หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 524 (เล่ม 6)

. . .ได้ให้สร้างเรือนชั้น . . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนโล้น . . .
. . .ได้ให้สร้างถ้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างบริเวณ. . .
. . .ได้ให้สร้างซุ้ม ...
. . .ได้ให้สร้างโรงฉัน. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงไฟ . . .
. . .ได้ให้สร้างกัปปิยกุฎี . . .
. . .ได้ให้สร้างวัจจกุฎี . . .
. . .ได้ให้สร้างที่จงกรม . . .
. . .ได้ไห้สร้างโรงจงกรม . . .
. . .ได้ให้สร้างบ่อน้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงบ่อน้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนไฟ . . .
. . .ได้ให้สร้างโรงเรือนไฟ . . .
. . .ได้ให้สร้างสระโบกขรณี . . .
. . .ได้ให้สร้างมณฑป...
. . .ได้ให้สร้างอาราม . . .
. . .ได้ให้สร้างอารามวัตถุ ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลาย ขอ
อาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา ดิฉันปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบ
เห็นภิกษุทั้งหลาย เมื่อนางส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อนาง
ไม่ส่งมา ก็ไม่พึงไป พึงกลับโน ๗ วัน.

524
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 525 (เล่ม 6)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุบาสิกาในศาสนานี้ได้ให้สร้างวิหารอุทิศ
ภิกษุมากรูปด้วยกัน. . .
. . .อุทิศภิกษุรูปหนึ่ง. . .
. . .อุทิศภิกษุณีสงฆ์. . .
. . .อุทิศภิกษุณีมากรูปด้วยกัน. . .
. . .อุทิศภิกษุณีรูปหนึ่ง. . .
. . .อุทิศสิกขมานามากรูปด้วยกัน. . .
. . .อุทิศสิกขมานารูปหนึ่ง. . .
. . .อุทิศสามเณรมากรูปด้วยกัน. . .
. . .อุทิศสามเณรรูปหนึ่ง. . .
. . .อุทิศสามเณรีมากรูปด้วยกัน. . .
. . .อุทิศสามเณรีรูปหนึ่ง. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนมุงแถบเดียว. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนชั้น. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนโล้น. . .
. . .ได้ให้สร้างถ้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างบริเวณ. . .
. . .ได้ให้สร้างซุ้ม. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงฉัน. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงไฟ. . .
. . .ได้ให้สร้างกัปปิยกุฎี. . .
. . .ได้ให้สร้างวัจจกุฎี. . .

525
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 526 (เล่ม 6)

. . .ได้ให้สร้างที่จงกรม. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงจงกรม. . .
. . .ได้ให้สร้างบ่อน้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงบ่อน้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนไฟ. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงเรือนไฟ. . .
. . .ได้ให้สร้างสระโบกขรณี. . .
. . .ได้ให้สร้างมณฑป. . .
. . .ได้ให้สร้างอาราม. . .
. . .ได้ให้สร้างอารามวัตถุ ถ้านางส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า
ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา ดิฉันปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และ
พบเห็น ภิกษุทั้งหลาย เมื่อนางส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แค่
เมื่อนางไม่ส่งมาก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุบายสิกาในศาสนานี้ได้ให้สร้างนิเวศน์ เพื่อ
ประโยชน์คน. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนนอน . . .
. . .ได้ให้สร้างโรงเก็บของ. . .
. . .ได้ให้สร้างร้าน. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงกลม. . .
. . .ได้ให้สร้างร้านค้า. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงร้านค้า. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนชั้น. . .

526
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 527 (เล่ม 6)

. . .ได้ให้สร้างเรือนโล้น. . .
. . .ได้ให้สร้างถ้ำ . . .
. . .ได้ให้สร้างบริเวณ . . .
. . .ได้ให้สร้างซุ้ม. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงฉัน. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงไฟ. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงครัว. . .
. . .ได้ให้สร้างวัจจกุฎี . . .
. . .ได้ให้สร้างที่จงกรม. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงจงกรม. . .
. . .ได้ให้สร้างบ่อน้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงบ่อน้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างสระโบกขรณี. . .
. . .ได้ให้สร้างมณฑป. . .
. . .ได้ให้สร้างอาราม. . .
. . .ได้ให้สร้างอารามวัตถุ อนึ่ง จะมีการมงคลแก่บุตรก็ดี จะมีการ
มงคลแก่ธิดาก็ดี เขาเจ็บไข้ก็ดี จะกล่าวพระสุตตันตะที่รู้เฉพาะก็ดี ถ้าเขาส่ง
ทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา จักได้เรียน
พระสุตตันตะนี้ไว้ โดยวิธีที่พระสุตตันตะนี้จะไม่เสื่อมสูญไปเสีย หรือว่า เขา
มีกิจ หรือกรณียะอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า
ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา ดิฉันปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และ
พบเห็นภิกษุทั้งหลาย เมื่อนางส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อ
นางไม่ส่งมาก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน.

527
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 528 (เล่ม 6)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในศาสนานี้ได้ให้สร้างวิหารอุทิศสงฆ์
. . .ภิกษุณีได้ให้สร้างวิหารอุทิศสงฆ์. . .
. . .สิกขมานได้ให้สร้างวิหารอุทิศสงฆ์. . .
. . .สามเณรได้ไห้สร้างวิหารอุทิศสงฆ์. . .
. . .สามเณรีได้ให้สร้างวิหารอุทิศสงฆ์. . .
. . .อุทิศภิกษุมากรูปด้วยกัน. . .
. . .อุทิศภิกษุรูปหนึ่ง. . .
. . .อุทิศภิกษุณีสงฆ์. . .
. . .อุทิศภิกษุณีมากรูปด้วยกัน. . .
. . .อุทิศภิกษุณีรูปหนึ่ง. . .
. . .อุทิศสิกขมานามากรูปด้วยกัน. . .
. . .อุทิศสิกขมานารูปหนึ่ง. . .
. . .อุทิศสามเณรมากรูปด้วยกัน. . .
. . .อุทิศสามเณรรูปหนึ่ง. . .
. . .อุทิศสามเณรีมากรูปด้วยกัน. . .
. . .อุทิศสามเณรีรูปหนึ่ง. . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง สามเณรีในศาสนานี้ได้สร้างวิหารเพื่อประ
โยชน์ตน. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนมุงแถบเดียว. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนชั้น. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนโล้น. . .
. . .ได้ให้สร้างถ้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างบริเวณ . . .

528
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 529 (เล่ม 6)

. . .ได้ให้สร้างซุ้ม. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงฉัน. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงไฟ. . .
. . .ได้ให้สร้างกัปปิยกุฎี. . .
. . .ได้ให้สร้างวัจจกุฎี. . .
. . .ได้ให้สร้างที่จงกรม. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงจงกรม. . .
. . .ได้ให้สร้างบ่อน้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงบ่อน้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างสระโบกขรณี. . .
. . .ได้ไห้สร้างมณฑป. . .
. . .ได้ให้สร้างอาราม. . .
ได้ให้สร้างอารามวัตถุ ถ้านางส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขอ
อาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา ดิฉันปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และ
พบเห็นภิกษุทั้งหลาย เมื่อนางส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อ
นางไม่ส่งมา ก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน.
ทรงอนุญาตสัตตาหกรณียะเพราะสหธรรมิก ๕
[๒๑๑] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูป ๑ อาพาธ เธอได้ส่งทูตไปใน
สำนักภิกษุทั้งหลายว่า กระผมเองอาพาธ ขออาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผม
ปรารถนาการมาของภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี-
พระภาคเจ้า ๆ ตรัสอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อ

529
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 530 (เล่ม 6)

สหธรรมิก ๕ แม้มิได้ส่งทูตมาเราอนุญาตให้ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้อง
กล่าวไปไยเมื่อเขาส่งทูตมา สหธรรมิก ๕ คือ ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร
สามเณรี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อสหธรรมิก ๕ นี้ แม้มิได้ส่งทูตมา เราอนุ-
ญาตให้ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้องกล่าวไปไยเมื่อเขาส่งทูตมา แต่ต้องกลับ
ใน ๗ วัน.
สัตตาหกรณียะเนื่องด้วยภิกษุ
๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในศาสนานี้ อาพาธ ถ้าเธอจะพึงส่งทูตไป
ในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า กระผมเองอาพาธ ขออาราธนาภิกษุทั้งหลายมา
กระผมปรารถนาการมาของภิกษุทั้งหลาย. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้เมื่อเธอมิได้
ส่งทูตมา ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้องกล่าวไปไยเมื่อเธอส่งทูตมา
พึงไปด้วยตั้งใจว่า จักแสวงหาคิลานภัต คิลานุปัฏฐากภัต คิลานเภสัช
จักถามอาการ หรือจักพยาบาล แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ความกระสันบังเกิดแก่ภิกษุในศาสนานี้ ถ้า
เธอจะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ความกระสันบังเกิดแก่กระผมแล้ว
ขออาราธนาภิกษุทั้งหลาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้เมื่อเธอมิได้ส่งทูตมา ก็พึง
ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้องกล่าวไปไยเมื่อเธอส่งทูตมา พึงไปด้วยตั้งใจ
ว่า จักระงับความกระสัน หรือจักวานภิกษุอื่นให้ช่วยระงับ หรือจักทำธรรม.
กถาแก่ภิกษุนั้น แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ความรำคาญบังเกิดขึ้นแก่ภิกษุในศาสนานี้
ถ้าเธอจะพึงส่งทูตไปในสำนักของภิกษุทั้งหลายว่า ความรำคาญบังเกิดแก่กระผม
ขออาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผมปรารถนาการมาของภิกษุทั้งหลาย แม้เมื่อ
เธอมิได้ส่งทูตมา ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้องกล่าวไปไยเมื่อเธอส่งทูต

530
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 531 (เล่ม 6)

มา พึงไปด้วยตั้งใจว่า จักบรรเทาความรำคาญ หรือจักวานภิกษุอื่นให้ช่วย
บรรเทา หรือจักทำธรรมกถาแก่ภิกษุนั้น แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ความเห็นผิดบังเกิดแก่ภิกษุในศาสนานี้ ถ้า
เธอจะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ความเห็นผิดบังเกิดแก่กระผม ขอ
อาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผมปรารถนาการมาของภิกษุทั้งหลาย ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย แม้เมื่อเธอมิได้ส่งทูตมา ก็พึงไปด้วยสัตตาหกณียะได้จะต้อง ๆ กล่าวไป
ไยเมื่อเธอส่งทูตมา พึงไปด้วยตั้งใจว่า จักเปลื้องความเห็นผิด จักวานภิกษุ
อื่นให้ช่วยเปลื้อง หรือจักทำธรรมกถาแก่ภิกษุนั้น แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้เป็นผู้ต้องครุกาบัติควรอยู่
ปริวาส ถ้าเธอพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า กระผมเองต้องครุกาบัติควร
อยู่ปริวาส ขออาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผมปรารถนาการมา องภิกษุทั้งหลาย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้เมื่อเธอมิได้ส่งทูตมา ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้
จะต้องกล่าวไปไยเมื่อเธอส่งทูตมา พึงไปด้วยทั้งใจว่า จักทำการขวนขวายให้
ปริวาส จักช่วยสวดหรือจักเป็นคณะปูรกะ แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ เป็นผู้ควรชักเข้าหาอาบัติ
เดิม ถ้าเธอจะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า กระผมเองเป็นผู้ควรชักเข้า
หาอาบัติเดิม ขออาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผมปรารถนาการมาของภิกษุทั้ง
หลาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้เมื่อเธอมิได้ส่งทูตมา ก็พึ่งไปด้วยสัตตาหกรณียะ
ได้ จะต้องกล่าวไปไยเมื่อเธอส่งทูตมา พึงไปด้วยตั้งใจว่า จักทำการขวนขวาย
ชักเข้าหาอาบัติเดิม จักช่วยสวดหรือจักเป็นคณะปูรกะ แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้เป็นผู้ควรมานัต ถ้าเธอ
จะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า กระผมเองเป็นผู้ควรมานัต ขออาราธนา

531
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 532 (เล่ม 6)

ภิกษุทั้งหลายมา กระผมปรารถนาการมาของภิกษุทั้งหลาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
แม้เมื่อเธอมิได้ส่งทูตมา ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้องกล่าวไปไยเมื่อ
เธอส่งทูตมาพึงไปด้วยตั้งใจว่า จักทำการขวนขวายให้มานัต จักช่วยสวด หรือ
จักเป็นคณะปูรกะ แต่ต้องกลับภายใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ เป็นผู้ควรอัพภาน ถ้าเธอ
จะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า กระผมเองเป็นผู้ควรอัพภาน ขอ
อาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผมปรารถนาการมาของภิกษุทั้งหลาย แม้เมื่อ
เธอมิได้ส่งทูตมา ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้องกล่าวไปไยเมื่อเธอส่ง
ทูตมาพึงไปด้วยตั้งใจว่า จักทำการขวนขวายให้อัพภาน จักช่วยสวด หรือจัก
เป็นคณะปูรกะ แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง สงฆ์เป็นผู้ใคร่เพื่อทำกรรม คือ ตัชชนีย-
กรรม นิยสกรรม ปัพพาชนียกรรม ปฏิสารณียกรรม หรืออุกเขปนียกรรม
แก่ภิกษุในศาสนานี้ ถ้าเธอจะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า สงฆ์เป็นผู้
ใคร่เพื่อทำกรรมแก่กระผม ขออาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผมปรารถนาการ
มาของภิกษุทั้งหลาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้เมื่อเธอมิได้ส่งทูตมา ก็พึงไปด้วย
สัตตาหกรณียะได้ จะต้องกล่าวไปไยเมื่อเธอส่งทูตมา พึงไปด้วยตั้งใจว่า ด้วย
วิธีอย่างไรหนอ สงฆ์จึงจะไม่ทำกรรม หรือพึงน้อมไปเพื่อกรรมสถานเบา
แต่ต้องกลับใน ๗ วัน. อนึ่งภิกษุนั้นได้ถูกสงฆ์ทำกรรม คือ ตัชชนียกรรม
นิยสกรรม ปัพพาชนียกรรม ปฏิสารณียกรรม หรืออุกเขปนียกรรมแล้ว ถ้า
เธอจะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า สงฆ์ได้ทำกรรมแก่กระผมแล้ว ขอ
อาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผมปรารถนาการมาของภิกษุทั้งหลาย ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย แม้เมื่อเธอมิได้ส่งทูตมา ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้องกล่าว

532
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 533 (เล่ม 6)

ไปไยเมื่อเธอส่งทูตมา พึงไปด้วยตั้งใจว่า ด้วยวิธีอย่างไรหนอ ภิกษุนั้นพึง
พระพฤติชอบ หายเย่อหยิ่ง ประพฤติแก้ตัวได้ สงฆ์จะได้ระงับกรรมนั้นเสีย
แต่ต้องกลับ ใน ๗ วัน.
สัตตาหกรณียะเนื่องด้วยภิกษุณี
๒. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุณีในศาสนานี้อาพาธ ถ้าเธอจะพึงส่ง
ทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ดิฉันเองอาพาธ ขออาราธนาพระคุณเจ้า
ทั้งหลายมา ดิฉันปรารถนาการมาของพระคุณเจ้า. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้เมื่อ
เธอมิได้ส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะต้องกล่าวไปไยเมื่อเธอส่ง
ทูตมา พึงไปด้วยตั้งใจว่า จักแสวงหาคิลานภัต คิลานุปัฏฐากภัต คิลานเภลัช
จักถามอาการ หรือจักพยาบาล แต่ต้องกลับใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ความกระสันบังเกิดแก่ภิกษุณีในศาสนานี้ ถ้า
เธอจะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ความกระสันบังเกิดแก่ดิฉันแล้ว
ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา ดิฉันปรารถนาการมาของพระคุณเจ้า. ดู
ก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้เมื่อเธอมิได้ส่งทูตมา ก็พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ จะ
ต้องกล่าวไปไยเมื่อเธอส่งทูตมา พึงไปด้วยทั้งใจว่า จักระงับความกระสัน หรือ
จักวานภิกษุอื่นให้ช่วยระงับ หรือจักทำธรรมกถาแก่ภิกษุณีนั้น แต่ต้องกลับใน
๗ วัน .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ความรำคาญบังเกิดแก่ภิกษุณีในศาสนานี้
ถ้าเธอจะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ความรำคาญบังเกิดแก่ดิฉัน แล้ว
ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมาดิฉันปารถนาการมาของพระคุณเจ้า. ดูก่อน

533