No Favorites


หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ – หน้าที่ 802 (เล่ม 71)

พระองค์เสด็จออกจากประตูอาราม พร้อมด้วยพระขีณาสพ
๘ แสน.
เรานุ่งหนังสัตว์ และห่มผ้าเปลือกไม้กรอง ตักเอาน้ำ
ในบึงแล้ว เข้าไปเฝ้าพระสัมพุทธเจ้า.
ยังจิตของตนให้เลื่อมใส เกิดโสมนัส ประนมกรอัญชลี
ตักเอาน้ำในบึงไปประพรมพระพุทธเจ้า.
ด้วยกรรมนั้น พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตะ
ผู้อุดม ทรงสรรเสริญกรรมของเราแล้ว ได้เสด็จไปตามพระ-
ประสงค์.
เราได้บูชาพระชินเจ้าด้วยน้ำอันกำหนดว่า ๕,๐๐๐ หยด
เราได้เสวยเทวรัชสมบัติเพราะน้ำ ๒,๕๐๐ หยด.
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเพราะน้ำ ๒,๕๐๐ หยด เราได้
บรรลุอรหัตด้วยกรรมที่เหลือ.
เมื่อใด เราเป็นท้าวเทวราช เมื่อใด เราได้เป็นอธิบดีของ
มนุษย์ ชื่อว่า ผุสสิตะ นั้นแลเป็นชื่อของเรา.
เมื่อเราเป็นเทวดาหรือแม้เป็นมนุษย์ เมล็ดฝนย่อมตก
โดยรอบข้างละวา.
เราถอนภพทั้งหลายขึ้นได้แล้ว เผากิเลสทั้งหลายเสียแล้ว
เป็นผู้มีอาสวะทั้งปวงสิ้นแล้ว นี้เป็นผลแห่งหยาดน้ำฝน.
น้ำฝนของเรามีกลิ่นเสมือนกลิ่นจันทน์ กลิ่นย่อมฟุ้งไป
เหมือนอย่างนั้น กลิ่นหอมซ่านออกจากสรีระของเรา ฟุ้งไป
๒๕๐ ชั่วธนู.

802
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ – หน้าที่ 803 (เล่ม 71)

ชนทั้งหลายสูดกลิ่นหอมอบอวลอันประกอบด้วยบุญกรรม
แล้ว ย่อมรู้ทันทีว่า พระเจ้าผุสสะเสด็จมา ณ ที่นี้.
กิ่งไม้ ใบไม้ ท่อนไม้ และแม้หญ้า ทุกชนิด (ดังจะ)
รู้ความดำริของเรา ย่อมสำเร็จเป็นกลิ่นหอมทันที.
ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้บูชาด้วยไม้จันทน์ ด้วยการ
บูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วย
หยาดน้ำ.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ และ
อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระผัสสิตกัมมิยเถระได้กล่าวคาถานี้ ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
จบผุสสิตกัมมิยเถราปทาน
ปภังกรเถราปทานที่ ๖ (๓๓๖)
ว่าด้วยผลแห่งการชำระพระสถูป
[๓๓๘] พระเจดีย์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ
เชษฐบุรุษของโลก ผู้คงที่ มีอยู่ในป่าชัฏ อันเกลื่อนกล่นด้วย
เนื้อร้าย.
ใคร ๆ ไม่อาจจะไปเพื่อกราบไหว้พระเจดีย์ พระเจดีย์
อันหญ้าต้นและเถาวัลย์ปกคลุม หักพัง.
ในกาลนั้น เราเป็นคนทำการงานในป่า ด้วยการงานของ

803
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ – หน้าที่ 804 (เล่ม 71)

บิดาและปู่ เราได้เห็นพระสถูปอันหักพัง หญ้าและเถาวัลย์
ปกคลุมในป่าใหญ่.
ครั้นได้เห็นพระสถูปแห่งพระพุทธเจ้าแล้ว ตั้งจิตเคารพ
ไว้ว่า พระสถูปนี้แห่งพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด หักพังอยู่
ในป่า.
พระสถูปไม่มีอะไรบังแดดฝน ไม่สมควรแก่คนที่รู้คุณ
และมิใช่คุณ เราได้แผ้วถางพระสถูปแห่งพระพุทธเจ้าแล้ว
จึงจะประกอบการงานอื่น.
ครั้นเราแผ้วถางหญ้าต้นไม้และเถาวัลย์ที่พระเจดีย์ ไหว้
ครบ ๘ ครั้งแล้ว กลับไปยังที่อยู่ของตน ด้วยกรรมที่เราทำดี
แล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตนามั่น เราละกายมนุษย์แล้ว ได้
ไปสู่ชั้นดาวดึงส์.
วิมานทองอันบุญกรรมทำไว้ในชั้นดาวดึงส์นั้น สวยงาม
เลื่อมประภัสสร สูง ๖ โยชน์ กว้าง ๓๐ โยชน์.
เราได้เสวยรัชสมบัติในเทวโลก ๓๐๐ ครั้ง และได้เป็น
พระเจ้าจักรพรรดิ ๒๕ ครั้ง.
ครั้งเมื่อเราท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ ย่อมได้โภค-
สมบัติมาก ความพร่องในโภคสมบัติไม่มีแก่เราเลย นี้เป็น
ผลแห่งการแผ้วถาง
เมื่อเราไปในป่าใหญ่ด้วยคานหามหรือด้วยคอช้าง เรา
ไปสู่ทิศใด ๆ ในทิศนั้น ๆ ป่าย่อมสำเร็จเป็นที่พึ่งพักได้.

804
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ – หน้าที่ 805 (เล่ม 71)

เราไม่เห็นตอหรือแม้หนามด้วยจักษุเลย เราประกอบด้วย
บุญกรรม บุญกรรมย่อมนำปราศไปเอง.
โรคเรื้อน ฝี กลาก โรคลมบ้าหมู่ คุดทะราด หิดเปื่อย
และหิดด้าน ไม่มีแก่เรา นี้เป็นผลแห่งการแผ้วถาง.
เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์
อย่างอื่นยังมีอีก เราไม่รู้สึกว่า ต่อมฝีมีหยาดน้ำเหลืองเกิด
ในกายของเราเลย เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า.
ความอัศจรรย์อย่างอื่นยังมีอีก เราได้ท่องเที่ยวอยู่ในภพ
๒ ภพ คือ ในความเป็นเทวดาหรือมนุษย์.
เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์
อย่างอื่นยังมีอีก เราเป็นผู้มีผิวพรรณดังทอง เป็นผู้มีรัศมี
ในที่ทั้งปวง.
เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์
อย่างอื่นยังมีอีก สิ่งที่ไม่ชอบใจไม่มี สิ่งที่ชอบใจเข้ามาตั้งไว้.
เพราะเราแผ้วถางที่พระสถูปพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์
อย่างอื่นยังมีอีก เรานั่งบนอาสนะเดียว ได้บรรลุอรหัต.
ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใด ในกาลนั้น ด้วย
กรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการแผ้วถาง.

805
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ – หน้าที่ 806 (เล่ม 71)

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ
อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระปภังกรเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
จบปภังกรเถราปทาน
ติณกุฏิทายกเถราปทานที่ ๗ (๓๓๗)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายกุฎีหญ้า
[๓๓๙] เราเป็นคนรับจ้างทำการงานของคนอื่น ขวนขวาย
ในทางเกิดการงานของคนอื่น อาศัยอาหารของผู้อื่น อยู่ใน
นครพันธุมดี.
ในกาลนั้น เรานั่งอยู่ในที่ลับแล้ว คิดอย่างนี้ว่า พระ-
พุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก แต่การก่อสร้างบุญกุศล
ของเราไม่มี.
บัดนี้เป็นเวลาสมควรที่เราจะชำระคติ ถึงเวลาของเราแล้ว
การถูกต้องนรกเป็นทุกข์แก่สัตว์ทั้งหลายผู้ไม่มีบุญเป็นแน่แท้.
ครั้นเราคิดอย่างนี้แล้ว จึงเข้าไปหาเจ้าของงาน ขอหยุด
การงานวันหนึ่ง แล้วเข้าป่าใหญ่.
ในกาลนั้น เราขนเอาหญ้า ไม้และเถาวัลย์มาแล้ว ตั้ง
เสาไม้ขึ้น ๓ ต้น ได้สร้างเป็นกุฎีหญ้า.

806
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ – หน้าที่ 807 (เล่ม 71)

เราได้มอบถวายกุฎีนั้นเพื่อประโยชน์แก่สงฆ์ แล้วกลับ
มาหาเจ้าของการงานในวันนั้นนั่นแล.
ด้วยกุศลกรรมที่เราทำแล้วนั้น เราได้ไปสู่ดาวดึงส์ วิมาน
อันบุญกรรมสร้างให้แก่เราอย่างดีในดาวดึงส์นั้น นิรมิตให้
เพราะกุฎีหญ้า.
เครื่องประดับพันหนึ่ง ลูกคลีหนัง ๑๐๐ ลูก ธงสีเขียว
พวงดอกไม้แสนพวง ปรากฏอยู่ในวิมานของเรา.
เราอุบัติ ณ กำเนิดใด ๆ คือ ความเป็นเทวดาหรือมนุษย์
ในกำเนิดนั้น ๆ ปราสาท (ดังจะ) รู้ความดำริของเรา ผุดขึ้น
ตั้งอยู่.
ความกลัว ความครั่นคร้าม หรือขนลุกชูชัน ย่อมไม่มี
แก่เรา เราไม่รู้สึกความสะดุ้งหวาดเสียวเลย นี้เป็นผลแห่ง
การถวายกุฎีหญ้า.
ราชสีห์ เสื่อโคร่ง เสือเหลือง หมี หมาป่า และเสือดาว
ทั้งปวง ย่อมละเว้นเรา นี้เป็นผลแห่งการถวายกุฎีหญ้า.
สัตว์เสือกคลาน ภูตผี ปีศาจ งู กุมภัณฑ์ และผีเสื้อยักษ์
แม้เหล่านั้น ก็ย่อมละเว้นเรา นี้เป็นผลแห่งการถวายกุฎีหญ้า.
เราระลึกไม่ได้ว่า ได้ฝันเห็นลามกเลย สติของเราตั้งมั่น
นี้เป็นผลแห่งการถวายกุฎีหญ้า.
เราได้เสวยสมบัติ เพราะการถวายกุฎีหญ้านั้นแล้ว ได้
กระทำธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า โคดม ให้
แจ้งชัดแล้ว.

807
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ – หน้าที่ 808 (เล่ม 71)

ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใด ในกาลนั้น ด้วย
กรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายกุฎีหญ้า.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ
อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระติณกุฏิทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบติณกุฏิทายกเถราปทาน
อุตตเรยยทายกเถราปทานที่ ๘ (๓๓๘)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายผ้า
[๓๔๐] ในกาลนั้น เราเป็นพราหมณ์ผู้เล่าเรียน ทรงจำมนต์
รู้จบไตรเพท อยู่ในนครหังสวดี.
เวลานั้น เราแวดล้อมด้วยพวกศิษย์ของตน เป็นคนมี
ตระกูล ศึกษาดี ออกไปจากนคร เพื่อต้องการจะรดน้ำ.
พระชินเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ทรงรู้แจ้งโลภ ทรงรู้
จบมนต์ทั้งปวง เสด็จเข้ามายังพระนคร พร้อมกับพระขีณาสพ
หลายพัน.
เราเห็นพระองค์มีพระรูปงามยิ่งนัก ไม่หวั่นไหวเหมือนเขา
ทำ (หล่อ) ไว้ แวดล้อมด้วยพระอรหันต์ทั้งหลาย ครั้นแล้ว
ได้ยังจิตให้เลื่อมใส เรามีจิตเลื่อมใสโสมนัส.

808
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ – หน้าที่ 809 (เล่ม 71)

ประนมกรอัญชลีเหนือเศียรเกล้า นมัสการพระองค์ผู้มีวัตร
อันงาม ได้ถวายผ้าห่ม เราประคองผ้าสาฎกด้วยมือทั้งสอง
แล้วยกขึ้น ผ้าสาฎกปกปิด (บังแดดฝน) ตลอดทั่วพุทธ-
บริษัท.
เมื่อหมู่ภิกษุเป็นต้น เป็นอันมาก เที่ยวจาริกไปบิณฑบาต
เวลานั้น ผ้าสาฎกได้กั้นเป็นหลังคายังเราให้เกิดโสมนัส.
เมื่อหมู่ภิกษุเป็นต้นจะออกจากเรือน พระศาสดาผู้สยัมภู
เป็นบุคคลผู้เลิศ ประทับยืนอยู่ที่ถนน ได้ทรงทำอนุโมทนาว่า
ผู้ใดมีจิตเลื่อมใสโสมนัส ได้ถวายผ้าสาฎกแก่เรา เรา
จักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว.
ผู้นั้นจักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอด ๓ หมื่นกัป จักเป็น
จอมเทวดา เสวยเทวรัชสมบัติอยู่ในเทวโลก ๕๐ ครั้ง.
เมื่อเขาผู้พร้อมพรั่งด้วยบุญกรรม อยู่ในเทวโลก จักมีผ้า
เป็นหลังคาบังแดดฝนตลอดร้อยโยชน์โดยรอบ.
และจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ๓๖ ครั้ง จักได้เป็น
พระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ โดยจะคณนานับมิได้.
เมื่อเขาผู้พรั่งพร้อมด้วยบุญกรรม ท่องเที่ยวอยู่ในภพ สิ่ง
ที่เขาปรารถนาด้วยใจทุกอย่าง จักบังเกิดขึ้นทันที.
คนผู้นี้จักได้ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าเปลือกไม้ (ผ้าป่าน)
ผ้าฝ้าย และผ้าทั้งหลายอันมีค่ามาก คนผู้นี้จักได้สิ่งที่ตน
ปรารถนาด้วยใจทุกอย่าง จักเสวยวิบากแห่งผ้าผืนเดียว ใน
กาลทุกเมื่อ.

809
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ – หน้าที่ 810 (เล่ม 71)

ภายหลัง เขาอันกุศลมูลตักเตือนแล้ว จักบวช จักกระทำ
ธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า โคดม ให้แจ้งชัด.
โอ กุศลกรรมเราได้ทำแล้วแด่พระสัมพุทธเจ้า เราได้
บรรลุอมฤตบท เพราะได้ถวายผ้าสาฎกผืนเดียว ผ้าเป็น
หลังคากันแดดฝนให้แก่เรา ผู้อยู่ในมณฑป ที่โคนไม้ หรือ
ในเรือนว่าง โดยรอบข้างละวา.
เรานุ่งห่มปัจจัย คือจีวรอันไม่ได้ทำวิญญัติ และได้ข้าว
และน้ำ นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้าห่ม.
ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใด ในกาลนั้น ด้วย
กรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ
อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระอุตตเรยยทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบอุตตเรยยทายกเถราปทาน

810
หมวด/เล่ม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ – หน้าที่ 811 (เล่ม 71)

ธัมมสวนิยเถราปทานที่ ๙ (๓๓๙)
ว่าด้วยผลแห่งการฟังธรรม
[๓๔๑] พระชินเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ทรงรู้จบธรรมทั้งปวง
ทรงประกาศสัจจะ ๔ ยังชนเป็นอันมากให้ข้ามพ้น (ทุกข์)
สมัยนั้น เราเป็นชฎิลผู้มีตบะอันสูงเด่น สลัดผ้าเปลือกไม้
กรอง (ผ้าคากรอง) เหาะไปในอัมพรในบัดนั้น.
แต่เราไม่อาจจะไปในเบื้องบนแห่งพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ
สุดได้ เวลานั้น เราเป็นเหมือนนกกระทบหินไปไม่ได้.
ความเป็นไปที่ผิดแปลกเช่นนี้ ไม่เคยมีแก่เราเลย เรา
เหาะไปในอัมพร เหมือนดังหลังคาไปในน้ำ.
ก็มนุษย์ซึ่งเป็นผู้ประเสริฐ จักมีอยู่ภายใต้นี้กระมังหนอ
ถ้าเช่นนั้น เราจักค้นหาเขา บางทีจะพึงได้ประโยชน์บ้าง.
เมื่อเราลงจากอากาศ ได้ฟังเสียงของพระศาสดาซึ่งกำลัง
ตรัสอนิจจตาอยู่ เราจึงเรียนอนิจจตานั้นในขณะนั้น.
ครั้นเรียนอนิจจสัญญาแล้ว ได้กลับไปสู่อาศรมของเรา
เราอยู่ตลอดกำหนดอายุแล้ว ทำกาลกิริยา ณ ที่นั้น.
เมื่อภพที่สุดยังเป็นไปอยู่ เราระลึกถึงการฟังธรรมนั้นได้
ด้วยกุศลกรรมที่เราทำแล้วนั้น เราไปสู่ดาวดึงส์.
เรารื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอดสามหมื่นกัป ได้เสวยรัช-
สมบัติในเทวโลก ๕๑ ครั้ง.
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗๑ ครั้ง และได้เป็นพระเจ้า
ประเทศราชอันไพบูลย์ โดยจะคณนานับมิได้.

811