ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 678 (เล่ม 89)

๓. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ทัสส-
เนนปหาตัพพเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุก-
ธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย
มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมป-
ยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย
๔. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ
อธิปติปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ
ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่
บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำ
กุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา ย่อมยินดี ย่อม
เพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว
ราคะที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.
พิจารณากุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ จากฌาน ฯลฯ
พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่ผล ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

678
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 679 (เล่ม 89)

ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนัก
แน่น ครั้นกระทำจักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ราคะ
ที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.
ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมป-
ยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
๕. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย
มีอย่างเดียว คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่
ฯลฯ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ ฌาน ฯลฯ
บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์
ทั้งหลายที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ครั้นกระทำทานเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่เป็นทัสส-
เนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ย่อมเกิดขึ้น.
๔. อนันตรปัจจัย
[๖๒๔] ๑. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ทัสส-
เนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย
คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.

679
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 680 (เล่ม 89)

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)
ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่
โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่วุฏ-
ฐานะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)
ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์
ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของ
อนันตรปัจจัย.
๔. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ
อนันตรปัจจัย
คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่
โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ที่เกิดก่อน ๆ เป็น
ปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๕)
โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์
ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.
อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุก-
ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย

680
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 681 (เล่ม 89)

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๖)
โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์
ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วยอำนาจของ
อนันตรปัจจัย,
อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และ
โมหะ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.
๗. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่
ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุก-
ธรรม ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย
คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของ
อนันตรปัจจัย.
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๘)
ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็น
ปัจจัยแก่โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดหลัง ๆ ด้วยอำนาจของอนันตร-
ปัจจัย.
ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ
ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย.
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๙)

681
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 682 (เล่ม 89)

ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดก่อน ๆ และโมหะ เป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่เกิดหลัง ๆ และโมหะ ด้วย
อำนาจของอนันตรปัจจัย
๕. สมนันตรปัจจัย ฯลฯ ๘. นิสสยปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ.
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ.
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอัญญมัญญปัจจัย มี ๖วาระ.
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ.
๙. อุปนิสสยปัจจัย
[๖๒๕] ๑. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ทัสส-
เนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ
ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์
ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.
ใน ๒ อย่างที่เหลือ เป็นอนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)

682
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 683 (เล่ม 89)

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์
ทั้งหลายที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของ
อุปนิสสยปัจจัย.
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ขันธ์
ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.
๔. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ
อุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ
ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่
บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิด ก่อมานะ.
บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพ-
เหตุกธรรม โทสะ โมหะ มานะ ความปรารถนา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย
ฯลฯ เสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น.
ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา แก่ปัญญา แก่ราคะ
ที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ แก่ความปรารถนา แก่ผลสมาบัติ
ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.

683
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 684 (เล่ม 89)

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-
ปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ
ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่
บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธา ฯลฯ ถือทิฏฐิ.
บุคคลเข้าไปอาศัย ศีล ฯลฯ ปัญญา ราคะที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหา-
ตัพพเหตุกธรรม โทสะ โมหะ มานะ ความปรารถนา สุขทางกาย ทุกข์-
ทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ แล้วฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์.
ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ราคะที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพ-
เหตุกธรรม แก่โทสะ แก่โมหะ แก่ทิฏฐิ แก่ความปรารถนา ด้วยอำนาจ
ของอุปนิสสยปัจจัย.
๖. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนน-
ปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ
ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่
ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ราคะที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม
โทสะ โมหะ มานะ ความปรารถนา สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัย

684
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 685 (เล่ม 89)

แก่ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสย-
ปัจจัย.
๗. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่
ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุก-
ธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ
ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่
ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกจฉา และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์
ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๘)
ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์
ทั้งหลายที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และโมหะ ด้วยอำนาจของ
อุปนิสสยปัจจัย.
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๙)
ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์
ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ ด้วยอำนาจของอุปนิสสยปัจจัย.
๑๐. ปุเรชาตปัจจัย
[๖๒๖] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ
ปุเรชาตปัจจัย

685
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 686 (เล่ม 89)

มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ
ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่
บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง
ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่
ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัสที่
ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.
เห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ.
ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ฯลฯ
๒. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ
ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่
บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ เพราะ
ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.
ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ฯลฯ
๓. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนน
ปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของปุเรชาตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ และ วัตถุปุเรชาตะ

686
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 687 (เล่ม 89)

ที่เป็น อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่
พิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ เพราะปรารภหทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.
ที่เป็น วัตถุปุเรชาตะ ฯลฯ
๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย
[๖๒๗] ๑. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม
ที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-
ปัจจัย ฯลฯ
๒. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ
ปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ
๓. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่
ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนน-
ปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ
๑๒. อาเสวนปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย
๑๓. กัมมปัจจัย
[๖๒๘] ๑. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ทัสส-
เนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย

687