No Favorites




หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๖ ภาค ๑ – หน้าที่ 591 (เล่ม 8)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ วิกลจริต มีจิต
แปรปรวน ได้ประพฤติละเมิดกิจอันไม่ควรแก่สมณะเป็นอันมาก ทั้งที่
กล่าวด้วยวาจาและพยายามทำด้วยกาย ภิกษุทั้งหลายย่อมโจทเธอด้วยอาบัติ
ที่เธอวิกลจริต มีจิตแปรปรวน ประพฤติละเมิดต้องแล้วว่า ท่านต้อง
อาบัติแล้ว จงระลึกอาบัติเห็นปานนี้ เธอกล่าวอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย
ข้าพเจ้าวิกลจริต มีจิตแปรปรวน ได้ประพฤติละเมิดกิจอันไม่ควรแก่
สมณะเป็นอันมาก ทั้งที่กล่าวด้วยวาจาและพยายามทำด้วยกาย ข้าพเจ้า
ระลึกอาบัตินั้นไม่ได้ ข้าพเจ้าหลงได้ทำสิ่งนี้แล้ว ภิกษุทั้งหลายผู้อันเธอ
กล่าวอยู่แม้อย่างนั้น ก็ยังโจทเธออยู่ตามเดิมว่า ท่านต้องอาบัติแล้ว จง
ระลึกอาบัติเห็นปานนี้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้อมูฬหวินัยแก่ภิกษุนั้น ผู้หายหลง
แล้ว ก็แล สงฆ์พึงให้อมูฬหวินัยอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์
ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า ไหว้เท้าภิกษุผู้แก่กว่า นั่งกระโหย่งประคอง
อัญชลี แล้วกล่าวคำขอ ว่าดังนี้:-
คำขออมูฬหวินัย
ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าวิกลจริต มีจิตแปรปรวน
ได้ประพฤติละเมิดกิจอันไม่ควรแก่สมณะเป็นอันมาก ทั้ง
ที่กล่าวด้วยวาจาและพยายามทำด้วยกาย ภิกษุทั้งหลาย
โจทข้าพเจ้า ด้วยอาบัติที่ข้าพเจ้าวิกลจริต มีจิตแปรปรวน
ประพฤติละเมิดต้องแล้วว่า ท่านต้องอาบัติแล้ว จงระลึก

591
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๖ ภาค ๑ – หน้าที่ 592 (เล่ม 8)

อาบัติเห็นปานนี้ ข้าพเจ้ากล่าวกะภิกษุพวกนั้นอย่างนี้ว่า
ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าวิกลจริต มีจิตแปรปรวน ได้
ประพฤติละเมิดกิจอันไม่ควรแก่สมณะเป็นอันมาก ทั้งที่
กล่าวด้วยวาจาและพยายามทำด้วยกาย ข้าพเจ้าระลึก
อาบัตินั้นไม่ได้ ข้าพเจ้าหลงได้ทำสิ่งนี้แล้ว ภิกษุทั้ง
หลายผู้อันข้าพเจ้ากล่าวอยู่แม้อย่างนั้น ก็ยังโจทข้าพเจ้า
อยู่ตามเดิมว่า ท่านต้องอาบัติแล้ว ระลึกอาบัติเห็น
ปานนี้ ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้านั้นหายหลงแล้ว ขออมูฬห-
วินัยกะสงฆ์
พึงขอแม้ครั้งที่สอง พึงขอแม้ครั้งที่สาม.
[๖๘๖] ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้สงฆ์ทราบ
ด้วยญัตติจตุตถกรรมกรรมวาจาว่า ดังนี้:-
กรรมวาจาให้อมูฬหวินัย
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุมีชื่อนี้
รูปนี้ วิกลจริต มีจิตแปรปรวน ได้ประพฤติละเมิดกิจ
อันไม่ควรแก่สมณะเป็นอันมาก ทั้งที่กล่าวด้วยวาจาและ
พยายามทำด้วยกาย ภิกษุทั้งหลายโจทเธอด้วยอาบัติที่เธอ
วิกลจริต มีจิตแปรปรวน ได้ประพฤติละเมิดต้องแล้วว่า
ท่านต้องอาบัติแล้ว จงระลึกอาบัติเห็นปานนี้ เธอกล่าว

592
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๖ ภาค ๑ – หน้าที่ 593 (เล่ม 8)

อย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าวิกลจริต มีจิตแปร
ปรวน ได้ประพฤติละเมิดกิจอันไม่ควรแก่สมณะเป็นอัน
มาก ทั้งที่กล่าวด้วยวาจาและพยายามทำด้วยกาย ข้าพเจ้า
ระลึกอาบัตินั้นไม่ได้ ข้าพเจ้าหลงได้ทำสิ่งนี้แล้ว ภิกษุ
ทั้งหลาย ผู้อันเธอกล่าวอยู่แม้อย่างนั้น ก็ยังโจทเธออยู่
ตามเดิมว่า ท่านต้องอาบัติแล้ว จงระลึกอาบัติเห็นปานนี้
เธอหายหลงแล้ว ขออมูฬหวินัยกะสงฆ์ ถ้าความพร้อม
พรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงให้อมูฬหวินัยแก่ภิกษุมีชื่อ
นี้ ผู้หายหลงแล้ว นิเป็นญัตติ
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุมีชื่อนี้
รูปนี้ วิกลจริต มีจิตแปรปรวน ได้ประพฤติละเมิดกิจ
อัน ไม่ควรแก่สมณะเป็นอันมาก ทั้งที่กล่าวด้วยวาจาและ
พยายามทำด้วยกาย ภิกษุทั้งหลายโจทเธอด้วยอาบัติที่เธอ
วิกลจริต มีจิตแปรปรวน ประพฤติละเมิดต้องแล้วว่า
ท่าต้องอาบัติแล้ว จงระลึกอาบัติเห็นปานนี้ เธอกล่าว
อย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าวิกลจริต มีจิตแปร
ปรวน ได้ประพฤติละเมิดกิจอันไม่ควรแก่สมณะเป็นอัน
มาก ทั้งที่กล่าวด้วยวาจาและพยายามทำด้วยกาย ข้าพเจ้า
ระลึกอาบัตินั้นไม่ได้ ข้าพเจ้าหลงได้ทำสิ่งนี้แล้ว ภิกษุ
ทั้งหลายผู้อันเธอกล่าวอยู่แม้อย่างนั้น ก็ยังโจทเธออยู่ตาม
เดิมว่า ท่านต้องอาบัติแล้ว จงระลึกอาบัติเห็นปานนี้

593
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๖ ภาค ๑ – หน้าที่ 594 (เล่ม 8)

เธอหายหลงแล้ว ขออมูฬหวินัยกะสงฆ์ สงฆ์ให้อมูฬห-
วินัยแก่ภิกษุมีชื่อนี้ ผู้หายหลงแล้ว การให้อมูฬหวินัย
แก่ภิกษุมีชื่อนี้ ผู้หายหลงแล้ว ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่าน
ผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด
ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ แม้ครั้งที้สอง....
ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ แม้ครั้งที่สาม.....
อมูฬหวินัยอันสงฆ์ให้แล้ว แก่ภิกษุมีชื่อนี้ ผู้หาย
หลงแล้ว ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าทรงความ
นี้ไว้ อย่างนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกอธิกรณ์ระงับแล้ว ระงับด้วยอะไร ?
ด้วยสัมมุขาวินัย กับอมูฬหวินัย ในสัมมุขาวินัยนั้นมีอะไรบ้าง มีความ
พร้อมหน้าสงฆ์ ความพร้อมหน้าธรรม ความพร้อมหน้าวินัย ความ
พร้อมหน้าบุคคล....
ในอมูฬหวินัยนั้น มีอะไรบ้าง มีกิริยา ความกระทำ ความ
เข้าไป ความเข้าไปเฉพาะ ความรับรอง ความไม่คัดค้านกรรม คือ
อมูฬหวินัยอันใด นี้มีในอมูฬหวินัยนั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากอธิกรณ์ระงับแล้วอย่างนี้ ผู้ทำรื้อฟื้น
เป็นปาจิตตีย์ที่รื้อฟื้น ผู้ให้ฉันทะติเตียน เป็นปาจิตตีย์ที่ติเตียน.
[๖๘๗] บางที อนุวาทาธิกรณ์ไม่อาศัยสมถะ ๒ อย่าง คือสติ-
วินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ พึงระงับด้วยสมถะ ๒ อย่าง คือ สัมมุขาวินัย ๑
ตัสสปาปิยสิกา ๑ บางที่พึงตกลงกันได้ สมจริงดังที่ตรัสไว้ว่า

594
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๖ ภาค ๑ – หน้าที่ 595 (เล่ม 8)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ โจทภิกษุด้วยครุกาบัติ
ในท่ามกลางสงฆ์ว่า ท่านต้องครุกาบัติ คือ อาบัติปาราชิก หรืออาบัติ
ที่ใกล้ปาราชิกแล้ว จงระลึกอาบัติเห็นปานนี้
ภิกษุจำเลยนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน ข้าพเจ้าระลึกไม่ได้เลยว่า
ต้องครุกาบัติเห็นปานนี้ คือ อาบัติปาราชิก หรืออาบัติใกล้ปาราชิก
ภิกษุผู้โจทก์นั้น ย่อมคาดคั้นภิกษุจำเลยนั้นนั่นผู้เปลื้องตนอยู่ว่า
เอาเถิด ท่านจงรู้ด้วยดี ถ้าท่านระลึกได้ว่าต้องครุกาบัติเห็นปานนี้ คือ
อาบัติปาราชิก หรืออาบัติที่ใกล้ปาราชิก
ภิกษุจำเลยนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน ข้าพเจ้าระลึกไม่ได้ว่า ต้อง
ครุกาบัติเห็นปานนี้ คือ อาบัติปาราชิก หรืออาบัติใกล้ปาราชิก แต่
ระลึกได้ว่า ต้องอาบัติแม้เล็กน้อยเห็นปานนี้
ภิกษุผู้โจทก์นั้น ย่อมคาดคั้นภิกษุจำเลยนั้นนั่นผู้เปลื้องตนอยู่ว่า
เอาเถิด ท่านจงรู้ด้วยดี ถ้าท่านระลึกได้ว่า ต้องครุกาบัติเห็นปานนี้
คืออาบัติปาราชิก หรืออาบัติที่ใกล้ปาราชิก
ภิกษุจำเลยนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน ข้าพเจ้าต้องอาบัติเล็กน้อยชื่อ
นี้ ข้าพเจ้าไม่ถูกถามก็ปฏิญาณ ข้าพเจ้าต้องครุกาบัติเห็นปานนี้ คือ
อาบัติปาราชิกหรืออาบัติที่ใกล้ปาราชิก ข้าพเจ้าถูกถามแล้วจักไม่ปฏิญาณ
หรือ
ภิกษุผู้โจทก์นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน ก็ท่านต้องอาบัติแม้เล็กน้อย
ชื่อนี้ ท่านไม่ถูกถามแล้วจักไม่ปฏิญาณ ก็ท่านต้องครุกาบัติเห็นปานนี้
คืออาบัติปาราชิก หรืออาบัติที่ใกล้ปาราชิก ท่านไม่ถูกถามแล้วจัก

595
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๖ ภาค ๑ – หน้าที่ 596 (เล่ม 8)

ปฏิญาณหรือ เอาเถิด ท่านจงรู้ด้วยดี ถ้าท่านระลึกได้ว่าต้องครุกาบัติ
เห็นปานนี้ คือ อาบัติปาราชิก หรืออาบัติที่ใกล้ปาราชิก
ภิกษุจำเลยนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน ข้าพเจ้าระลึกได้ว่า ต้อง
ครุกาบัติเห็นปานนี้ คือ อาบัติปาราชิก หรืออาบัติที่ใกล้ปาราชิก คำ
นั้นข้าพเจ้าพูดเล่น คำนั้นข้าพเจ้าพูดพล่อยไป ข้าพเจ้าระลึกไม่ได้ว่า
ต้องครุกาบัติเห็นปานนี้ คือ อาบัติปาราชิก หรืออาบัติที่ใกล้ปาราชิก
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงทำตัสสปาปิยสิกากรรมนั่นแก่ภิกษุ
นั้นแล.
วิธีทำตัสสปาปิยสิกากรรม
[๖๘๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แล สงฆ์พึงทำตัสสปาปิยสิกากรรม
อย่างนี้ ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติ
จตุตถกรรมวาจา ว่าดังนี้ :-
กรรมวาจาทำตัสสปาปิยสิกา
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุมีชื่อนี้
รูปนี้ ถูกซักถามถึงครุกาบัติในท่ามกลางสงฆ์ ปฏิเสธ
แล้วปฏิญาณ ปฏิญาณแล้วปฏิเสธ ให้การกลับไปกลับมา
กล่าวเท็จทั้งที่รู้ ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว
สงฆ์พึงทำตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุมีชื่อนี้ นี้เป็น
ญัตติ

596
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๖ ภาค ๑ – หน้าที่ 597 (เล่ม 8)

ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุมีชื่อนี้
รูปนี้ ถูกซักถามถึงครุกาบัติในท่ามกลางสงฆ์ ปฏิเสธ
แล้วปฏิญาณ ปฏิญาณแล้วปฏิเสธ ให้การกลับไปกลับมา
กล่าวเท็จทั้งที่รู้ สงฆ์ทำตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุมีชื่อนี้
การทำตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุมีชื่อนี้ ชอบแก่ท่านผู้
ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่าน
ผู้นั้นพึงพูด
ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ แม้ครั้งที่สอง...
ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ แม้ครั้งที่สาม....
ตัสสปาปิยสิกากรรม อันสงฆ์ทำแล้วแก่ภิกษุมีชื่อ
นี้ ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้
อย่างนี้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าอธิกรณ์ระงับแล้ว ระงับด้วยอะไร ?
ด้วยสัมมุขาวินัยกับตัสสปาปิยสิกา ในสัมมุขาวินัยนั้นมีอะไรบ้าง ? มีความ
พร้อมหน้าสงฆ์ ความพร้อมหน้าธรรม ความพร้อมหน้าวินัย ความ
พร้อมหน้าบุคคล....
ในตัสสปาปิยสิกานั้นมีอะไรบ้าง ? มีกิริยา ความกระทำ ความ
เข้าไป ความเข้าไปเฉพาะ ความรับรอง ความไม่คัดค้านกรรม คือ
ตัสสปาปิยสิกาอันใด นี้มีในตัสสปาปิยสิกานั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากอธิกรณ์ระงับแล้วอย่างนี้ ผู้ทำรื้อฟื้น
เป็นปาจิตตีย์ที่รื้อฟื้น ผู้ให้ฉันทะติเตียน เป็นปาจิตติย์ที่ติเตียน

597
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๖ ภาค ๑ – หน้าที่ 598 (เล่ม 8)

อาปัตตาธิกรณ์ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง
[๖๘๙] อาปัตตาธิกรณ์ ระงับด้วยสมณะเท่าไร ? อาปัตตาธิกรณ์
ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ สัมมุขาวินัย ๑ ปฎิญาณตกรณะ ๑ ติณวัต
ถารกะ ๑.
[๖๙๐] บางที อาปัตตาธิกรณ์ ไม่อาศัยสมถะอย่างหนึ่ง คือ
ติณวัตถารกะพึงระงับด้วยสมถะ ๒ อย่าง คือ สัมมุขาวินัย ๑ ปฏิญญาต
กรณะ ๑ บางทีพึงตกลงกันได้ สมจริงดังที่ตรัสไว้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ต้องลหุกาบัติแล้วเธอ
พึงเข้าไปหาภิกษุรูปหนึ่งห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า นั่งกระโหย่ง ประคอง
อัญชลี แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน ผมต้องอาบัติชื่อนี้ ผมแสดงคืน
อาบัตินั้น
ภิกษุผู้รับนั้นพึงกล่าวว่า ท่านเห็นหรือ
ภิกษุผู้แสดงนั้นพึงกล่าวว่า ขอรับ ผมเห็น
ภิกษุผู้รับนั้นพึงกล่าวว่า ท่านพึงสำรวมต่อไป
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าอธิกรณ์ระงับแล้ว ระงับด้วยอะไร ?
ด้วยสัมมุขาวินัยกับปฏิญญาตกรณะ ในสัมมุขาวินัยมีอะไรบ้าง ? มีความ
พร้อมหน้าธรรม ความพร้อมหน้าวินัย ความพร้อมหน้าบุคคล....
ก็ความพร้อมหน้าบุคคล ในสัมมุขาวินัยนั้นอย่างไร ? คือผู้แสดงกับ
ผู้รับแสดง ทั้งสองอยู่พร้อมหน้ากัน นี้ชื่อว่า ความพร้อมหน้าบุคคล
ในสัมมุขาวินัยนั้น

598
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๖ ภาค ๑ – หน้าที่ 599 (เล่ม 8)

ในปฏิญญาตกรณะนั้น มีอะไรบ้าง ? มีกิริยา ความกระทำ ความ
เข้าไป ความเข้าไปเฉพาะ ความรับรอง ความไม่คัดค้านกรรม คือ
ปฏิญญาตกรณะอันใดนี้มีในปฏิญญาตกรณะนั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากอธิกรณ์ระงับแล้วอย่างนี้ ผู้รับรื้อฟื้น
เป็นปาจิตตีย์ที่รื้อฟื้น หากได้การแสดงนั้นอย่างนี้ นั่นเป็นความดี หาก
ไม่ได้ ภิกษุนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุมากรูปด้วยกัน ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า
ไหว้เท้าภิกษุผู้แก่กว่า นั่งกระโหย่งประคองอัญชลี แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า
ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าต้องอาบัติซึ่งนี้ ข้าพเจ้าแสดงคืนอาบัตินั้น
ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้ภิกษุพวกนั้นทราบด้วย
คณะญัตติว่า ขอท่านทั้งหลายจงฟังข้าพเจ้า ภิกษุมีชื่อนี้ รูปนี้ ระลึก
เปิดเผย ทำให้ตื้น แสดงอาบัติ ถ้าความพร้อมพรั่งของท่านทั้งหลาย
ถึงที่แล้ว ข้าพเจ้าขอรับอาบัติของภิกษุมีชื่อนี้ แล้วกล่าวว่า เธอเห็น
หรือ
ภิกษุผู้แสดงพึงกล่าวว่า ขอรับ ผมเห็น
ภิกษุผู้รับพึงกล่าวว่า คุณพึงสำรวมต่อไป
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าอธิกรณ์ระงับแล้ว ระงับด้วยอะไร?
ด้วยสัมมุขาวินัยกับปฏิญญาตกรณะ ในสัมมุขาวินัยนั้น มีอะไรบ้าง? มี
ความพร้อมหน้าธรรม ความพร้อมหน้าวินัย ความพร้อมหน้าบุคคล.....
ก็ความพร้อมหน้าบุคคล ในสัมมุขาวินัยนั้นอย่างไร ? คือ ผู้แสดง
กับผู้รับแสดงทั้งสองอยู่พร้อมหน้ากัน นี้ชื่อว่า ความพร้อมหน้าบุคคลใน

599
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๖ ภาค ๑ – หน้าที่ 600 (เล่ม 8)

สัมมุขาวินัยนั้น ในปฏิญญาตกรณะนั้น มีอะไรบ้าง ? มีกิริยา ความ
กระทำ ความเข้าไป ความเข้าไปเฉพาะ ความรับรอง ความไม่
คัดค้านกรรม คือ ปฏิญญาตกรณะอันใด นี้มีในปฏิญญาตกรณะนั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากอธิกรณ์ระงับแล้วอย่างนี้ ผู้รับรื้อฟื้น
เป็นปาจิตตีย์ที่รื้อฟื้น หากได้การแสดงนั้นอย่างนี้ นั่นเป็นความดี หาก
ไม่ได้ ภิกษุนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า ไหว้เท้า
ภิกษุผู้แก่กว่า นั่งกระโหย่ง ประคองอัญชลี แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน
เจ้าข้า ข้าพเจ้าต้องอาบัติชื่อนี้ ข้าพเจ้าแสดงคืนอาบัตินั้น
ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมว่า
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุมีชื่อนี้รูปนี้ระลึกเปิดเผย ทำให้
ตื้น แสดงอาบัติ ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว ข้าพเจ้าพึงรับ
อาบัติของภิกษุมีชื่อนี้ แล้วพึงกล่าวว่าเธอเห็นหรือ
ภิกษุผู้แสดงพึงกล่าวว่า ขอรับ ผมเห็น
ภิกษุผู้รับพึงกล่าวว่า ท่านพึงสำรวมต่อไป
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าอธิกรณ์ระงับแล้ว ระงับด้วยอะไร ?
ด้วยสัมมุขาวินัยกับปฏิญญาตกรณะ ในสัมมุขาวินัยนั้น มีอะไรบ้าง ? มี
ความพร้อมหน้าสงฆ์ ความพร้อมหน้าธรรม ความพร้อมหน้าวินัย ความ
พร้อมหน้าบุคคล...
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากอธิกรณ์ระงับแล้วอย่างนี้ ผู้รับรื้อฟื้น
เป็นปาจิตตีย์ที่รื้อฟื้น ผู้ให้ฉันทะติเตียน เป็นปาจิตตีย์ที่ติเตียน.

600