No Favorites




หมวด/เล่ม
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 968 (เล่ม 89)

มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นสรณธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย
ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
๒. สรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอธิปติปัจจัย
มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นสรณธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย
ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
๓. สรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สรณธรรม และอรณ-
ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย
มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นสรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-
สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
๔. อรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอธิปติปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ
ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่
บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำ
กุศลกรรมนั้น ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้วพิจารณา ฯลฯ กุศลกรรมที่เคย
สั่งสมไว้ในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ

968
หมวด/เล่ม
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 969 (เล่ม 89)

พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่นแล้ว พิจารณา ฯลฯ ผล ฯลฯ กระทำนิพพานให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่นแล้วพิจารณา.
นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล,
ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นอรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-
สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
๕. อรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอธิปติปัจจัย
มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่
บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำ
กุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง
เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น
ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.
พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออก
จากฌาน ฯลฯ
บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรณธรรมให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุ
เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ

969
หมวด/เล่ม
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 970 (เล่ม 89)

๔. อนันตรปัจจัย
[๘๖๗] ๑. สรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอนันตรปัจจัย
คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสรณธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์
ทั้งหลายที่เป็นสรณธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.
๒. สรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอนันตรปัจจัย
คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสรณธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ ด้วย
อำนาจของอนันตรปัจจัย.
๓. อรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอนันตรปัจจัย
คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรณธรรมที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์
ทั้งหลายที่เป็นอรณธรรม ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.
อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ
อนันตรปัจจัย.
๔. อรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอนันตรปัจจัย
คือ อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสรณธรรม ด้วย
อำนาจของอนันตรปัจจัย.

970
หมวด/เล่ม
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 971 (เล่ม 89)

๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ วาระ
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๗ วาระ
๙. อุปนิสสยปัจจัย
[๘๖๘] ๑. สรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ
ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่
บุคคลเข้าไปอาศัยราคะแล้วฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.
บุคคลเข้าไปอาศัยโทสะ ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ
ทำลายสงฆ์.
ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ราคะ ฯลฯ แก่ความ
ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.
๒. สรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอุปนิสสยปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ
ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่

971
หมวด/เล่ม
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 972 (เล่ม 89)

บุคคลเข้าไปอาศัยราคะ แล้วให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม
ยังฌาน ฯลฯ ยังวิปัสสนา ฯลฯ ยังมรรค ฯลฯ ยังอภิญญา ฯลฯ ยังสมาบัติ
ให้เกิดขึ้น.
บุคคลเข้าไปอาศัยโทสะ ฯลฯ ความปรารถนาแล้ว ให้ทาน ฯลฯ
ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.
ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา
แก่สุขทางกาย, แก่ทุกข์ทางกาย, แก่มรรค, แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของ
อุปนิสสยปัจจัย.
๓. อรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ
ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่
บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธา แล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.
บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย อุตุ
โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.
ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่
สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-
ปัจจัย.
๔. อรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอุปนิสสยปัจจัย

972
หมวด/เล่ม
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 973 (เล่ม 89)

มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ
ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่
บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธา แล้วให้ทาน ฯลฯ ก่อมานะ ถือทิฏฐิ.
บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะ แล้วฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลาย
สงฆ์.
ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความ
ปรารถนา ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.
๑๐. ปุเรชาตปัจจัย
[๘๖๙] ๑. อรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของปุเรชาตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ
ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่
พิจารณาจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ
บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.
รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ
ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่
จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ เป็นปัจจัย
แก่กายวิญญาณ.

973
หมวด/เล่ม
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 974 (เล่ม 89)

หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอรณธรรม ด้วยอำนาจของ
ปุเรชาตปัจจัย.
๒. อรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของปุเรชาตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ
ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่
บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ
ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.
ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่
หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสรณธรรม ด้วยอำนาจของ
ปุเรชาตปัจจัย.
๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ ๑๒. อาเสวนปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย มี ๒ วาระ
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย มี ๒ วาระ
๑๓. กัมมปัจจัย
[๘๗๐] ๑. สรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของกัมมปัจจัย
คือ เจตนาที่เป็นสรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

974
หมวด/เล่ม
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 975 (เล่ม 89)

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ
ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่
เจตนาที่เป็นสรณธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วย
อำนาจของกัมมปัจจัย.
ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่
เจตนาที่เป็นสรณธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป
ทั้งหลาย ด้วยอำ นาจของกัมมปัจจัย.
พึงกระทำ มูล (วาระที่ ๓)
มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตะ ได้แก่
เจตนาที่เป็นสรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏ-
ฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.
๔. อรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของกัมมปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ
ที่เป็น สหชาตะ ฯลฯ
๑๔. วิปากปัจจัย ฯลฯ ๒๐. วิปปยุตตปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ.
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ.
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย มี ๔ วาระ.
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของฌานปัจจัย มี ๔ วาระ.

975
หมวด/เล่ม
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 976 (เล่ม 89)

ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ.
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ วาระ.
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ.
เหมือนกับอรูปทุกะ.
๒๑. อัตถิปัจจัย
[๘๗๑] ๑. สรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอัตถิปัจจัย ฯลฯ
๒. สรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอัตถิปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปัจฉาชาตะ ฯลฯ
๓. สรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สรณธรรม และอรณ-
ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย
๔. อรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อรณธรรม ด้วยอำ นาจ
ของอัตถิปัจจัย
มี ๕ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และ อินทริยะ
๕. อรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอัตถิปัจจัย
มีอย่างเดียว คือที่เป็น ปุเรชาตะ

976
หมวด/เล่ม
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 977 (เล่ม 89)

ที่เป็น ปุเรชาตะ ได้แก่
บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ
เพราะปรารภจักษุเป็นต้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.
หทยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นสรณธรรม ด้วยอำนาจ
ของอัตถิปัจจัย.
๖. สรณธรรม และอรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สรณ-
ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ ปุเรชาตะ
๗. สรณธรรม และอรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อรณ-
ธรรม ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ, ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ
และรวมกับ อินทริยะ
ที่เป็น สหชาตะ ได้แก่
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสรณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัย
แก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.
ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อาหาระ ได้แก่
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสรณธรรมที่เกิดภายหลัง และกพฬีการาหาร เป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.
ที่เป็น ปัจฉาชาตะ รวมกับ อินทริยะ ได้แก่
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นสรณธรรมที่เกิดภายหลัง และรูปชีวิตินทรีย์ เป็น
ปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอัตถิปัจจัย.

977