ใน ๒ ชนิดนั้น อิตถีนิมิตของสตรีอุภโตพัญชนกปรากฏปุริสนิมิต
เป็นของลี้ลับ; ปุริสนิมิตของบุรุษอุภโตพยัญชนกปรากฏอิตถีนิมิตเป็นของลี้ลับ
เมื่อสตรีอุภโตพยัญชนกทำหน้าที่ของบุรุษในสตรีทั้งหลาย อิตถีนิมิตรย่อมเป็น
ของลี้ลับ. ปุริสนิมิตปรากฏ; เมื่อบุรุษอุภโตพยัญชนกเข้าถึงความเป็นสตรีสำ-
หรับพวกบุรุษ ปุริสนิมิตเป็นของลี้ลับ อิตถีนิมิตปรากฏ.
เหตุซึ่งทำให้ต่างกันแห่งอุภโตพยัญชนก ๒ ชนิดนั้นดังนี้ คือสตรี
อุภโตพยัญชนกมีครรภ์เองด้วย, ให้สตรีอื่นมีครรภ์ได้ด้วย; ส่วนบุรุษอุภโตพยัญ
ชนกมีครรภ์เองไม่ได้ แต่ให้สตรีอื่นมีครรภ์ได้.
แต่ในอรรถกถากุรุนทีท่านแก้ว่า ถ้าเพศชายเกิดในกำเนิดคือปฏิสนธิ-
กาล เพศหญิงย่อมเกิดต่อเมื่อความกำหนัดในบุรุษเป็นไป,๑ ถ้าเพศหญิงเกิด
ในกำเนิด คือปฏิสนธิกาล เพศชายยอมเกิดต่อเมื่อจาความกำหนัดในสตรีเป็น
ไป๒
ลำดับแห่งวิจารณ์ในความเกิดแห่ง ๒ เพศนั้น บัณฑิตพึงทราบพิสดาร
ในอรรถกถาธรรมสังคหะชื่ออัฏฐสาลินี.๓
ส่วนในบรรพชาธิการนี้ พึงทราบสันนิษฐานแม้นี้ว่า บรรพชาอุปสม
บทแห่งอุภโตพยัญชนกทั้ง ๒ ชนิดนี้ ไม่มีเลย.
อรรถกถาอุโตพยัญชนกวัตถุ จบ
๑,๒. ปวตฺเต น่าจะหมายความว่า ในปวัตติกาล.
๓. อฏฺฐาสาลินี. ๔๖๗-๔๗๐.