หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 308 (เล่ม 7)

กะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสมาทานการเปลือยกายที่
พวกเดียรถีย์สมาทาน รูปใดสมาทานต้องอาบัติถุลลัจจัย.
สมัยต่อมา ภิกษุรูปหนึ่งนุ่งผ้าคากรอง . . . รูปหนึ่งนุ่งผ้าเปลือกไม้
กรอง . . . รูปหนึ่งนุ่งผ้าผลไม้กรอง . . . รูปหนึ่งนุ่งผ้ากัมพลทำด้วยผมคน. . .รูป
หนึ่งนุ่งผ้ากัมพลทำด้วยขนสัตว์. . . รูปหนึ่งนุ่งผ้าทำด้วยปีกนกเค้า . . .รูปหนึ่งนุ่ง
หนังเสือ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าว่า พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพรรณนาคุณแห่งความมัก
น้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่
สะสม การปรารภความเพียรโดยอเนกปริยาย หนังเสือนี้ย่อมเป็นไปเพื่อความ
มักน้อย ความสันโดษ ความขัคเกลา ความกำจัดอาการที่น่าเลื่อมใส ความ
ไม่สะสม การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย ข้าพระพุทธเจ้าขอประ-
ทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงพระกรุณาโปรดอนุญาตหนังเสือ-
แก่ภิกษุทั้งหลายด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระทำ
ของเธอนั่นไม่สมควร. . . ดูก่อนโมฆบุรุษ ไฉนเธอจึงได้ทรงหนังเสืออันเป็น
ธงชัยของเดียรถีย์เล่า การกระทำของเธอนั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของ
ชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส . . . ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงทรงหนังเสืออันเป็นธงชัยของเดียรถีย์ รูปใด
ทรง ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
สมัยต่อมา ภิกษุรูปหนึ่งนุ่งผ้าทำด้วยก้านดอกรัก. . . รูปหนึ่งนุ่งผ้าทำ
ด้วยเปลือกปอ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มี
พระภาคเจ้าว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพรรณนาคุณแห่งความมักน้อย ความ

308
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 309 (เล่ม 7)

สันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การ
ปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย ผ้าทำด้วยเปลือกปอนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อ
ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมไส
การไม่สะสม การปรารภความเพียรโดยอเนกปริยาย ข้าพระพุทธเจ้าขอประ-
ทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงพระกรุณาโปรดอนุญาตผ้าทำ
ด้วยเปลือกปอแก่ภิกษุทั้งหลายด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระทำ
ของเธอนั่นไม่สมควร. . . ดูก่อนโมฆบุรุษ ไฉนเธอจึงได้นุ่งผ้าทำด้วยเปลือก
ปอเล่า การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่
เลื่อมใส. . .ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย ภิกษุไม่พึงนุ่งผ้าทำด้วยเปลือกปอ รูปใดนุ่ง ต้องอาบัติทุกกฏ.
พระฉัพพัคคีย์ทรงจีวรสีครามล้วนเป็นต้น
[๑๖๙] ก็โดยสมัยนั้นแล พระฉัพพัคคีย์ทรงจีวรสีครามล้วน ทรง
จีวรสีเหลืองล้วน ทรงจีวรสีแดงล้วน ทรงจีวรสีบานเย็นล้วน ทรงจีวรสีดำ
ล้วน ทรงจีวรสีแสดล้วน ทรงจีวรสีชมพูล้วน ทรงจีวรที่ไม่ตัดชาย ทรงจีวร
มีชายยาว ทรงจีวรมีชายเป็นลายดอกไม้ ทรงจีวรมีชายเป็นแผ่น สวมเสื้อ
สวมหมวก ทรงผ้าโพก ประชาชนพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มี
พระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสห้ามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงทรง
จีวรสีความล้วน ไม่พึงทรงจีวรสีเหลืองล้วน ไม่พึงทรงจีวรสีบานเย็นล้วน

309
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 310 (เล่ม 7)

ไม่พึงทรงจีวรสีดำล้วน ไม่พึงทรงจีวรสีแสดล้วน ไม่พึงทรงจีวรสีชมพูล้วน
ไม่พึงทรงจีวรที่ไม่ตัดชาย ไม่พึงทรงจีวรมีชายยาว ไม่พึงทรงจีวรมีชายเป็น
ลายดอกไม้ ไม่พึงทรงจีวรมีชายเป็นแผ่น ไม่พึงสวมเสื้อ ไม่พึงสวมหมวก
ไม่พึงทรงผ้าโพก รูปใดทรง ต้องอาบัติทุกกฏ.
เรื่องจีวรยังไม่เกิดแก่ผู้จำพรรษ
[๑๗๐] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายที่จำพรรษาแล้ว เมื่อจีวรยิ่ง
ไม่เกิดขึ้น หลีกไปเสียบ้าง สึกเสียบ้าง ถึงมรณภาพบ้าง ปฏิญาณเป็นสามเณร
บ้าง ปฏิญาณเป็นผู้บอกลาสิกขาบ้าง ปฏิญาณเป็นผู้ต้องอันเติมวัตถุบ้าง ปฏิ-
ญาณเป็นผู้วิกลจริตบ้าง ปฏิญาณเป็นผู้มีจิตฟุ้งสร้างบ้าง ปฏิญาณเป็นผู้กระ-
สับกระส่ายเพราะเวทนาบ้าง ปฏิญาณเป็นผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่เห็นอาบัติบ้าง
ปฏิญาณเป็นผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่ทำคืนอาบัติบ้าง ปฏิญาณเป็นผู้ถูกสงฆ์ยก
เสียฐานไม่สละคืนทิฏฐิอันลามกบ้าง ปฏิญาณเป็นบัณเฑาะก์บ้าง ปฏิญาณเป็นคน
ลักเพศบ้าง ปฏิญาณเป็นผู้เข้ารีดเดียรถีย์บ้าง ปฏิญาณเป็นสัตว์ดิรัจฉานบ้าง
ปฏิญาณเป็นผู้ฆ่ามารดาบ้าง ปฏิญาณเป็นผู้ฆ่าบิดาบ้าง ปฏิญาณเป็นผู้ฆ่า
พระอรหันต์บ้าง ปฏิญาณเป็นผู้ประทุษร้ายภิกษุณีบ้าง ปฏิญาณเป็นผู้ทำลาย
สงฆ์บ้าง ปฏิญาณเป็นผู้ทำร้ายพระศาสนาจนถึงห้อพระโลหิตบ้าง ปฏิญาณเป็น
อุภโตพยัญชนกบ้าง ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแนะนำ ดังต่อไปนี้:-
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ในข้อนี้ ภิกษุที่จำพรรษาแล้ว เมื่อจีวรยังไม่
เกิดขึ้นหลีกไปเสีย เมื่อผู้รับแทนที่สมควรมีอยู่ สงฆ์พึงให้.

310
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 311 (เล่ม 7)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุที่จำพรรษาแล้ว เมื่อจีวร
ยังไม่เกิดขึ้น สึกเสีย ถึงมรณภาพ ปฏิญาณเป็นสามเณร ปฏิญาณเป็นผู้บอก
ลาสิกขา ปฏิญาณเป็นผู้ต้องอันเติมวัตถุ สงฆ์เป็นเจ้าของ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุ ที่จำพรรษาแล้ว เมื่อจีวร
ยังไม่เกิดขึ้น ปฏิญาณเป็นผู้วิกลจริต ปฏิญาณเป็นผู้มีจิตฟุ้งสร้าง ปฏิญาณ
เป็นผู้กระสับกระส่ายเพราะเวทนา ปฏิญาณเป็นผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่เห็น
อาบัติ ปฏิญาณเป็นผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่ทำคืนอาบัติ ปฏิฌาณเป็นผู้ถูกสงฆ์
ยกเสียฐานไม่สละคืนทิฏฐิอันลามก เมื่อผู้รับแทนที่สมควรมีอยู่ สงฆ์พึงให้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุที่จำพรรษาแล้ว เมื่อจีวร
ยังไม่เกิดขึ้น ปฏิญาณเป็นบัณเฑาะก์. . . ปฏิญาณเป็นอุภโตพยัญชนก สงฆ์เป็น
เจ้าของ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุที่จำพรรษาแล้ว เมื่อจีวร
เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ทันได้แบ่งกัน หลีกไปเสีย เมื่อผู้รับแทนที่สมควรมีอยู่
สงฆ์พึงให้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุที่จำพรรษาแล้ว เมื่อจีวร
เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ทันได้แบ่งกัน สึกเสีย ถึงมรณภาพ ปฏิญาณเป็น
สามเณร ปฏิญาณเป็นผู้บอกลาสิกขา ปฏิญาณเป็นผู้ต้องอันเติมวัตถุ สงฆ์เป็น
เจ้าของ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุที่จำพรรษาแล้ว เมื่อจีวร
เกิดขึ้นแต่ยังไม่ทันได้แบ่งกัน ปฏิญาณเป็นผู้วิกลจริต ปฏิญาณเป็นผู้มีจิตฟุ้ง
สร้าง ปฏิญาณเป็นผู้กระสับกระส่ายเพราะเวทนา ปฏิญาณเป็นผู้ถูกสงฆ์ยกเสีย-
ฐานไม่เห็นอาบัติ ปฏิญาณเป็นผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่ทำคืนอาบัติ ปฏิญาณ
เป็นผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่สละคืนทิฏฐิอันลามก เมื่อผู้รับแทนที่สมควรมีอยู่
สงฆ์พึงให้.

311
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 312 (เล่ม 7)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อต้น ภิกษุที่จำพรรษาแล้ว เมื่อจีวร
เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ทันได้แบ่งกัน ปฏิญาณเป็นบัณเฑาะก์ . . . ปฏิญาณเป็น
อุภโตพยัญชนก สงฆ์เป็นเจ้าของ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ เมื่อจีวรยังไม่เกิดขึ้นแก่ภิกษุทั้ง
หลายที่จำพรรษาแล้ว สงฆ์แตกกัน คนทั้งหลายในถิ่นนั้น ถวายน้ำในฝ่าย
หนึ่ง ถวายจีวรในฝ่ายหนึ่ง ด้วยเปล่งวาจาว่า ข้าพเจ้าถวายแก่สงฆ์ นั่นเป็น
ของสงฆ์ฝ่ายเดียว.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ เมื่อจีวรยังไม่เกิดขึ้นแก่ภิกษุทั้ง
หลายที่จำพรรษาแล้ว สงฆ์แตกกัน คนทังหลายในถิ่นนั้น ถวายน้ำในฝ่าย
หนึ่ง ถวายจีวรในฝ่ายนั้นเหมือนกัน ด้วยเปล่งวาจาว่า ข้าพเจ้าถวายแก่สงฆ์
นั่นเป็นของสงฆ์ฝ่ายเดียว.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ เมื่อจีวรยังไม่เกิดขึ้นแก่ภิกษุทั้ง
หลายที่จำพรรษาแล้ว สงฆ์แตกกัน ท่านทั้งหลายในถิ่นนั้น ถวายน้ำในฝ่าย
หนึ่ง ถวายจีวรในฝ่ายหนึ่ง ด้วยเปล่งวาจาว่า ข้าพเจ้าถวายฝ่ายหนึ่ง นั่นเป็น
ของเฉพาะฝ่ายหนึ่ง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ เมื่อจีวรยังไม่เกิดขึ้นแก่ภิกษุทั้ง
หลายที่จำพรรษา สงฆ์แตกกัน ในทั้งหลายในถิ่นนั้น ถวายน้ำในฝ่ายหนึ่ง
ถวายจีวรในฝ่ายนั้นเหมือนกัน ด้วยเปล่งวาจาว่า ข้าพเจ้าถวายแก่ฝ่ายหนึ่ง
นั่นเป็นของเฉพาะฝ่ายหนึ่ง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ เมื่อจีวรเกิดขึ้นแล้วแก่ภิกษุทั้ง
หลายที่จำพรรษา แต่ยังมิทันได้แบ่ง สงฆ์แตกกัน พึงแบ่งส่วนให้ภิกษุทุกรูป
เท่า ๆ กัน.

312
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 313 (เล่ม 7)

เรื่องพระเรวตเถระฝากจีวร
[๑๗๑] ก็โดยสมัยนั้นแล ท่านพระเรวตะฝากจีวรแก่ภิกษุรูปหนึ่งไป
ถวายท่านพระสารีบุตร ด้วยสั่งว่า จงถวายจีวรผืนนี้แก่พระเถระ ในระหว่าง
ทางภิกษุรูปนั้นจึงได้ถือเอาจีวรนั้นเสีย เพราะวิสาสะต่อท่านพระเรวตะ.
กาลต่อมา ท่านพระเรวตะมาพบท่านพระสารีบุตร จึงเรียนถามว่า
ผมฝากจีวรมาถวายพระเถระ ๆ ได้รับจีวรนั้นแล้วหรือ ขอรับ ?
ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ผมยังไม่เห็นจีวรนั้นเลย.
ท่านพระเรวตะจึงได้ถามภิกษุรูปนั้นว่า อาวุโส ผมฝากจีวรมาแก่ท่าน
ให้ถวายพระเถระ ไหนจีวรนั้น ?
ภิกษุนั้นตอบว่า ผมได้ถือเอาจีวรนั้นเสีย เพราะวิสาสะต่อท่าน ขอรับ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแนะนำ ดังต่อไปนี้:-
เรื่องถือวิสาสะ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุฝากจีวรแก่ภิกษุไปด้วยส่ง
ว่า จงให้จีวรผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้ ภิกษุผู้รับฝากถือเอาเสียในระหว่างทางเพราะ
วิสาสะต่อผู้ฝาก ชื่อว่าถือเอาถูกต้อง ถือเอาเสียเพราะวิสาสะต่อผู้รับ ชื่อว่าถือ
เอาไม่ถูกต้อง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุฝากจีวรแก่ภิกษุไปด้วยสั่ง
ว่า จงให้จีวรผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้ ภิกษุผู้รับฝากถือเอาเสียในระหว่างทาง
เพราะวิสาสะต่อผู้รับ ชื่อว่าถือเอาไม่ถูกต้อง ถือเอาเสียเพราะวิสาสะต่อผู้ฝาก
ชื่อว่าถือเอาถูกต้อง.

313
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 314 (เล่ม 7)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุฝากจีวรแก่ภิกษุไปด้วยสั่งว่า
จงให้จีวรผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้ ภิกษุผู้รับฝากทราบข่าวในระหว่างทางว่า ผู้ฝาก
ถึงมรณภาพเสียแล้ว จึงอธิษฐานเป็นจีวรมรดกของภิกษุผู้ฝาก ชื่อว่าอธิษฐาน
ถูกต้องแล้ว ถือเอาเสียเพราะวิสาสะต่อผู้รับ ชื่อว่าถือเอาไม่ถูกต้อง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในชื่อนี้ ภิกษุฝากจีวรแก่ภิกษุไปด้วยสั่งว่า
จงใหัจีวรผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้ ภิกษุผู้รับฝากทราบข่าวในระหว่างทางว่า ผู้รับ
ถึงมรณภาพเสียแล้ว จึงอธิษฐานเป็นจีวรมรดกของผู้รับ ชื่อว่าอธิษฐานไม่ถูก
ต้อง ถือเอาเสียเพราะวิสาสะต่อผู้ฝาก ชื่อว่าถือเอาถูกต้อง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุฝากจีวรแก่ภิกษุไปด้วยสั่ง
ว่า จงให้จีวรผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้ ภิกษุผู้รับฝากทราบข่าวในระหว่างทางว่า
ทั้งสองรูปถึงมรณภาพเสียแล้ว จึงอธิษฐานเป็นมรดกของผู้ฝาก ชื่อว่าอธิษฐาน
ถูกต้อง อธิษฐานเป็นจีวรมรดกของผู้รับ ชื่อว่าอธิษฐานไม่ถูกต้อง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุฝากจีวรแก่ภิกษุไปด้วยสั่งว่า
ฉันให้จีวร ผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้ ภิกษุผู้รับฝากถือเอาเสียในระหว่างทาง
เพราะวิสาสะต่อผู้ฝาก ชื่อว่าถือเอาไม่ถูกต้อง ถือเอาเสียเพราะวิสาสะต่อผู้รับ
ชื่อว่าถือเอาถูกต้อง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุฝากจีวรแก่ภิกษุไปด้วยสั่งว่า
ฉันให้จีวรผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้ ภิกษุผู้รับฝากถือเอาเสียในระหว่างทาง เพราะ
วิสาสะต่อผู้รับ ชื่อว่าถือเอาถูกต้อง ถือเอาเสียเพราะวิสาสะต่อผู้ฝาก ชื่อว่าถือ
เอาไม่ถูกต้อง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุฝากจีวรแก่ภิกษุไปด้วยสั่งว่า
ฉันให้จีวรผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้ ภิกษุผู้รับฝากทราบข่าวในระหว่างทางว่า ผู้ฝาก
ถึงมรณภาพเสียแล้ว จึงอธิษฐานเป็นจีวรมรดกของผู้ฝาก ชื่อว่าอธิษฐานไม่ถูก
ต้อง ถือเอาเสียเพราะวิสาสะต่อผู้รับ ชื่อว่าถือเอาถูกต้อง.

314
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 315 (เล่ม 7)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุฝากจีวรแก่ภิกษุไปด้วยสั่งว่า
ฉันให้จีวรผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้ ภิกษุผู้รับฝากทราบข่าวในระหว่างทางว่า ผู้รับ
ถึงมรณภาพเสียแล้ว จึงอธิษฐานเป็นจีวรมรดกของผู้รับ ชื่อว่าอธิษฐานถูกต้อง
ถือเอาเสียเพราะวิสาสะต่อผู้ฝาก ชื่อว่าถือเอาไม่ถูกต้อง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในข้อนี้ ภิกษุฝากจีวรแก่ภิกษุไปด้วยสั่งว่า
ฉันให้จีวรผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้ ภิกษุผู้รับฝากทราบข่าวในระหว่างทางว่า ทั้ง
สองรูปถึงมรณภาพเสียแล้ว จึงอธิฐานเป็นจีวรมรดกของผู้ฝากชื่อว่าอธิษฐาน
ไม่ถูกต้อง อธิษฐานเป็นจีวรมรดกของผู้รับ ชื่อว่าอธิษฐานถูกต้อง.
จีวรที่เกิดขึ้นมี ๘ มาติกา
[๑๗๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มาติกาเพื่อจีวรเกิดขึ้นนี้ มี ๘ ศีล:-
๑. ถวายแก่สีมา.
๒. ถวายตามกติกา.
๓. ถวายในสถานที่จัดภิกษา.
๔. ถวายแก่สงฆ์.
๕. ถวายแก่อุภโตสงฆ์
๖. ถวายแก่สงฆ์ผู้จำพรรษาแล้ว.
๗. ถวายเจาะจง.
๘. ถวายแก่บุคคล.
ที่ชื่อว่า ถวายแก่สีมา คือ ภิกษุมีจำนวนเท่าใดอยู่ภายในสีมา ภิกษุ
เหล่านั้นพึงแบ่งกัน.
ที่ชื่อว่า ถวายตามติกา คือ วัดมีหลายแห่ง ยอมให้มีลาภเสมอกัน
เมื่อทายกถวายในวัดหนึ่ง ชื่อว่าเป็นอันถวายทุกวัด.

315
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 316 (เล่ม 7)

ที่ชื่อว่า ถวายในสถานที่จัดภิกษา คือถวายในสถานที่ ๆ ทายกทำ
ลักการะประจำแก่สงฆ์.
ที่ชื่อว่า ถวายแก่สงฆ์ คือ สงฆ์อยู่พร้อมหน้ากันแบ่ง.
ที่ชื่อว่า ถวายแก่อุภโตสงฆ์ คือ แม้มีภิกษุมากมีภิกษุณีรูปเดียว ก็
พึงให้ฝ่ายละครึ่ง แม้มีภิกษุณีมาก มีภิกษุรูปเดียว ก็พึงให้ฝ่ายละครึ่ง.
ที่ชื่อว่า ถวายแก่สงฆ์ผู้จำพรรษาแล้ว คือภิกษุมีจำนวนเท่าใด จำ-
พรรษาอยู่ในอาวาสนั้น ภิกษุเหล่านั้นพึงแบ่งกัน.
ที่ชื่อว่า ถวายเจาะจง คือ ถวายเฉพาะยาคู ภัตาหารของควรเคี้ยว
จีวร เสนาสนะ หรือเภสัช.
ที่ชื่อว่า ถวายแก่บุคคล คือ ถวายด้วยวาจาว่า ข้าพเจ้าถวายจีวรผืนนี้
แก่ภิกษุมีชื่อนี้.
จีวรขันธกะที่ ๘ จบ
ในขัมธกะ มี ๙๖ เรื่อง
หัวข้อประจำขันธกะ
[๑๗๓] ๑. เรื่องคนมั่งมีชาวพระนครราชคฤห์ เห็นหญิงงามเมืองใน
พระนครเวสาถี กลับมาพระนครราชคฤห์ แล้วกราบทูลเรื่องนั้นให้พระราชา
ทรงทราบ ๒. เรื่องบุตรชายของนางสาลวาดี ซึ่งภายหลังเป็นโอรสของเจ้าชาย
อภัยเพราะเหตุที่ยังมีชีวิต เจ้าชายจึงประทานชื่อว่าชีวก ๓. เรื่องชีวกเดินทาง
ไปเมืองตักกสิลา เรียนวิชาแพทย์สำเร็จเป็นหมอใหญ่ได้รักษาโรค ซึ่งเป็นอยู่
ถึง ๗ ปี หายด้วยการให้นัตถุ์ยา ๔. เรื่องรักษาโรคริดสีดวงงอกของพระเจ้าพิมพิ-

316
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 317 (เล่ม 7)

สารหายด้วยการทายา ๕. เรื่องพระราชทานตำแหน่งแพทย์หลวงประจำพระองค์
พระสนม นางกำนัล พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ ๖. เรื่องรักษาเศรษฐีชาวพระนคร
ราชคฤห์ ๗. เรื่องรักษาเนื้องอกในลำไส้ ๘. เรื่องรักษาโรคสำคัญของพระเจ้า
จัณฑปัชโชตหายด้วยให้เสวยพระโอสถผสมเปรียงได้รับพระราชทานผ้าคู่สิไวย-
กะเป็นรางวัล ๙. เรื่องสรงพระกายของพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งหมักหมมด้วยสิ่ง
อันเป็นโทษให้สดชื่น ๑๐ . หมอชีวกทูลถวายพระโอสถ ๓๐. ครั้ง โดยอบก้าน
อุบล ๓ ก้านด้วยยา ๑๐. เมื่อพระตถาคตมีพระกายเป็นปกติแล้ว หมอชีวกทูล
ขอประทานพร ๑๒. ทรงรับผ้าคู่สิไวยกะ ๑๓. พระพุทธานุญาตจีวรที่คฤหัสถ์
ถวาย ๑๔. เรื่องจีวรบังเกิดมากในพระนครราชคฤห์ ๑๕. เรื่องพระพุทธานุญาต
ผ้าปาวาร ผ้าไหม ผ้าโกเชาว์ ๑๖. เรื่องผ้ากัมพลมีราคากึ่งกาสี ๑๗. เรื่องผ้า
ชนิดดี ชนิดเลว ทรงสรรเสริญความสันโดษ ๑๘. เรื่องคอยและไม่คอย และ
ก่อนและหลังและพร้อมกันทำกติกากันไว้ ๑๙. เรื่องทายกนำจีวรกลับคืนไป ๒๐.
เรื่องสมมติเรือนคลัง ๒๑. เรื่องรักษาผ้าในเรือนคลัง ๒๒. เรื่องสั่งย้ายเจ้าหน้า
ที่รักษาเรือนคลัง ๒๓. เรื่องจีวรบังเกิดมาก ๒๔. เรื่องแจกกันส่งเสียงโกลาหล
๒๕. เรื่องจะแบ่งกันอย่างไร ๒๖. เรื่องจะให้แบ่งกันอย่างไร ๒๗. เรื่องแลกส่วน
ของตน ๒๘. เรื่องให้ส่วนพิเศษ ๒๙. เรื่องจะให้ส่วนจีวรอย่างไร ๓๐. เรื่องย้อม
จีวรด้วยโคมัย ๓๑. เรื่องย้อมด้วยน้ำเย็นและน้ำร้อน ๓๒. เรื่องน้ำย้อมล้น ๓๓.
เรื่องไม่รู้ว่าน้ำย้อมสุกหรือไม่สุก ๓๔. เรื่องยกหม้อน้ำย้อมลง ๓๕. เรื่องไม่มี
ภาชนะย้อม ๓๖. เรื่องขยำจีวรในถาด ๓๗. เรื่องตากจีวรบนพื้นดิน ๓๘. เรื่อง
ปลวกกัด ๓๙. เรื่องตากจีวรตรงกลาง ๔๐. ชายจีวรชำรุด ๔๑. เรื่องน้ำย้อมหยด
ออกชายเดียว ๔๒. เรื่องจีวรแข็ง ๔๓. เรืองจีวรกระด้าง ๔๔. เรื่องใช้จีวรไม่ได้ตัด
๔๕. เรื่องตัดจีวรตามแบบคันนา ๔๖. เรื่องพระผู้มีพระภาคเจ้าทอดพระเนตร

317