางคนเป็นอันขับออกดีแล้ว ๑ บางคนเป็นอันขับออกไม่ดี ๑

455
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก ปริวาร เล่ม ๘ – หน้าที่ 456 (เล่ม 10)

การเรียกเข้าหมู่มี ๒ คือ มีอยู่ บุคคลยังไม่ถึงการเรียกเข้าหมู่ ถ้า
สงฆ์เรียกบุคคลนั้นเข้าหมู่ บางคนเป็นอันเรียกเข้าหมู่ดีแล้ว ๑ บางคนเป็นอัน
เรียกเข้าหมู่ไม่ดี ๑
ปฏิญญามี ๒ คือ ปฏิญญาด้วยกาย ๑ ปฏิญญาด้วยวาจา ๑
การรับ มี ๒ คือ รับด้วยกาย ๑ รับด้วยของเนื่องด้วยกาย ๑
การห้ามมี ๒ คือ ห้ามด้วยกาย ๑ ห้ามด้วยวาจา ๑
การลบล้างมี ๒ คือ ลบล้างสิกขา ๑ ลบล้างโภคะ ๑
โจทมี ๒ คือ โจทด้วยกาย ๑ โจทด้วยวาจา ๑.
ว่าด้วยความกังวลเป็นต้น
[๙๔๘] กฐินมีปลิโพธ ๒ คือ ปลิโพธในอาวาส ๑ ปลิโพธในจีวร ๑
กฐินไม่มีปลิโพธ ๒ คือ ไม่มีปลิโพธในอาวาส ๑ ไม่มีปลิโพธในจีวร ๑
จีวรมี ๒ คือ คหบดีจีวร ๑ บังสุกุลจีวร ๑
บาตรมี ๒ คือ บาตรเหล็ก ๑ บาตรดิน ๑
เชิงบาตรมี ๒ คือ เชิงบาตรทำด้วยดีบุก ๑ เชิงบาตรทำด้วยตะกั่ว ๑
อธิษฐานบาตรมี ๒ คือ อธิษฐานด้วยกาย ๑ อธิษฐานด้วยวาจา ๑
อธิษฐานจีวรมี ๒ คือ อธิษฐานด้วยกาย ๑ อธิษฐานด้วยวาจา ๑
วิกัปมี ๒ คือ วิกัปต่อหน้า ๑ วิกัปลับหลัง ๑
วินัยมี ๒ คือ วินัยของภิกษุ ๑ วินัยของภิกษุณี ๑
อรรถที่สำเร็จในวินัยมี ๒ คือ ข้อบัญญัติ ๑ ข้ออนุโลมบัญญัติ ๑
วินัยมีความขัดเกลา ๒ คือ กำจัดสิ่งไม่ควรด้วยอริยมรรค ๑ ความ
ทำพอประมาณในสิ่งที่ควร ๑.

456
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก ปริวาร เล่ม ๘ – หน้าที่ 457 (เล่ม 10)

ว่าด้วยต้องอาบัติด้วยอาการ ๒ อย่างเป็นต้น
[๙๔๙] ภิกษุต้องอาบัติด้วยอาการ ๒ คือ ต้องด้วยกาย ๑ ต้อง
ด้วยวาจา ๑
ภิกษุออกจากอาบัติด้วยอาการ ๒ คือ ออกด้วยกาย ๑ ออกด้วยวาจา ๑
ปริวาสมี ๒ คือ ปฎิจฉันนปริวาส ๑ อัปปฏิจฉันนปริวาส ๑
ปริวาสแม้อย่างอื่นมีอีก ๒ คือ สุทธันตปริวาส ๑ สโมธานปริวาส ๑
มานัตมี ๒ คือ ปฎิจฉันนมานัต ๑ อัปปฏิจฉันนมานัต ๑
มานัตแม้อย่างอื่นมีอีก ๒ คือ ปักขมานัต ๑ สโมธานมานัต ๑
รัตติเฉทของบุคคล ๒ คือ ของปริวาสิกภิกษุ ๑ ของมานัตจาริก-
ภิกษุ ๑.
ว่าด้วยไม่เอื้อเฟื้อเป็นต้น
[๙๕๐] ความไม่เอื้อเฟื้อมี ๒ คือ ไม่เอื้อเฟื้อต่อบุคคล ๑ ไม่
เอื้อเฟื้อต่อธรรม ๑
เกลือมี ๒ ชนิด คือ เกลือเกิดแต่กำเนิด ๑ เกลือแต่น้ำต่าง ๑
เกลือแม้อื่นอีก ๒ ชนิด คือ เกลือทะเล ๑ เกลือดำ ๑
เกลือแม้อื่นอีก ๒ ชนิด คือ เกลือสินเธาว์ ๑ เกลือดินโปร่ง ๑
เกลือเเม้อื่นอีก ๒ ชนิด คือ เกลือโรมกะ ๑ เกลือปักขัลลกะ ๑
บริโภคมี ๒ คือ บริโภคภายใน ๑ บริโภคภายนอก ๑
ด่ามี ๒ คือ ด่าอย่างคนเลว ๑ ด่าอย่างผู้ดี ๑
ส่อเสียดด้วยอาการ ๒ คือ เพื่อทำตนให้เป็นที่รัก ๑ เพื่อมุ่งทำลาย ๑

457
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก ปริวาร เล่ม ๘ – หน้าที่ 458 (เล่ม 10)

ภิกษุร่วมฉันเป็นหมู่ด้วยอาการ ๒ คือ เพราะเขานิมนต์ ๑ เพราะ.
ขอเขา ๑
วัน เข้าพรรษามี ๒ คือ วันเข้าพรรษาต้น ๑ วันเข้าพรรษาหลัง ๑
งดปาติโมกข์ไม่เป็นธรรมมี ๒ งดปาติโมกข์เป็นธรรมมี ๒.
ว่าด้วยบุคคลพาลและบัณฑิต
[๙๕๑] บุคคลพาลมี ๒ คือ ผู้รับภาระที่ยังไม่มาถึง ๑ ผู้ไม่รับภาระ
ที่มาถึงแล้ว ๑
บุคคลบัณฑิตมี ๒ คือ ผู้ไม่รับภาระที่ยังไม่มาถึง ๑ ผู้รับภาระที่มา
ถึงแล้ว ๑
บุคคลพาลแม้อื่นอีก ๒ คือ ผู้สำคัญว่าควรในสิ่งที่ไม่ควร ๑ ผู้สำคัญ
ว่าไม่ควรในสิ่งที่ควร ๑
บุคคลบัณฑิตมี ๒ คือ ผู้สำคัญว่าไม่ควรในสิ่งที่ไม่ควร ๑ ผู้สำคัญ
ว่าควรในสิ่งควร ๑
บุคคลพาลแม้อื่นอีก ๒ คือ ผู้สำคัญในอนาบัติว่าเป็นอาบัติ ๑ ผู้
สำคัญในอาบัติว่าเป็นอนาบัติ ๑
บุคคลบัณฑิตมี ๒ คือ ผู้สำคัญในอาบัติว่าเป็นอาบัติ ๑ ผู้สำคัญ
ในอนาบัติว่าเป็นอนาบัติ ๑
บุคคลพาลแม้อื่นอีก ๒ คือ ผู้สำคัญในอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ ผู้
สำคัญในธรรมว่าเป็นอธรรม ๑

458
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก ปริวาร เล่ม ๘ – หน้าที่ 459 (เล่ม 10)

บุคคลบัณฑิตมี ๒ คือ ผู้สำคัญในอธรรมว่าเป็นอธรรม ๑ ผู้สำคัญ
ในธรรมว่าเป็นธรรม ๑
บุคคลพาลแม้อื่นอีก ๒ คือ ผู้สำคัญในสภาพมิใช่วินัยว่าเป็นวินัย ๑
ผู้สำคัญในวินัยว่าสภาพมิใช่วินัย ๑
บุคคลบัณฑิตมี ๒ คือ ผู้สำคัญในสภาพมิใช่วินัยว่าสภาพมิใช่วินัย ๑
ผู้สำคัญในวินัยว่าวินัย ๑.
ว่าด้วยอาสวะ
[๙๕๒] อาสวะทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคล ๒ พวก คือ ผู้ประพฤติ
รังเกียจสิ่งที่ไม่ควรประพฤติรังเกียจ ๑ ผู้ไม่พระพฤติรังเกียจสิ่งที่ควรประพฤติ
รังเกียจ ๑
อาสวะทั้งหลายย่อมไม่เจริญแก่บุคคล ๒ พวก คือ ผู้ไม่พระพฤติ
รังเกียจสิ่งที่ไม่ควรประพฤติรังเกียจ ๑ ผู้ประพฤติรังเกียจสิ่งที่ควรประพฤติ
รังเกียจ ๑
อาสวะทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลแม้อื่นอีก ๒ พวก คือ ผู้สำคัญใน
สิ่งไม่ควรว่าควร ๑ ผู้สำคัญในสิ่งที่ควรว่าไม่ควร ๑
อาสวะทั้งหลายย่อมไม่เจริญแก่บุคคล ๒ พวก คือ ผู้สำคัญในสิ่ง
ไม่ควรว่าไม่ควร ๑ ผู้สำคัญในสิ่งที่ควรว่าควร ๑
อาสวะทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลแม้อื่นอีก ๒ พวก คือ ผู้สำคัญ
ในอนาบัติว่าเป็นอาบัติ ๑ ผู้สำคัญในอาบัติว่าเป็นอนาบัติ ๑

459
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก ปริวาร เล่ม ๘ – หน้าที่ 460 (เล่ม 10)

อาสวะทั้งหลายย่อมไม่เจริญแก่บุคคล ๒ พวก คือ ผู้สำคัญในอนาบัติ
ว่าเป็นอนาบัติ ๑ ผู้สำคัญในอาบัติว่าเป็นอาบัติ ๑
อาสวะทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลแม้อื่นอีก ๒ พวก คือ ผู้สำคัญ
ในอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ ผู้สำคัญในธรรมว่าเป็นอธรรม ๑
อาสวะทั้งหลายย่อมไม่เจริญแก่บุคคล ๒ พวก คือ ผู้สำคัญในอธรรม
ว่าเป็นอธรรม ๑ ผู้สำคัญในธรรมว่าเป็นธรรม ๑
อาสวะทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลแม้อื่นอีก ๒ พวก คือ ผู้สำคัญ
ในสภาพมิใช่วินัยว่าวินัย ๑ ผู้สำคัญในวินัยว่าสภาพมิใช่วินัย ๑
อาสวะทั้งหลายย่อมไม่เจริญแก่บุคคล ๒ พวก คือ ผู้สำคัญในสภาพ
มิใช่วินัยว่าสภาพมิใช่วินัย ๑ ผู้สำคัญในวินัยว่าวินัย ๑.
หมวด ๒ จบ
หัวข้อประจำหมวด
[๙๕๓] สัญญา ๑ ศรัทธา ๑ สัทธรรม
๑ บริขาร ๑ บุคคล ๑ จริง ๑ ภูมิ ๑
ออกไป ๑ ถือเอา ๑ สมาทาน ๑ ทำ ๑ ให้ ๑
รับ ๑ บริโภค ๑ กลางคืน ๑ อรุณ ๑ ตัด ๑
ปกปิด ๑ ทรงไว้ ๑ อุโบสถ ๑ ปวารณา ๑
กรรม ๑ กรรมอื่นอีก ๑ วัตถุ ๑ วัตถุอื่น
อีก ๑ โทษ ๑ โทษอื่นอีก ๒ สมบัติสอง
อย่าง ๑ นานาสังวาสก์ ๑ สมานสังวาสก์ ๑

460
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก ปริวาร เล่ม ๘ – หน้าที่ 461 (เล่ม 10)

ปาราชิก ๑ สังฆาทิเสส ๑ ถุลลัจจัย ๑
ปาจิตตีย์ ๑ ปาฏิเทสนียะ ๑ ทุกกฏ ๑
ทุพภาสิต ๑ อาบัติเจ็ด ๑ กองอาบัติเจ็ด ๑
สงฆ์แตกกัน ๑ อุปสมบท ๑ อุปสมบทอีก
สอง ๑ ไม่อาศัยอยู่ ๑ ไม่ให้ ๑ อภัพบุคคล ๑
ภัพบุคคล ๑ แกล้ง ๑ มีโทษ ๑ คัดค้าน ๑
ขับออกจากหมู่ ๑ เรียกเข้าหมู่ ๑ ปฏิญญา ๑
รับ ๑ ห้าม ๑ ลบล้าง ๑ โจท ๑ กฐิน
๒ อย่าง ๑ จีวร ๑ บาตร ๑ เชิงบาตร ๑
อธิษฐาน ๒ อย่าง ๑ วิกัป ๒ วินัย ๑ อรรถ
ที่สำเร็จในวินัย ๑ ความขัดเกลา ๑ ต้อง ๑
ออก ๑ ปริวาส ๒ อย่าง ๑ มานัต ๒ อย่าง ๑
รัตติเฉท ๑ ไม่เอื้อเฟื้อ ๑ เกลือ ๒ ชนิด ๑
เกลืออื่นอีก ๓ ชนิด บริโภค ๑ ด่า ๑
ล่อเสียด ๑ ฉันหมู่ ๑ วันจำพรรษา ๑ งด
ปาติโมกข์ ๑ ภาระ ๑ สมควร ๑ อนาบัติ ๑
อธรรม ๑ วินัย อาสวะ ๑.
หัวข้อประจำหมวด จบ

461
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก ปริวาร เล่ม ๘ – หน้าที่ 462 (เล่ม 10)

หมวดที่ ๓
ว่าด้วยพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระชนม์อยู่เป็นต้น
[๙๕๔] มีอยู่ อาบัติ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงพระชนม์ ภิกษุ
จึงต้อง เมื่อปรินิพพานแล้ว ไม่ต้อง
มีอยู่ อาบัติ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว ภิกษุจึงต้อง
เมื่อยังทรงพระชนม์ ไม่ต้อง
มีอยู่ อาบัติ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงพระชนม์ก็ดี ปรินิพพาน
แล้วก็ดี ภิกษุต้อง
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุต้องในกาล หาต้องในเวลาวิกาลไม่
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุต้องในเวลาวิกาล หาต้องในกาลไม่
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุต้องในกาล และในเวลาวิกาล
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุต้องในกลางคืน หาต้องในกลางวันไม่
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุต้องในกลางวัน หาต้องในกลางคืนไม่
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุต้องในกลางคืน และกลางวัน
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุมีพรรษา ๑๐ จึงต้อง มีพรรษาหย่อน ๑๐ ไม่ต้อง
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุมีพรรษาหย่อน ๑๐ จึงต้อง มีพรรษา ๑๐ ไม่ต้อง
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุมีพรรษา ๑๐ และมีพรรษาหย่อน ๑๐ ก็ต้อง
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุมีพรรษา ๕ จึงต้อง มีพรรษาหย่อน ๕ ไม่ต้อง
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุมีพรรษาหย่อน ๕ จึงต้อง มีพรรษา ๕ ไม่ต้อง
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุมีพรรษา ๕ และมีพรรษาหย่อน ๕ ก็ต้อง

462
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก ปริวาร เล่ม ๘ – หน้าที่ 463 (เล่ม 10)

มีอยู่ อาบัติ ภิกษุมีจิตเป็นกุศล จึงต้อง มีจิตเป็นอกุศลไม่ต้อง
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุมีจิตเป็นอกุศล จึงต้อง มีจิตเป็นกุศลไม่ต้อง
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุมีจิตเป็นอัพยากฤต จึงต้อง
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุพรั่งพร้อมด้วยสุขเวทนา จึงต้อง
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุพรั่งพร้อมด้วยทุกขเวทนา จึงต้อง
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุพรั่งพร้อมด้วยอทุกขมสุขเวทนา จึงต้อง.
ว่าด้วยวัตถุแห่งการโจทเป็นต้น
[๙๕๕] วัตถุแห่งการโจทมี ๓ คือ เห็น ๑ ได้ยิน ๑ รังเกียจ ๑
การให้จับสลากมี ๓ คือ ปกปิด ๑ เปิดเผย ๑ กระซิบที่หู ๑
ข้อห้ามมี ๓ คือ ความมักมาก ๑ ความไม่สันโดษ ๑ ความไม่ขัดเกลา ๑
ข้ออนุญาตมี ๓ คือ ความมักน้อย ๑ ความสันโดษ ๑ ความขัดเกลา ๑
ข้อห้ามแม้อื่นอีก ๓ คือ ความมักมาก ๑ ความไม่สันโดษ ๑ ความ
ไม่รู้จักประมาณ ๑
ข้ออนุญาตมี ๓ คือ ความมักน้อย ๑ ความสันโดษ ๑ ความรู้จัก
ประมาณ ๑
บัญญัติมี ๓ คือ บัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ อนุปันนบัญญัติ ๑
บัญญัติแม้อื่นอีก ๓ คือ สัพพัตถบัญญัติ ๑ ปเทสบัญญัติ ๑
สาธารณบัญญัติ ๑
บัญญัติที่แม้อื่นอีก ๓ คือ อสาธารณบัญญัติ ๑ เอกโตบัญญัติ ๑
อุภโตบัญญัติ ๑.

463
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก ปริวาร เล่ม ๘ – หน้าที่ 464 (เล่ม 10)

ว่าด้วยภิกษุโง่และฉลาดเป็นต้น
[๙๕๖] มีอยู่ อาบัติ ภิกษุเป็นผู้โง่ จึงต้อง เป็นผู้ฉลาดไม่ต้อง
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุเป็นผู้ฉลาด จึงต้อง เป็นผู้โง่ไม่ต้อง
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุเป็นผู้ทั้งโง่ทั้งฉลาด จึงต้อง
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุต้องในกาฬปักษ์ ไม่ต้องในชุณหปักษ์
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุต้องในชุณหปักษ์ ไม่ต้องในกาฬปักษ์
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุต้องทั้งในกาฬปักษ์ และชุณหปักษ์
มีอยู่ การเข้าพรรษาย่อมควรในกาฬปักษ์ หาควรในชุณหปักษ์ไม่
มีอยู่ ปวารณาในวันมหาปวารณา ย่อมควรในชุณหปักษ์ หาควร
ในกาฬปักษ์ไม่
มีอยู่ สังฆกิจที่เหลือ ย่อมควรทั้งในกาฬปักษ์และชุณหปักษ์
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุย่อมต้องในฤดูหนาว ไม่ต้องในฤดูร้อนและใน
ฤดูฝน
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุย่อมต้องในฤดูร้อน ไม่ต้องในฤดูหนาวและใน
ฤดูฝน
มีอยู่ อาบัติ ภิกษุย่อมต้องในฤดูฝน ไม่ต้องในฤดูร้อนและในฤดู
หนาว
มีอยู่ อาบัติ สงฆ์ต้อง คณะ และบุคคล ไม่ต้อง
มีอยู่ อาบัติ คณะต้อง สงฆ์ และบุคคล ไม่ต้อง
มีอยู่ อาบัติ บุคคลต้อง สงฆ์ และคณะ ไม่ต้อง

464