ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปพระอาราม แล้วทรงดำริว่า
ราหุลนี้ปรารถนาทรัพย์ของบิดาอันใด ทรัพย์อันนั้นเนื่องด้วยวัฏฎะเป็นไปกับ
ด้วยความคับแค้น เอาเถิด เราจะให้อริยทรัพย์ ๗ ประการซึ่งเราได้แล้วที่
โพธิมัณฑ์แก่เธอ จักทำเธอให้เป็นเจ้าของมฤดก อันเป็นโลกุตตระ ดังนี้แล้ว
รับสั่งหาท่านพระสารีบุตรมา.
ก็แลครั้นรับสั่งหาแล้วตรัสว่า สารีบุตร ถ้ากระนั้น ท่านจงยังราหุล
กุมารให้บวชเถิด. อธิบายว่า ราหุลกุมารนี้ขอทรัพย์มฤดก เพราะเหตุนั้น
ท่านจงยังราหุลกุมารนั้นให้บวช เพื่อได้เฉพาะซึ่งทรัพย์มฤดกอันเป็นโลกุต-
ตระ. บรรพชาและอุปสมบทด้วยไตรสรณคมน์นั้นใด อันพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงอนุญาตที่กรุงพาราณสี บรรดาบรรพชาและอุปสมบทด้วยไตรสรณคมน์นั้น
ทรงห้ามอุปสมบท ทรงยกไว้ในความเป็นของหนัก คือเป็นกิจสลักสำคัญ แล้ว
จึงทรงอนุญาตอุปสมบทด้วยญัตติจตุตถกรรม. ส่วนบรรพชามิได้ทรงห้ามเลย
แต่ก็มิได้ทรงอนุญาตอีก เพราะเหตุนั้น ความสงสัยจักเกิดขึ้นแก่ภิกษุทั้งหลาย
ในอนาคตว่า ชื่อว่าบรรพชานี้ เช่นกับด้วยอุปสมบทในกาลก่อน. แม้ในบัดนี้
บรรพชาอันเราทั้งหลายพึงกระทำด้วยกรรมวาจานั่นเอง เหมือนอุปสมบทหรือ
หนอแล หรือว่า พึงทำด้วยไตรสรณคมน์ ดังนี้. ก็แลพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงทราบความนี้แล้วใคร่จะทรงอนุญาตสามเณรบรรพชาด้วยไตรสรณคมน์อีก
เพราะเหตุนั้นพระธรรมเสนาบดีทราบพระอัธยาศัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า ใคร่
จะยังพระผู้มีพระภาคเจ้าให้ทรงอนุญาตบรรพชาอีก จึงทูลว่า ข้าพระองค์จะ
ยังพระราหุลกุมารให้ผนวชอย่างไร พระเจ้าข้า ?
ข้อว่า อถโข อายสฺมา สารปุตฺโต ราหุลกุมาร. ปพฺพาเชสิ มี
ความว่า พระมหาโมคคัลลานเถระปลงพระเกศาของพระกุมารแล้วถวายผ้า
กาสายะ พระสารีบุตรได้ถวายสรณะ. พระมหากัสสปเถระได้เป็นโอวาทาจารย์