ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 668 (เล่ม 89)

ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ
อาศัยหทยวัตถุ.
โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะและหทยวัตถุ.
๓. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัย
ธรรมที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนน-
ปหาตัพพธรรม เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย
คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉา และหทยวัตถุ.
ฯลฯ
การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ
[๖๑๓] ในนเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
ในนอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ ในนสมนันตร-
ปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี
๓ วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ ใน
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๑
วาระ ในนอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ ในนอินทริยปัจจัย มี ๑ วาระ ในนฌาน
ปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ ในโนวิคตปัจจัย
มี ๓ วาระ.
การนับทั้งสองนัยนอกนี้ก็ดี นิสสยวาระก็ดี พึงกระทำอย่างนี้.

668
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 669 (เล่ม 89)

สังสัฏฐวาระ
อนุโลมนัย
๑. เหตุปัจจัย
[๖๑๔] ๑. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เจือกับทัสสเนน-
ปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑. ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม
ฯลฯ ขันธ์ ๒.
๒. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เจือ
กับธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-
ปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม
ฯลฯ ขันธ์ ๒.
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
๓. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เจือกับธรรมที่ไม่
ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา.
๔. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เจือกับทัสสเนน-
ปหาตัพพเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุก-
ธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ

669
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 670 (เล่ม 89)

๒. อารัมมณปัจจัย
[๖๑๕] ๑. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เจือกับทัสสเนน-
ปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
เหมือนกับปฏิจจวาระ.
๒. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เจือ
กับธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ
อารัมมณปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ
๓. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เจือกับธรรมที่
ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย
เหมือนกับปฏิจจวาระ.
๔. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เจือกับทัสสเนน-
ปหาตัพพเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุก-
ธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย เหมือนกับปฏิจจวาระ.
ฯลฯ
การนับจำนวนวาระในอนุโลม
[๖๑๖] ในเหตุปัจจัย มี ๔ วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ
ในอธิปติปัจจัย มี ๒ วาระ ในอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ ในปัจจัยทั้งปวง
มี ๖ วาระ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ.

670
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 671 (เล่ม 89)

ปัจจนียนัย
๑. นเหตุปัจจัย
[๖๑๗] ๑. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เจือ
กับทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา เจือกับขันธ์ทั้งหลายที่สหรคต
ด้วยวิจิกิจฉา.
๒. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เจือ
กับธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้นเพราะนเหตุ
ปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ เจือกับขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม
ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เจือกับ
ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ.
ปัจจนียนัย
การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ
[๖๑๘] ในนเหตุปัจจัย มี ๒ วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี ๖ วาระ
ในนปุเรชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี ๖ วาระ ในนอาเสวน-
ปัจจัย มี ๖ วาระ ในนกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ ในนวิปากปัจจัย มี ๖ วาระ
ในนฌานปัจจัย มี ๑ วาระ ในนมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย
มี ๖ วาระ.

671
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 672 (เล่ม 89)

อนุโลมปัจจนียนัย
การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ
[๖๑๙] เพราะเหตุปัจจัย ในนอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ . . . ในนปุเร-
ชาตปัจจัยมี ๔ วาระ ฯลฯ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี ๔ วาระ.
ปัจจนียานุโลมนัย
การนับจำนวนวาระในปัจจนียานุโลม
[๖๒๐] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี ๒ วาระ... ใน
อนันตรปัจจัย มี ๒ วาระ ฯลฯ ในวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ ฯสฯ ในอวิคตปัจจัย
มี ๒ วาระ.
สัมปยุตตวาระ เหมือนกับ สังสัฏฐวาระ.

672
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 673 (เล่ม 89)

ปัญหาวาระ
อนุโลมนัย
๑. เหตุปัจจัย
[๖๒๑] ๑. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ทัสส-
เนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย
คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)
เหตุทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-
สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)
เหตุทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.
๔. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของ
เหตุปัจจัย
คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.
โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย
ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

673
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 674 (เล่ม 89)

ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๕)
โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๖)
โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต-
สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.
๒. อารัมมณปัจจัย
[๖๒๒] ๑. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่
ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย
คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๒)
เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๓)
เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม
ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

674
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 675 (เล่ม 89)

๔. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำ นาจของ
อารัมมณปัจจัย
คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรมแล้วพิจารณา
กุศลกรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น
ราคะที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น, อุทธัจจะ ฯลฯ
โทมนัสที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.
กุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ
พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค แล้วพิจารณามรรค ฯลฯ เป็น
ปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.
พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพ-
เหตุกธรรม ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาล
ก่อน.
บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ทัสส-
เนนปหาตัพพเหตุกธรรม และโมหะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯฯะฯ ย่อม
ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่ไม่ใช่ทัสส-
เนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัสที่ไม่ใช่ทัสส-
เนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.
เห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ
แก่โมหะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

675
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 676 (เล่ม 89)

๕. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-
ปัจจัย
คือ บุคคลให้ทานแล้ว ฯลฯ ฌาน ฯลฯ
บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์
ทั้งหลายที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ
วิจิกิจฉา ฯลฯ โทมนัสที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.
๖. ธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนน-
ปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย
คือ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่ทัสส-
เนนปหาตัพพเหตุกธรรม และโมหะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา
และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.
๗. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่
ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุก-
ธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย
คือ เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อมเกิดขึ้น.
พึงกระทำมูล (วาระที่ ๘)
เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ ขันธ์
ทั้งหลายที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.

676
ฉบับมหามกุฏฯ
พระอภิธรรมปิฎก ปัฏฐาน เล่ม ๗ ภาค ๕ – หน้าที่ 677 (เล่ม 89)

พึงกระทำมูล (วาระที่ ๙)
เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ.
ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ ย่อมเกิดขึ้น.
๓. อธิปติปัจจัย
[๖๒๓] ๑. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ทัสส-
เนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ
ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่
เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรมให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ย่อม
เกิดขึ้น.
ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมป-
ยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
๒. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรม
ที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย
มีอย่างเดียว คือที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตต-
สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

677