ดังนี้ ชื่อว่า ทาสยืมไม่ควรให้เขาบวช. บุรุษใดเป็นทาสไม่มีนาย บุรุษแม้
นั้นอันภิกษุให้เป็นไทก่อนจึงควรให้บวช. ภิกษุไม่ทราบให้บรรพชาหรืออุป-
สมบทแล้ว จึงทราบภายหลัง ควรทำให้เป็นไทเหมือนกัน. และเพื่อประกาศ
เนื้อความข้อนี้ พระโบราณาจารย์ทั้งหลาย จึงกล่าวเรื่องนี้ว่า:-
ดังได้ยินมา นางกุลทาสีคนหนึ่ง กับบุรุษคนหนึ่ง หนีจากอนุราธบุรี
ไปอยู่ในโรหนชนบท มีบุตรคนหนึ่ง. บุตรนั้นในเวลาที่บรรพชาอุปสมบท
แล้ว เป็นภิกษุลัชชีมักรังเกียจ. ภายหลังวันหนึ่ง เธอถามมารดาว่า อุบายสิกา
พี่น้องชายหรือพี่น้องหญิงของท่านไม่มีหรอกหรือ ? ฉันจึงไม่เห็นญาติไร ๆ เลย
มารดาตอบว่า พ่อคุณ ฉันเป็นกุลทาสิ ในอนุราธบุรี หนีมาอยู่ที่นี่กับบิดาของ
คุณ ภิกษุผู้มีศีล ได้ความสังเวชว่า ได้ยินว่าบรรพชาของเราไม่บริสุทธิ์ จึง
ถามมารดาถึงชื่อและโคตรของสกุลนั้นแล้วมายังอนุราธบุรี ได้ ยืนที่ประตูเรือน
ของสกุลนั้น. เธอถึงเขาบอกว่า นิมนต์โปรดข้างหน้าเถิดเจ้าข้า ?. ก็ยังไม่เลย
ไป. พวกเขาจึงพากันมาถามว่า มีธุระอะไรขอรับ ? เธอจึงถามว่า นางทาสี
ชื่อนี้ของพวกท่านซึ่งหนีไปมีไหม ? มีขอรับ ฉันเป็นบุตรนางทาสี นั้น ถ้าพวก
ท่านอนุญาตให้ฉัน ฉันจะบวช พวกท่านเป็นนายของฉัน. พวกเขาเป็นผู้
รื่นเริงยินดี ยกเธอเป็นไทว่า บรรพชาของท่านบริสุทธิ์ขอรับ แล้วนิมนต์
ให้อยู่ในมหาวิหารบำรุงด้วยปัจจัย ๔ พระเถระอาศัยสกุลนั้นอยู่เท่านั้น ได้บรรลุ
พระอรหัต.
อรรถกถาทาสวัตถุกถา จบ