หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 514 (เล่ม 6)

อรรถกถาวัสสูปนายิกขันธกะ
วินิจฉัยในเรื่องวัสสูปนายิกขันธกะ พึงทราบดังนี้ :-
บทว่า อปฺปญฺญตฺโต ได้แก่ ยังมิได้ทรงอนุญาต หรือว่ายังมิได้
ทรงจัด.
สองบทว่า เตธ ภิกฺขู ได้แก่ ภิกษุทั้งหลายนั้น. อิธ ศัพท์ เป็น
เพียงนิบาต.
สัตว์ทั้งหลายผู้อาจไปในอากาศชื่อว่านก.
บทว่า สงฺกาสยิสฺสนฺติ ความว่า นกทั้งหลาย ก็จักขวนขวายน้อย
อยู่ประจำที่.
สองบทว่า สงฺฆาตํ อาปาเทนฺตา ได้แก่ ให้ถึงความพินาศ.
หลายบทว่า วสฺสาเน วสฺสํ อุปคนฺตุํ ความว่า เพื่อเข้าจำพรรษา
ตลอด ๓ เตือนในฤดูฝน.
หลายบทว่า กติ นุ โข วสฺสูปนายิกา ความว่า วันเข้าพรรษา
มีเท่าไรหนอ ?
วินิจฉัยในคำว่า อุปรชฺซุคตาย อาสาฬฺหิยา พึงทราบดังนี้:-
วัน ๑ แห่งดิถีเพ็ญเดือนอาสาฬหะนั้น ซึ่งล่วงไปแล้ว เพราะเหตุ
นั้น ดิถีเพ็ญเดือนอาสาฬหะนั้น จึงชื่อว่า มีวัน ๑ ล่วงไปแล้ว. เมื่อดิถี
เพ็ญเดือนอาสาฬหะนั้นล่วงไปแล้ว คือก้าวล่วงแล้ววัน ๑ อธิบายว่า ใน
วันแรมค่ำ ๑

514
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 515 (เล่ม 6)

แม้ในนัยที่ ๒ ก็มีความว่า เดือน ๑ แห่งดิถีเพ็ญเดือนอาสาฬหะนั้น
ซึ่งล่วงไปแล้ว เพราะเหตุนั้น ดิถีเพ็ญเดือนอาสาฬหะนั้น จึงชื่อว่ามีเดือน
๑ ล่วงไปแล้ว. เมื่อดิถีเพ็ญเดือนอาสาฬหะนั้น ล่วงไปแล้ว คือก้าวล่วงแล้ว
เดือน ๑ อธิบายว่า เมื่อเดือน ๑ เติมบริบูรณ์. เพราะเหตุนั้น ในวันแรม
ค่ำ ๑ ซึ่งถัดจากวันกลางเดือน ๘ หรือในวันแรมค่ำ ๑ ซึ่งถัดจากวัน กลางเดือน
๙ จากเพ็ญเดือน ๘ นั่นแล อันภิกษุผู้จะจำพรรษา พึงจัดแจงวิหารแล้วทั้งน้ำ
ฉันน้ำใช้ไว้ พึงทำสามีจิกรรมมีกราบไหว้พระเจดีย์เป็นต้นทั้งปวงให้เสร็จแล้ว
พึงเปล่งวาจาว่า อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมิ ดังนี้ ครั้ง
๑ หรือ ๒ ครั้งแล้ว จำพรรษาเถิด.
วินิจฉัยในคำว่า โย ปกฺถเมยฺย นี้ พึงทราบดังนี้:-
พึงทราบว่า ต้องอาบัติ เพราะไม่มีอาลัย หรือเพราะให้อรุณขึ้นใน
ที่อื่น.
วินิจฉัยในคำว่า โย อติกฺกเมยฺย นี้ พึงทราบดังนี้:-
พึงทราบว่า เป็นอาบัติหลายตัว ด้วยนับวัด.
ก็ถ้าว่า ในวันนั้น เธอเข้าไปยังอุปจารวัด ๑๐๐ ตำบลแล้วเลยไปเสีย
พึงทราบว่า เป็นอาบัติ ๑๐๐ ตัว แต่ถ้าว่า เลยอุปจารวัดไปแล้ว แค่ยังไม่ทัน
เข้าอุปจารวัดอื่น กลับมาเสีย พึงทราบว่า ต้องอาบัติตัว เดียวเท่านี้นั้น. ภิกษุผู้
ไม่จำพรรษาต้น เพราะอันตรายบางอย่างต้องจำพรรษาหลัง.
สองบทว่า วสฺสํ อุถฺคฑฺฒิตุกาโม ความว่า มีพระประสงค์จะ
เลื่อนเดือนต้นฤดูฝนออกไป อธิบายว่า มีพระประสงค์จะไม่นับ เดือน ๙ จะ
ให้นับ เป็นเดือน ๘ อีก.

515
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 516 (เล่ม 6)

สองบทว่า อาคเม ชุณฺเห มีอธิบายว่า ในเดือนอธิกมาส.
วินิจฉัยในข้อว่า อนุซานามิ ภิกฺขเว ราซูนํ อนุวตฺติตุํ นี้พึง
ทราบดังนี้:-
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตเพื่ออนุวัตรตาม ด้วยทรงทำในพระ
หฤทัยว่า ชื่อว่าความเสื่อมเสียสักนิดหน่อย ย่อมไม่มีแก่ภิกษุทั้งหลาย เพราะ
เลื่อนกาลฝนออกไป. เพราะฉะนั้น ภิกษุควรอนุวัตรตาม ในกรรมที่เป็นธรรม
อย่างอื่นได้ แต่ไม่ควรอนุวัตรตามแก่ใคร ๆ ในกรรมอันไม่เป็นธรรมฉะนี้
แล.

516
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 517 (เล่ม 6)

เรื่องทรงอนะญาตสัตตหกรณียะ
ทายกสร้างวิหารเป็นต้นถวาย
[๒๑๐] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระนครราชคฤห์
ตามพระพุทธาภิรมย์แล้ว. เสด็จจาริกไปทางพระนครสาวัตถี เสด็จจาริกไปโดย
ลำดับลุถึงพระนครสาวัตถี ทราบว่า พระองค์ประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถุนั้น
ก็โดยสมัยนั้นแล อุบาสกชื่ออุเทนได้ให้สร้างวิหารอุทิศต่อสงฆ์ไว้ใน
โกศลชนบท เขาได้ส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระคุณเจ้า
ทั้งหลายจงมา ข้าพเจ้าปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็นภิกษุ
ทั้งหลาย.
ภิกษุทั้งหลายตอบไปอย่างนี้ว่า ท่านอุบาสก พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
บัญญัติไว้ว่า ภิกษุจำพรรษา ไม่อยู่ให้ตลอด ๓ เดือนต้น หรือ ๓ เดือนหลัง
ไม่พึงหลีกไปสู่จาริก ขออุบาสกอุเทนจงรออยู่ชั่วระยะเวลาที่ภิกษุทั้งหลายจำ.
พรรษา ออกพรรษาแล้วจึงจักไปได้ แค่ถ้าท่านจะมีกรณียกิจรีบด่วน จงให้
ประดิษฐานวิหารไว้ในสำนักภิกษุเจ้าถิ่น ในโกศลชนบทนั้นนั่น แหละ
อุบาสกอุเทนจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนเมื่อเราส่งทูต
ไปแล้ว พระคุณเจ้าทั้งหลายจึงได้ไม่มาเล่า เราก็เป็นทายก เป็นผู้ก่อสร้าง เป็น
ผู้บำรุงสงฆ์
ภิกษุทั้งหลายได้ยินอุบาสกอุเทนเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ จึง
กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.

517
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 518 (เล่ม 6)

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถาในเพราะเหตุเป็นเค้ามูล
นั้นแล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคล ๗ จำพวก
ส่งทูตมา เราอนุญาตให้ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แม้เมื่อเขาไม่ส่งมา เราไม่
อนุญาต บุคคล ๗ จำพวก คือ ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร สามเณรี
อุบาสก อุบาสิกา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคล ๗ จำพวกนี้ส่งทูตมา เรา
อนุญาตให้ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อเขาไม่ส่งมา เราไม่อนุญาต พึงกลับ
ใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อุบาสกในศาสนานี้ได้ให้สร้างวิหารอุทิศสงฆ์
ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา
ข้าพเจ้าปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็นภิกษุทั้งหลาย เมื่อเขา
ส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อเขาไม่ส่งมา ก็ไม่พึงไป พึง
กลับใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุบาสกในศาสนานี้ ได้ให้สร้างเรือนมุง
แถบเดียวอุทิศสงฆ์...
. . .ได้ให้สร้างเรือนชั้น. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนโล้น. . .
. . .ได้ให้สร้างถ้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างบริเวณ. . .
. . .ได้ให้สร้างซุ้ม. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงฉัน. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงไฟ. . .
. . .ได้ให้สร้างกัปปิยกุฎี. . .
. . .ได้ให้สร้างวัจจกุฏี. . .

518
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 519 (เล่ม 6)

. . .ได้ให้สร้างที่จงกรม. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงจงกรม. . .
. . .ได้ให้สร้างบ่อน้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงน้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนไฟ. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงเรือนไฟ. . .
. . .ได้ให้สร้างสระโบกขรณี. . .
. . .ได้ให้สร้างมณฑป. . .
. . .ได้ให้สร้างอาราม. . .
. . .ได้ให้สร้างอารามวัตถุ. . .
ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้ง
หลายมา ข้าพเจ้าปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็นภิกษุทั้งหลาย
เมื่อเขาส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อเขาไม่ส่งมา ก็ไม่พึงไป
พึงกลับใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุบาสกในศาสนานี้ได้ไห้สร้างวิหารอุทิศ
ภิกษุมากรูปด้วยกัน. . .
. . .ได้ให้สร้างวิหารอุทิศภิกษุรูป ๑. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนมุงแถบเดียว. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนชั้น. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนโล้น. . .
. . .ได้ให้สร้างถ้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างบริเวณ. . .

519
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 520 (เล่ม 6)

. . .ได้ให้สร้างซุ้ม . . .
. . .ได้ให้สร้างโรงฉัน . . .
. . .ได้ให้สร้างโรงไฟ . . .
. . .ได้ให้สร้างกัปปิยกุฎี . . .
. . .ได้ให้สร้างวัจจกุฎี . . .
. . .ได้ให้สร้างที่จงกรม . . .
. . .ได้ให้สร้างโรงจงกรม . . .
. . .ได้ให้สร้างบ่อน้ำ .
. . .ได้ให้สร้างโรงบ่อน้ำ . . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนไฟ . . .
. . .ได้ให้สร้างโรงเรือนไฟ . . .
. . .ได้ให้สร้างสระโบกขรณี. . .
. . .ได้ให้สร้างมณฑป . . .
. . .ได้ให้สร้างอาราม . . .
. . .ได้ให้สร้างอารามวัตถุ . . .
ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้ง
หลายมา ข้าพเจ้าปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็นภิกษุทั้งหลาย
เมื่อเขาส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อเขาไม่ส่งมา ก็ไม่พึง
ไป พึงกลับ ใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อุบาสกในศาสนานี้ได้ให้สร้างวิหารอุทิศภิกษุณี
สงฆ์ . . .
. . .อุทิศภิกษุณีมากรูปด้วยกัน. . .
. . .อุทิศภิกษุณีรูป ๑. . .

520
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 521 (เล่ม 6)

. . .อุทิศสิกขมานามากรูปด้วยกัน. . .
. . .อุทิศสิกขมานารูปหนึ่ง. . .
. . .อุทิศสามเณรมากรูปด้วยกัน . . .
. . .อุทิศสามเณรรูปหนึ่ง. . .
. . .อุทิศสามเณรีมากรูปด้วยกัน. . .
. . .อุทิศสามเณรีรูปหนึ่ง. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนมุงแถบเดียว. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนชั้น. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนโล้น . . .
. . .ได้ให้สร้างถ้ำ . . .
. . .ได้ให้สร้างบริเวณ . . .
. . .ได้ให้สร้างซุ้ม . . .
. . .ได้ให้สร้างโรงฉัน. . .
. . . ได้ให้สร้างโรงไฟ . . .
. . .ได้ให้สร้างกัปปิยกุฎี . . .
. . . ได้ให้สร้างวัจจกุฎี . . .
. . . ได้ให้สร้างที่จงกรม. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงจงกรม. . .
. . .ได้ให้สร้างบ่อน้ำ. . .
. . . ได้ให้สร้างโรงบ่อน้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างสระโบกขรณี. . .
. . .ได้ให้สร้างมณฑป. . .
. . .ได้ให้สร้างอาราม. . .

521
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 522 (เล่ม 6)

. . .ได้ให้สร้างอารามวัตถุ ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขอ
อาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา ข้าพเจ้าปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และ
พบภิกษุทั้งหลาย เมื่อเขาส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อเขาไม่
ส่งมาก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุบาสกในศาสนานี้ ได้ไห้สร้างนิเวศน์เพื่อ
ประโยชน์คน...
. . .ได้ให้สร้างเรือนนอน . . .
. . .ได้ให้สร้างโรงเก็บของ. . .
. . .ได้ให้สร้างร้าน. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงกลม. . .
. . .ได้ให้สร้างร้านค้า. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงร้านค้า. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนชั้น. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนโล้น. . .
. . .ได้ให้สร้างถ้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างบริเวณ. . .
. . .ได้ให้สร้างซุ้ม. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงฉัน. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงไฟ. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงครัว. . .
. . .ได้ให้สร้างวัจจกุฎี. . .
. . .ได้ให้สร้างที่จงกรม. . .

522
หมวด/เล่ม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ – หน้าที่ 523 (เล่ม 6)

. . ได้ให้สร้างโรงจงกรม. . .
. . .ได้ให้สร้างบ่อน้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงบ่อน้ำ. . .
. . .ได้ให้สร้างเรือนไฟ. . .
. . .ได้ให้สร้างโรงเรือนไฟ. . .
. . .ได้ให้สร้างสระโบกขรณี. . .
. . .ได้ให้สร้างมณฑป. . .
. . .ได้ให้สร้างอาราม . . .
. . .ได้ให้สร้างอารามวัตถุ อนึ่ง จะมีการมงคลแก่บุตรก็ดี จะมีการ
มงคลแก่ธิดาก็ดี เขาเจ็บไข้ก็ดี จะกล่าวพระสุตตันตะที่รู้เฉพาะก็ดี ถ้าเขาส่ง
ทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา จักได้เรียน
พระสุตตันตะนี้ไว้ โดยวิธีที่พระสุตตันตะนี้ จะไม่เสื่อมสูญไปเสีย หรือว่าเขา
มีกิจหรือกรณียะอย่างโคอย่างหนึ่งก็ดี ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า
ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา ข้าพเจ้าปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม
และพบเห็นภิกษุทั้งหลาย เมื่อเขาส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหะกรณียะได้ แต่
เมื่อเขาไม่ส่งมาก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุบาสิกาในศาสนานี้ได้ให้สร้างวิหารอุทิศ
สงฆ์ ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระผู้เป็นเจ้าทั้ง
หลายมา ดิฉันปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็นภิกษุทั้งหลาย เมื่อ
นางส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อนางไม่ส่งมา ก็ไม่พึงไป
พึงกลับใน ๗ วัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุบาสิกาในศาสนานี้ได้ให้สร้างเรือนมุงแถบ
เดียว อุทิศสงฆ์. . .

523