ข้อว่า ธมฺมโต วิเวเจตุํ มีความว่า เพื่อให้สละเสีย โดยธรรม
คือตามเหตุ.
ในปัญจกะนี้ ปรับอาบัติทุก ๆ บท. แม้ในปัญจกะซึ่งมีบทต้นว่า ไม่
รู้จักอาบัติ ก็ปรับอาบัติทุก ๆ บท.
ในปัญจกะนั้น ข้อว่า อุภยานิ โข ปนสฺส ปาฏิโมกฺขานิ
วิตฺถาเรน สฺวาคตานิ โหนฺติ ได้แก่ ปาฏิโมกข์ ๒ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสด้วยอำนาจอุภโตวิภังค์.
บทว่า สุวิภตฺตานิ ได้แก่ ที่ตรัสด้วยอำนาจมาติกาวิภังค์.
บทว่า สุปฺปวตฺตีนิ ได้แก่ ที่ตรัสด้วยอำนาจที่คล่องปาก.
หลายบทว่า สุวินิจฺฉิตานิ สุตฺตโส อนุพฺยญฺชนโส ได้แก่ที่
วินิจฉัยดีแล้ว โดยมาติกาและวิภังค์. แม้ในปัญจกะซึ่งมีบทท้ายว่า มีพรรษา
หย่อน ๑๐ ก็มีนัยเหมือนกันนั่นแล. ๓ ปัญจกะข้างต้น ๓ บทในปัญจกะที่ ๔
๒ บทในปัญจกะที่ ๕ รวมทั้งหมดเป็น ๔ ปัญจกะ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
ด้วยอำนาจแห่งภิกษุผู้ไม่สมควร. ๒ บทในปัญจกะที่ ๔ ๓ บทในปัญจกะที่ ๕
๓ ปัญจกะ คือ ที ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ รวมทั้งหมดเป็น ๔ ปัญจกะ พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสด้วยอำนาจองค์แห่งอาบัติ ด้วยประการฉะนี้. ในศุกลปักษ์
ไม่มีอาบัติเลย ทั้ง ๘ ปัญจกะ ฉะนั้นแล.
พึงทราบวินิจฉัยในฉักกะทั้งหลาย ดังนี้ อูนทสวัสสบท เป็นข้อพิเศษ.
บทนั้นปรับอาบัติในทุก ๆ หมวด. คำที่เหลือพึงทราบตามนัยที่กล่าวแล้วนั่นแล.
อรรถกถาโสฬสปัญจกวินิจฉัย จบ