No Favorites




หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 108 (เล่ม 7)

พราหมณ์เวลัฏฐกัจจานะ จึงเดินเข้าไปถึงที่ประทับ ถวายบังคม
พระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลคำนี้
แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าปรารถนาจะถวาย
งบน้ำอ้อย แก่ภิกษุรูป ๑ หม้อ.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนกัจจานะ ถ้าเช่นนั้น เธอจงนำ
งบน้าอ้อยมาแต่เพียงหม้อเดียว.
พราหมณ์เวลัฏฐกัจจานะทูลรับสนองพระพุทธดำรัสว่า เป็นอย่างนั้น
พระพุทธเจ้าข้า แล้วนำงบน้ำอ้อยมาแต่หม้อเดียว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้วได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า หม้องบน้ำอ้อย ข้าพระพุทธเจ้านำ
มาแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าจะปฏิบัติอย่างไร ต่อไป ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนกัจจานะ ถ้าเช่นนั้น เธอจงถวาย
งบน้ำอ้อยแก่ภิกษุทั้งหลาย.
พราหมณ์เวลัฏฐกัจจานะ ทูลรับสนองพระพุทธดำรัสว่า เป็นอย่างนั้น
พระพุทธเจ้าข้า แล้วถวายงบน้ำอ้อยแก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วได้กราบทูลคำนี้แด่
พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า งบน้ำอ้อยข้าพระพุทธเจ้าถวายแก่ภิกษุทั้งหลาย พระ-
พุทธเจ้าข้า แต่งบน้ำอ้อยนี้ยังเหลืออยู่มาก ข้าพระพุทธเจ้าจะปฏิบัติอย่างไร
พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนกัจจานะ ถ้าอย่างนั้น เธอจงถวาย
งบน้ำอ้อยแก่ภิกษุทั้งหลายจนพอแกความต้องการ.
พราหมณ์เวลัฏฐกัจจานะ ทูลรับสนองพระพุทธดำรัสว่าเป็นอย่างนั้น
พระพุทธเจ้าข้า แล้ว ถวายงบน้ำอ้อยแก่ภิกษุทุกรูป จนพอแก่ความต้องการ
แล้วได้ทูลคำนี้ แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า งบน้ำอ้อยข้าพระพุทธเจ้าถวายแก่ภิกษุ

108
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 109 (เล่ม 7)

ทั้งหลายจนพอแก่ความต้องการแล้ว พระพุทธเจ้าข้า แต่งบน้ำอ้อยนี้ยังเหลือ
อยู่มาก ข้าพระพุทธเจ้าจะปฏิบัติอย่างไร พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนกัจจานะ. ถ้าเช่นนั้น เธอจงอังคาส
ภิกษุทั้งหลายด้วยงบน้ำอ้อยให้อิ่มหนำ.
พราหมณ์เวลัฏฐกัจจานะทูลรับสนองพระพุทธดำรัสว่า เป็นอย่างนั้น
พระพุทธเจ้าข้า แล้วอังคาสภิกษุทั้งหลายด้วยงบน้ำอ้อยให้อิ่มหนำ ภิกษุบาง
พวกบรรจุงบน้ำอ้อยเต็มบาตรบ้าง เต็มหม้อกรองน้ำบ้าง เต็มถุงย่ามบ้าง ครั้น
พราหมณ์เวลัฎฐกัจจานะอังคาสภิกษุทั้งหลายด้วยงบน้ำอ้อยให้อิ่มหนำแล้วได้ทูล
คำนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ภิกษุทั้งหลายอันข้าพระพุทธเจ้าอังคาสด้วยงบ
น้ำอ้อยให้อิ่มหนำแล้วพระพุทธเจ้าข้า แต่งบน้ำอ้อยนี้ยังเหลืออยู่มาก ข้าพระ-
พุทธเจ้าจะปฏิบัติอย่างไร พระพุทธเจ้าข้า ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนกัจจานะ ถ้าเช่นนั้น เธอจงให้งบ
น้ำอ้อยแก่พวกคนกินเดน.
พราหมณ์เวลัฎฐกจัจานะ ทูลรับสนองพระพุทธดำรัสว่า เป็นอย่างนั้น
พระพุทธเจ้าข้า แล้วจึงให้งบน้ำอ้อยแก่พวกคนกินเดน แล้วได้ทูลคำนี้แด่
พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า งบน้ำอ้อยข้าพระพุทธเจ้าให้พวกคนกินเดนแล้ว พระ-
พุทธเจ้าข้า แต่งบน้ำอ้อยนี้ยังเหลืออยู่มาก ข้าพระพุทธเจ้าจะปฏิบัติอย่างไร
พระพุทธเจ้าข้า ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนกัจจานะ ถ้าอย่างนั้น เธอจงให้
งบน้ำอ้อยแก่พวกคนกินเดน จนพอแก่ความต้องการ.
พราหมณ์เวลัฏฐกัจจานะ ทูลรับสนองพระพุทธดำรัสว่า เป็นอย่างนั้น
พระพุทธเจ้าข้า แล้ว จึงให้งบน้ำอ้อยแก่พวกคนกินเดน จนพอแก่ความต้อง

109
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 110 (เล่ม 7)

การแล้วได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า งบน้ำอ้อยข้าพระพุทธเจ้าให้พวก
คนกินเดนจนพอแก่ความต้องการแล้ว พระพุทธเจ้าข้า แต่งบน้ำอ้อยนี้ยังเหลือ
อยู่มาก ข้าพระพุทธเจ้าจะปฏิบัติอย่างไรต่อไป พระพุทธเจ้าข้า ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนกัจจานะ ถ้าเช่นนั้น เธอจงเลี้ยงดู
พวกคนกินเดนให้อิ่มหนำ ด้วยงบน้ำอ้อย.
พราหมณ์เวลัฏฐกัจจานะ ทูลรับสนองพระพุทธดำรัสว่า เป็นอย่าง
นั้นพระพุทธเจ้าข้า แล้วเลี้ยงดูพวกคนกินเดนให้อิ่มหนำด้วยงบน้ำอ้อย คน
กินเดนบางพวกบรรจุงบน้ำอ้อยเต็มกระป๋องบ้าง เต็มหม้อน้ำบ้าง ห่อเต็ม
ผ้าขาวปูลาดบ้าง เต็มพกบ้าง ครั้นพราหมณ์เวลัฎฐกัจจานะเลี้ยงดูพวกคนกิน
เดนไห้อิ่มหนำด้วยงบน้ำอ้อย แล้วทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พวกคน
กินเดนอันข้าพระพุทธเจ้าเลี้ยงดูด้วยงบน้ำอ้อยให้อิ่มหนำแล้ว พระพุทธเจ้าข้า
แต่งบน้ำอ่อยนี้ยังเหลืออยู่มาก ข้าพระพุทธเจ้าจะปฏิบัติอย่างไรต่อไป พระ
พุทธเจ้าข้า ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนกัจจานะ ทั่วโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก
มารโลกพรหมโลก ทั่วทุกหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์
เราไม่เล็งเห็นบุคคลผู้ที่บริโภคงบน้ำอ้อยนั้นแล้วจะให้ย่อยได้ดี นอกจากตถาคต
หรือสาวกของตถาคต ดูก่อนกัจจานะ ถ้าเช่นนั้น เธอจงทิ้งงบน้ำอ้อยนั้นเสีย
ในสถานที่อันปราศจากของเขียงสด หรือจงเทเสียในน้ำซึ่งปราศจากตัวสัตว์.
พราหมณ์เวลัฏฐกัจจานะ ทูลรับสนองพระพุทธดำรัสว่า เป็นอย่างนั้น
พระพุทธเจ้าข้า แล้วเทงบน้ำอ้อยนั้นลงในน้ำซึ่งปราศจากตัวสัตว์ งบน้ำอ้อย
ที่เทลงในน้ำนั้น เดือดพลุ่ง ส่งเสียงดังจิฏิจิฏิ พ่นไอพ่นควันทันที เปรียบ
เหมือนผาลที่ร้อนโชนตลอดวันอันบุคคลจุ่มลงในน้ำ ย่อมเดือดพลุ่ง ส่งเสียง

110
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 111 (เล่ม 7)

ดังจิฏิจิฏิ พ่นไอพ่นควันอยู่ แม้ฉันใด งบน้ำอ้อยที่เทลงในน้ำนั้น ย่อม
เดือดพล่าน ส่งเสียงดังจิฏิจิฏิ พ่นไอพ่นควันอยู่ ฉันนั้นเหมือนกัน.
พราหมณ์เวลัฏฐกัจจานะ สลดใจ บังเกิดโลมชาติชูชนทันที แล้ว
เข้าไปในพุทธสำนัก ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง.
ทรงแสดงอนุปุพพิกถาและจตุราริยสัจ
เมื่อพราหมณ์เวลัฏฐกัจจานะนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงแสดงอนุปุพพิกถา คือ ทรงประกาศ ทานกถา สีลกถา
สัคคกถา ซึ่งโทษแห่งกามอันต่ำทรามอันเศร้าหมอง และอานิสงส์ในความ
ออกจากกาม เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่าพราหมณ์เวลัฏฐกัจจา-
นะมีจิตสงบ มีจิตอ่อน มีจิตปลอดจากนิวรณ์ มีจิตเบิกบาน มีจิตผ่อง-
ใสแล้ว จึงทรงประกาศพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงยกขึ้นแสดง
ด้วยพระองค์เอง คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ดวงตาเห็นธรรมปราศจาก
ธุลี ปราศจากมลทินได้เกิดแก่พราหมณ์เวลัฏฐกัจจานะ ณ ที่นั่งนั้นแลว่า สิ่ง
ใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา
ดุจผ้าสะอาดปราศจากมลทิน ควรได้รับน้ำย้อมเป็นอย่างดีฉะนั้น ครั้นพราหมณ์
เวลัฏฐกัจจานะได้เห็นธรรมแล้ว ได้บรรลุธรรมแล้ว ได้รู้ธรรมแจ่มแจ้งแล้ว
มีธรรมอันหยังลงแล้ว ข้ามความสงสัยได้แล้ว ปราศจากถ้อยคำแสดงความ
สงสัยแล้ว ถึงความเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น ในคำสอนของพระศาสดา
ได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระพุทธ-
เจ้าข้า ภาษิตของพระองค์ไพเราะนัก พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยายอย่างนี้ เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ

111
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 112 (เล่ม 7)

เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืด ด้วยตั้งใจ
ว่า คนมีจักษุจักเห็นรูป ดังนี้ ข้าพระพุทธเจ้านี้ ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระธรรมและพระสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดทรงจำข้า
พระพุทธเจ้าว่า เป็นอุบาสกผู้มอบชีวิตถึงสรณะ จำเติมแต่วันนี้เป็นต้นไป.
พระพุทธานุญาตงบน้ำอ้อย
[๖๖] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จพระพุทธดำเนินผ่านระยะ
ทางโดยลำดับ เสด็จถึงพระนครราชคฤห์แล้ว ทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า
ประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต
เขตพระนครราชคฤห์นั้น ครั้งนั้น ในพระนครราชคฤห์มีงบน้ำอ้อยมาก ภิกษุ
ทั้งหลายรังเกียจว่า ผู้ไม่อาพาธ จึงไม่ฉันงบน้ำอ้อย แล้วกราบทูลเรื่องนั้น
แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตงบน้ำอ้อยแก่ภิกษุผู้อาพาธ และงบน้ำอ้อยละลายน้ำแก่ภิกษุผู้ไม่
อาพาธ.
ทรงรับอาคารพังแรม
[๖๗] ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระนครราชคฤห์
ทามพระพุทธาภิรมย์แล้ว เสด็จพระพุทธดำเนินมุ่งไปทางตำบลบ้านปาฏลิพร้อม
ด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่จำหวน ๑,๒๕๐ รูป เสด็จพระพุทธดำเนินผ่านระยะทาง
โดยลำดับถึงตำบลบ้านปาฏลิแล้ว อุบาสกอุบาสิกาชาวตำบลบ้านปาฏลิได้ทราบ
ข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จถึงตำบลบ้านปาฏลิแล้ว จึงพากันเข้าไปเฝ้า
ณ พลับพลาที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วน

112
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 113 (เล่ม 7)

ข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้อุบาสกอุบาสิกาชาวตำบลบ้านปาฏลิผู้
นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา.
ครั้นอุบาสก อุบาสิกาชาวตำบลบ้านปาฏลิอันพระผู้มีพระภาคเจ้าชี้แจง
ให้เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว ได้กราบทูลคำนี้
แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ โปรด
ทรงรับอาคารพักแรมของพวกข้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าทรงรับโดยดุษณีภาพ ครั้นอุบาสกอุบาสิกาชาวตำบลบ้านปาฏลิทราบ
การทรงรับของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จึงลุกจากที่นั่งถวายบังคมพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า ทำประทักษิณแล้วพากันเดินไปทางอาคารพักแรม ปูลาดดาดเพดาน
ทั่วอาคารพักแรมทุกแห่ง จัดอาสนะ ตั้งหม้อน้ำ ตามแระทีปน้ำมัน แล้ว
พากันเข้าไปยังพลับพลาที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ยืนอยู่ ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พวกเขายืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูลคำ
นี้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระพุทธเจ้าข้า พวกข้าพระพุทธเจ้าปูลาดดาด
เพดานอาคารพักแรมทุกแห่ง จัดอาสนะ ตั้งหม้อน้ำ ตามประทีปน้ำมันไว้แล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมทรงทราบกาล อันควรในบัดนี้ พระพุทธเจ้าข้า.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงครองอันตรวาสก ทรงถือบาตร
จีวรแล้ว เสด็จไปทางอาคารพักแรมพร้อมกับภิกษุสงฆ์ ทรงชำระพระบาทยุดล
แล้วเสด็จเข้าสู่อาคารพักแรม ประทับนั่งพิงเสากลางผินพระพักตร์ไปทางทิศ
ตะวันออก แม้ภิกษุสงฆ์เล่าก็ล้างเท้าแล้ว เข้าสู่อาคารพักแรม นั่งพิงฝาด้าน
ตะวันตก ผินหน้าไปทางทิศตะวันออก ห้อมล้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า แม้
อุบาสกอุบาสิกาชาวตำบลบ้านปาฏลิก็ล้างเท้าแล้วเข้าสู่อาคารพักแรม นั่งพิงฝา
ด้านตะวันออก ผินหน้าไปทางตะวันตก ห้อมล้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า.

113
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 114 (เล่ม 7)

ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเทศนาโปรดอุบาสก อุบาสิกา ชาว
ตำบลบ้านปาฏลิ ดังต่อไปนี้:-
โทษแห่งศีลวิบัติ ๕ ประการ
[๖๘] ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย โทษแห่งศีลวิบัติของคนทุศีลมี ๕
ประการเหล่านี้ ๕ ประการเป็นไฉน ? ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย คนทุศีล ผู้มีศีล
วิบัติในโลกนี้ ย่อมเข้าถึงความเสื่อมแห่งโภคทรัพย์ใหญ่หลวง เพราะเหตุแห่ง
ความประมาท นี้เป็นโทษข้อที่ ๑ แห่งศีลวิบัติ ของตนทุศีล.
ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย อนึ่ง โทษข้ออื่นยังมีอีก ชื่อเสียงอันลามก
ของตนทุศีล ผู้มีศีลวิบัติย่อมเฟื่องพุงไป นี้เป็นโทษข้อที่ ๒ แห่งศีลวิบัติ
ของคนทุศีล.
ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย อนึ่ง โทษข้ออื่นยังมีอีก คนทุศีล ผู้มีศีลวิบัติ
เขาไปหาบริษัทใด ๆ เช่น ขัตติยบริษัท พราหมณบริษัท คหดีบริษัท
สมณบริษัท ย่อมเป็นผู้ครั่นคร้าม ขวยเขินเข้าไปหาบริษัทนั้น ๆ นี้เป็นโทษ
ข้อที่ ๓ แห่งศีลวิบัติ ของคนทุศีล.
ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย อนึ่ง โทษข้ออื่นยังมีอีก คนทุศีล ผู้มีศีลวิบัติ
ย่อมเป็นผู้หลงทำกาละ นี้เป็นโทษข้อที่ ๔ แห่งศีลวิบัติ ของคนทุศีล.
ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย อนึ่ง โทษข้ออื่นยังมีอีก คนทุศีล ผู้มีศีลวิบัติ
เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก นี้เป็น
โทษข้อที่ ๕ แห่งศีลวิบัติ ของคนทุศีล.
ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย โทษแห่งศีลวิบัติของคนทุศีล มี ๕ ประการ
นี้แล.

114
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 115 (เล่ม 7)

อานิสงส์แห่งศีลสมบัติ ๕ ประการ
[๖๙] ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย อานิสงส์แห่งศีลสมบัติของคนมีศีลมี ๕
ประการเหล่านั้น ๕ ประการเป็นไฉน ? ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย คนมีศีล ถึง
พร้อมด้วยศีลในโลก ย่อมได้กองโภคทรัพย์ใหญ่หลวง เพราะเหตุแห่งความ
ไม่ประมาท นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑ แห่งศีลสมบัติ ของคนมีศีล.
ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย อนึ่ง อานิสงส์ข้ออื่นยังมีอีก ชื่อเสียงอันดีงาม
ของคนมีศีล ถึงพร้อมด้วยศีล ย่อมเฟื่องฟุ้งไป นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๒ แห่ง
ศีลสมบัติ ของคนมีศีล.
ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย อนึ่ง อานิสงส์ข้ออื่นยังมีอีก คนมีศีลถึงพร้อม
ด้วยศีล เข้าไปหาบริษัทใด ๆ เช่น ขัตติยบริษัท พราหมณบริษัท คหบดี-
บริษัท สมณบริษัท ย่อมเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่ขวยเขินเข้าไปหาบริษัทนั้น ๆ
นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๓ แห่งศีลสมบัติ ของคนมีศีล.
ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย อนึ่ง อานิสงส์ข้ออื่นยังมีอีก คนมีศีลถึงพร้อม
ด้วยศีล ย่อมไม่หลงทำกาละ นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๔ แห่งศีลสมบัติ ของคน
มีศีล.
ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย อนึ่ง อานิสงส์ข้ออื่นยังมีอีก คนมีศีลถึงพร้อม
ด้วยศีล เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ นี้เป็น
อานิสงส์ข้อที่ ๕ แห่งศีลสมบัติ ของคนมีศีล.
ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย อานิสงส์แห่งศีลสมบัติ ของคนมีศีล มี ๕
ประการ นี้แล.
[๗๐] ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจง ให้อุบาสกอุบาสิกาของ
ตำบลบ้านปาฏลิเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาจนดึกดื่นแล้ว

115
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 116 (เล่ม 7)

ทรงส่งกลับด้วยรับสั่งว่า ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย ราตรีจวนสว่างแล้ว บัดนี้
พวกเธอจงรู้กาลที่จะกลับเถิด อุบาสกอุบาสิกาชาวตำบลบ้านปาฏลิ รับสนอง
พระพุทธดำรัสว่า พระพุทธเจ้าข้า แล้วลุกจากที่นั่ง ถวายบังคมพระผู้มีพระ
ภาคเจ้า ทำประทักษิณแล้วพากันกลับ ครั้นอุบาสกอุบาสิกาชาวตำบลบ้าน
ปาฏลิกลับไปไม่ทันนาน พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จเข้าสุญญาคารแล้ว.
เรื่องสุนีธะวัสสการะมหาอำมาตย์
[๗๑] ก็โดยสมัยนั้นแล มหาอำมาตย์แห่งมคธรัฐ ๒ ท่านชื่อ สุนีธะ ๑
วัสสการะ ๑ กำลังจัดการสร้างพระนคร ณ ตำบลบ้านปาฏลิ เพื่อป้องกันชาว
วัชชี พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตื่นบรรทมในเวลาปัจจุสมัยแห่งราตรี ได้ทรง
เล็งทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงวิสัยของมนุษย์ ทอดพระเนตรเห็นเทวดาเป็นอัน
มากกำลังยึดถือที่ดินในตำบลบ้านปาฏลิ คือ ในประเทศที่ใด พวกเทวดามี
ศักดิ์ใหญ่ยึดถือที่ดิน พวกเจ้าและราชมหาอำมาตย์ผู้มีศักดิ์สูง ๆ ต่างก็น้อมจิต
เพื่อสร้างนิเวศน์ลงในประเทศที่นั้น ในประเทศที่ใด พวกเทวดาที่มีศักดิ์ชั้น
กลางยึดถือที่ดิน พวกเจ้าและราชมหาอำมาตย์ที่มีศักดิ์ชั้นกลาง ๆ ต่างก็น้อมจิต
เพื่อสร้างนิเวศน์ลงในประเทศที่นั้น ในประเทศที่ใด เทวดาที่มีศักดิ์ชั้นต่ำยึด
ถือที่ดิน พวกเจ้าและราชมหาอำมาตย์ชั้นต่ำ ๆ ต่างก็น้อมจิตเพื่อสร้างนิเวศน์
ลงในประเทศที่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงรับสั่งถามท่านพระอานนท์ว่า ดูก่อน
อานนท์ พวกไหนกำลังสร้างนครลงที่ตำบลบ้านปาฏลิ.
อ. มหาอำมาตย์แห่งมคธรัฐ ชื่อ สุนีธะ ๑ วัสสการะ ๑ กำลังสร้าง
นครลงที่ตำบลบ้านปาฏลิ เพื่อป้องกันชาววัชชี พระพุทธเจ้าข้า.

116
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ – หน้าที่ 117 (เล่ม 7)

ภ. ดูก่อนอานนท์ สุนีธะ กับ วัสสการะ ๒ มหาอำมาตย์แห่งมคธ
รัฐกำลังสร้างนครลงในตำบลบ้านปาฏลิ เพื่อป้องกันชาววัชชีเหมือนได้ปรึกษา
กับพวกเทพเจ้าชั้นดาวดึงส์ ฉะนั้น อานนท์ เมื่อเวลาปัจจุสมัยแห่งราตรีนี้
เราลุกขึ้น ได้เล็งทิพจักขุอันบริสุทธิ์ล่วงวิสัยของมนุษย์ เห็นพวกเทวดาเป็นอัน
มากกำลังยึดถือที่ดินในตำบลบ้านปาฏลิ คือ ในประเทศที่ใด พวกเทวดามี
ศักดิ์สูง ๆ ยึดถือที่ดินพวกเจ้าและราชมหาอำมาตย์ผู้มีศักดิ์สูง ๆ ต่างก็น้อมจิต
เพื่อสร้างนิเวศน์ลงในประเทศที่นั้น ในประเทศที่ใด เทวดามีศักดิ์ชั้นกลาง ๆ
ยึดถือที่ดิน พวกเจ้าและราชมหาอำมาตย์ผู้มีศักดิ์ชั้นกลาง ๆ ต่างก็น้อมจิตเพื่อ
สร้างนิเวศน์ลงในประเทศที่นั้น ในประเทศที่ใด เทวดาผู้มีศักดิ์ชั้นต่ำ ๆ ยึดถือ
ที่ดิน พวกเจ้าและราชมหาอำมาตย์ผู้มีศักดิ์ชั้นต่ำ ๆ ต่างก็น้อมจิตเพื่อสร้าง
นิเวศน์ลงในประเทศที่นั้น อานนท์ ตลอดสถานที่อันเป็นย่านชุมนุมแห่ง
อารยชน และเป็นทางค้าขาย พระนครนี้ จักเป็นพระนครชั้นเอก เป็นทำเล
ค้าขาย ชื่อปาฏลิบุตร และเมืองปาฏลิบุตรจักบังเกิดอันตราย ๓ ประการ คือ
บังเกิดแต่ไฟ ๑ บังเกิดแต่น้ำ ๑ บังเกิดแต่ภายใน คือ แตกสามัคคีกัน ๑.
[๗๒] ครั้งนั้น ท่านสุนีธะมหาอำมาตย์และท่านวัสสการะมหาอำมาตย์
แห่งมคธรัฐ พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นแล้วได้ทูลปราศรัยกับ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้เป็นที่บันเทิง เป็นที่ระลึกถึง
กันไปแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลอาราธนา
พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอท่านพระโคดม พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จงทรงพระ-
กรุณาโปรดรับภัตตาหารของข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เพื่อเจริญกุศลและปีติ
ปราโมทย์ในวันนี้ด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับอาราธนา
โดยดุษณีภาพ ครั้นสุนีธะมหาอำมาตย์และวัสสการะมหาอำมาตย์ ทราบพระ-

117